ไป๋ชิงหลิงบอกหรงเยี่ยถึงเรื่องที่หมิงหยางพูดอีกครั้ง
หรงเยี่ยขมวดคิ้วทันที และพูดว่า “คนที่แซ่ฉางนี้ ไม่ได้รักหมิงหยางเลยแม้แต่น้อย!”
“ไม่ได้รักเลยหรือ?” ไป๋ชิงหลิงหันกลับไปมองเขา “ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาไม่รักองค์หญิงหมิงหยาง?”
หรงเยี่ยกอดนางไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง และโอบแขนของเขารอบตัวของนาง แล้วพูดโดยให้ริมฝีปากของเขาแตะที่หูของนางแล้วพูดว่า “เพราะข้าเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน ”
หัวใจของไป๋ชิงหลิงตึงเครียด นางหันศีรษะเล็กน้อย และริมฝีปากของนางก็สัมผัสใบหน้าของเขา
นางลูบหน้าเขาสองสามครั้ง แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับแขนของเขา
ในเวลานี้ ก็ได้ยินหรงเยี่ยพูดต่อว่า “ถ้าเจ้ารักอย่างลึกซึ้ง จะเลิกกันง่าย ๆ ได้อย่างไร นั่นมันเป็นเรื่องที่เป็นตาย ใครอยากจะทิ้งชีวิตของตัวเองง่าย ๆ และบุตรชายแซ่ฉาง ไม่ได้เขียนจดหมายถึงหมิงหยางมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และเขาไม่เคยไปที่จวนตระกูลอิงเพื่อแสดงอะไรให้ชัดเจนเลย ยิ่งไม่เคยขอให้นางกำนัลคนนนั้นส่งของอะไรให้เลย อย่าพูดถึงมันเลย คนในตระกูลฉางไม่อนุญาตให้เขาคบหากับอิงหมิงหยาง ข้าเองก็ไม่เชื่อ ถ้าเขาชอบผู้หญิงคนนี้มาก ให้สิ่งเล็ก ๆ น้อยแบบนี้จะส่งให้ถึงมืออิงหมิงหยางไม่ได้หรือ แม้ต้องทำเรื่องที่ไม่เหมาะสม เขาก็สามารถปีนไปที่จวนตระกูลอิงได้เช่นกัน”
เมื่อไป๋ชิงหลิงได้ยินประโยคสุดท้าย นางก็หัวเราะ“คิกคัก”ออกมา “เจ้าบอกว่าจ้วงหยวนหลางทำเรื่องไม่เหมาะสม!”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เซิงเอ๋อร์มักทำหรอกหรือ ข้าไม่คิดว่าการปีนโพรงสุนัขเป็นสิ่งที่น่าอับอาย” หรงเยี่ยพูดอย่างภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
ไป๋ชิงหลิงหันกลับมากอดเขาแล้วพูดว่า “ตามที่ท่านพูดแบบนี้ คุณชายฉางไม่ชอบองค์หญิงเลย แต่ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงแลกเปลี่ยนจดหมายกับองค์หญิงล่ะ เป็นไปได้ไหมว่าเขาแค่รู้สึกว่าเจ้าหญิงเป็นคู่หมั้นของเขา เขาจึงมีความรู้สึกเล็กน้อยหรือ?”
“ข้าจะไม่เขียนจดหมายถึงผู้หญิงแบบลวก ๆ หรอก ดังนั้น ถ้าเจ้าถามข้าว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ข้าก็ไม่สามารถตอบเจ้าได้ อย่างไรก็ตามในใจข้ามีเพียงคนคนเดียวเท่านั้น” เสียงของหรงเยี่ยเปลี่ยนไปเบามาก
และไป๋ชิงหลิงก็ได้ยินความหมายเบื้องหลังคำพูดของหรงเยี่ยด้วย
นางรู้สึกอบอุ่นในใจ เงยหน้าขึ้นและจูบหน้าผากของเขา……
หรงเยี่ยหัวเราะเบา ๆ แล้วใช้มือลูบผมของนาง แล้วพูดว่า “ถ้าพระชายาอยากรู้เกี่ยวกับบุคคลนี้ เมื่อข้ากลับไปจะให้ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำไปตรวจสอบ”
“ข้าไม่ได้สนใจบุคคลนี้ ข้าแค่รู้สึกว่าบุคคลนี้ไม่คู่ควรกับความไว้วางใจขององค์หญิง และเห็นได้จากท่าทีของเขา ที่ไม่ถามไถ่องค์หญิงมานานกว่าหนึ่งปีว่า เขาเป็นคนใจร้าย” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
และหรงเยี่ยไม่ต้องการให้บทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองเกี่ยวข้องกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยเขาไป มาพูดถึงจิ่งหลินกันดีกว่า ช่วงนี้เขามักจะง่วงนอน ข้ากังวลเกี่ยวกับพิษของเขา และต้องการพาเขากลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด พระชายา เจ้าว่า……จะทำอย่างไรดี!”
อย่างไรก็ตามนางเข้าใจร่างกายของจิ่งหลินดีกว่าเขา ไม่ว่าจะเหมาะสมที่จะย้ายจิ่งหลินหรือไม่ก็ตาม ก็จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากไป๋ชิงหลิงด้วย
ไป๋ชิงหลิงเมื่อได้ยินนางก็กังวลมาก “นอกจากอาการง่วงนอนแล้ว ไม่มีอาการอื่นอีกเลย”
หรงเยี่ยก้มหน้าลงและขมวดคิ้ว “ข้าฝันร้าย และบางครั้งมือและเท้าของข้าก็กระตุก”
เขาไม่กล้าปิดบังอะไรจากไป๋ชิงหลิงอีกต่อไป แม้ว่านางจะกังวลมากหลังจากทราบอาการของจิ่งหลินก็ตาม
นี่เป็เนความไว้วางใจขั้นพื้นฐานที่สุดระหว่างสามีและภรรยา นางมอบความไว้วางใจส่งลูกให้กับเขา ซึ่งพิสูจน์ว่าตอนนี้นางเชื่อใจเขาอย่างเต็มที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...