"นั่นสิ"หลวนอี๋เจอคนที่คิดเหมือนกัน พูดด้วยสีหน้าที่โกรธว่า:"เสแสร้ง สร้างภาพ พี่สะใภ้เจ็ด พี่จะเมินเฉยไม่ได้นะ!"
"แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้"ไป๋ชิงหลิงทราบดีถึงอาการของอิงหมิงหยาง:"อาการโรคของหมิงหยางถือว่าคงที่แล้ว แต่นางห้ามใช้อารมณ์มากนัก อีกทั้งฉางซิงเว่ยเป็นความหวังสุดท้ายที่ทำให้นางอยู่ต่อไป เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ห้ามใจร้อน!"
จัดการเรื่องของอิงหมิงหยางจะใช้ไม้เดิมที่ใช้กับหลวนอี๋ไม่ได้แล้ว
หลวนอี๋แค่ชอบ ควรตัดก็คือตัด
แต่อิงหมิงหยางต่างออกไป นางคิดว่าฉางซิงเว่ยเป็นทุกอย่างของนางไปแล้ว
ช่วงแรกที่นางเข้าตรวจอิงหมิงหยาง อิงหมิงหยางไม่มีจิตใจที่จะอยู่ต่ออีกแล้ว ต่อมาอาการของโรคเริ่มเบาลง นางก็พยายามกล่อมความคิดที่ว่านางต้องรักษาตัวให้หายดีถึงจะไปหาคนที่ชอบได้อยู่เสมอ เช่นนี้ถึงทำให้อิงหมิงหยางมีความคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ถ้าหากมีใครบอกนางว่าการหมั้นหมายของนางกับฉางซิงเว่ยถูกถอนแล้วละก็ เกรงว่าอิงหมิงหยางจะรับไม่ไหว!
"พี่สะใภ้เจ็ด พี่จะทำอย่างไร?"อารมณ์ของหลวนอี๋สงบลงแล้ว
"ไม่จำเป็นต้องทำอะไร ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าหมิงหยางไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากฉางซิงเว่ย เมื่อถึงตอนนั้นก็น่าจะเข้าใจเอง มองก็รู้ว่าหมิงหยางเป็นหญิงฉลาด ถ้ารู้ว่าคนที่ตระกูลฉางคนนี้ไม่ซื่อตรงต่อนาง ก็คงไม่ฝืนตามเขาไปหรอก"พูดจบ ไป๋ชิงหลิงตบตัวของหลวนอี๋เบาๆ:"หลวนอี๋ คืนนี้พักที่จวนอ๋องเถอะ ข้าจะนอนกับเจ้าเอง"
"เพคะ"
หรงเยี่ยหน้าบึ้งตึง!
หรงเยี่ยถูกไล่ออกจากห้อง จูงแขนลูกสองคนไว้
ลูกทั้งสองเงยหน้ามองไปที่เขา
หรงจิ่งหลินดึงมือตัวเองออกจากมือของเขา เดินไปหาไป๋ชงเซิงแล้วพูดว่า:"เซิงเอ๋อร์ พวกเราก็กลับห้องพักผ่อนกันเถอะ"
"เพคะ เสด็จพ่อก็รีบพักผ่อนนะ"ไป๋ชงเซิงโบกมือ จากนั้นก็กลับเข้าห้องของตัวเอง
หรงเยี่ยหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม......
หลวนอี๋อารมณ์ไม่ดี ทำไมถึงให้เขาที่เป็นพี่ชายถูกปฏิเสธกันเนี่ย
อยู่ๆประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ไป๋ชิงหลิงเดินออกมาจากข้างใน หรงเยี่ยยิ้มแย้มขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า:"พระชายา......"
ยังไม่รอให้เขาพูดจบ ไป๋ชิงหลิงก็ยัดเสื้อผ้าหลายชุดเข้าไปในอกของเขาแล้วพูดว่า:"เสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยน"
พูดจบ ไป๋ชิงหลิงก็กลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูอย่างแรง
หรงเยี่ยก้มหน้ามองไปที่ชุดเสื้อผ้าที่อยู่ในอก มุมปากแข็งทื่อ
เขาหันหลังมองไปที่อิงซา นำเสื้อผ้าทั้งหมดที่อยู่ในอกยัดเข้าไปที่อกของเขา จากนั้นก็ไปที่ลานบ้านของหมอซู
เขาเข้าไปในหอผลิตยาของหมอซู หมอซูมองเห็นหรงเยี่ย ก็เหมือนกับหนูเจอกับแมวอย่างนั้น หดคอทันที ถามด้วยความระวังว่า:"ท่านอ๋องมาเยี่ยมยามดึกเยี่ยงนี้ มีเรื่องอะไรหรือขอรับ?"
หรงเยี่ยดึงเก้าอี้ออกมาแล้วก็นั่งลง
อิงซากวาดตาเห็นสีหน้าที่บึ้งตึงของเจ้านาย จึงยืนอยู่ข้างนอกเงียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...