วันรุ่งขึ้น ไป๋ชิงหลิงให้ลี่ว์อีไปที่จวนองค์หญิงเพื่อให้ยากับนาง ส่วนเธอเดินทางเข้าวังเพื่อเยี่ยมไทเฮาพร้อมกับหรงจิ่งหลินและไป๋ชงเซิง
หมอหลวงจ้าวและหมอหลวงหงคอยเฝ้าอยู่ข้างๆไทเฮาทุกวัน และดูแลไทเฮาเป็นอย่างดี
หลังจากดูแลมาได้ระยะหนึ่ง อาการป่วยของไทเฮาก็ค่อยๆดีขึ้น แต่เมื่อนางเห็นหรงจิ่งหลิน นางก็สะอื้นและร้องไห้
หรงจิ่งหลินเดินเข้าไปอยู่ข้างๆไทเฮา เช็ดน้ำตาแล้วปลอบไทเฮาว่า “เสด็จย่าทวด ท่านอย่าร้องไห้”
“จิ่ง......หลิน!” ไทเฮานอนอยู่บนเตียง ค่อยๆยกมือขึ้น และคว้าแขนที่ผอมและเล็กของหรงจิ่งหลิน
ทันทีที่นางคว้าแขน ไทเฮาก็รู้สึกว่าหรงจิ่งหลินนั้นซูบผอมลงมาก แขนที่เคยมีเนื้อ ตอนนี้ผอมลงมาก เมื่อจับแล้วรู้สึกว่ามีแต่กระดูก
นางยิ่งรู้สึกปวดใจ “ผอม....ลง.....”
นางพูดอย่างช้าๆ แสดงออกถึงความยากลำบาก
หลังจากที่วัดเต๋อหลินล่มสลาย ร่างกายของไทเฮาก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ ประกอบกับผลที่ตามมาจากการผ่าตัดและอาการป่วย ทำให้การแสดงออกของไทเฮานั้นเป็นเรื่องที่ยากขึ้น
บางครั้งนางคิดแล้วว่าจะพูดอะไร แต่เมื่อนางอ้าปาก ก็พูดไม่ออกสักคำ
เช่นเดียวกับตอนนี้ นางมีสิ่งที่อยากพูดกับหรงจิ่งหลินมากมาย แต่ไม่สามารถเอ่ยปากพูดออกมาได้ ทำได้เพียงจ้องมองหรงจิ่งหลิน และร้องไห้เงียบๆ
หรงจิ่งหลินรู้สึกปวดใจมาก เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้ไทเฮา แล้วพูดว่า “เสด็จย่าทวด ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จิ่งหลินเข้าใจ ท่านวางใจ แม้ว่าจิ่งหลินจะผอมลง แต่ร่างกายแข็งแรงดีแล้ว หมอเทวดาซูบอกว่าการเปลี่ยนถ่ายเลือดประสบผลสำเร็จ ชีวิตของหม่อมฉันก็จะไม่ถูกพิษที่ตกค้างในร่างกายคุกคามอีกต่อไป”
ไป๋ชงเซิงมองหรงจิ่งหลินโดยไม่รู้ตัว ด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความแปลกใจนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว แล้วพูดอย่างเห็นด้วยว่า “ใช่แล้ว เสด็จย่าทวดวางใจและพักรักษาตัวเถิด ต่อไปพี่ชายและหม่อมฉันก็สามารถอยู่ข้างๆเสด็จย่าทวดได้แล้ว”
ไทเฮาร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน ลูบหัวของหรงจิ่งหลิน แล้วก็ลูบใบหน้าของไป๋ชงเซิง และจ้องเด็กทั้งสองอย่างเอ็นดู
ไป๋ชิงหลิงได้รับผลกระทบทางอารมณ์จากไทเฮาและเด็กทั้งสอง ดวงตาของเธอก็เริ่มแดงเล็กน้อย
เธอเดินไปด้านหลังของเด็กทั้งสอง แล้วพูดว่า “เสด็จย่า วางใจและรักษาตัวเถิด เจ้าเสวี่ยจะดูแลเด็กทั้งสองเป็นอย่างดี จะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาทั้งสองอย่างแน่นอน”
“ดี......ดี......” ไทเฮายื่นมือออกไปให้ไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงเดินเข้าไป กุมมือของไทเฮา แล้วนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ
“ดี......ดี......” ไทเฮาตบหลังมือของไป๋ชิงหลิงสองครั้ง ก่อนจะพูดคำสุดท้าย “แล้ว!
แม่นมอวี่อันกลัวว่าไป๋ชิงหลิงจะไม่เข้าใจ จึงอธิบายว่า “ไทเฮาหวังว่าท่านอ๋องหรงและพระชายาท่านอ๋องหรงล้วนสบายดี”
“เสด็จย่าวางใจ นับจากนี้ไปหม่อมฉันจะอยู่เคียงข้างหรงเยี่ย เพื่อดูแลสามีและเลี้ยงดูลูกๆ” ไป๋ชิงหลิงรู้ว่านางมีเรื่องมากมายที่จะพูดกับเธอ และเธอก็เข้าใจความคิดของไทเฮาด้วย
ไทเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง จับมือของไป๋ชิงหลิงไว้แน่น แล้วค่อยๆแสดงสิ่งที่นางต้องการจะพูด
ไป๋ชิงหลิงก็ตั้งใจฟังอย่างอดทนเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...