"ผ่าตัด?" จักรพรรดิเหยาจ้องมองหรงเยี่ยด้วยพระพักตร์ที่งงงวยไม่เข้าใจ "นี่คือวิธีการรักษาของนาง วิธีการนี้สามารถช่วยชีวิตของเสด็จย่าได้พ่ะย่ะค่ะ"
พระองค์ไม่รู้เลยว่าคำว่าผ่าตัดของหรงเยี่ยนั้น คือการใช้มีดกรีดไปที่บนร่างกายของไทเฮา
หรงเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่นและแน่วแน่ "หมอเทวดากล่าวว่าจำเป็นต้องผ่าตัดเท่านั้น การเสวยน้ำแกงโอสถไม่สามารถรักษาต้นเหตุของโรคที่เสด็จย่าเป็นได้ การผ่าตัดจำเป็นต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยาม นางต้องการความเงียบสงบ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย เสด็จพ่อได้โปรดกลับไปประทับรอที่บัลลังก์มังกรเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิเหยาเสด็จกลับไปประทับยังบัลลังก์มังกรด้วยพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและสงสัย
บรรดาหมอหลวงที่ถูกต้อนออกไปนอกตำหนักฮุ่ยหนิง ก็ได้กลับเข้าไปไปภายในพระที่นั่งแล้ว
บรรดาพระสนมทั้งหลายรวมไปถึงฮองเฮาอู่ก็อยู่ที่นั่นแล้ว แม้แต่พระสนมเอกหรงก็อยู่ข้างๆ
พระสนมเอกหรงที่คิดแค้น เมื่อเห็นหรงเยี่ยกล่าวออกมาเพียงครึ่งหนึ่ง จึงได้ถามออกไปด้วยสีหน้าแสร้งเป็นกังวล "เหลือนางเพียงคนเดียวในห้องบรรทมของเสด็จแม่ จะไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ การผ่าตัดที่ท่านอ๋องหรงกล่าวมา คือการรักษาด้วยวิธีการใดหรือ เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย หมอหลวงฮั่ว เจ้าเลยได้ยินมาก่อนหรือไม่"
เมื่อหมอหลวงฮั่วถูกเรียก จึงได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโค้งคำนับ "ข้าน้อยมีประสบการณ์น้อยนิด ไม่เคยได้ยินสิ่งนี้มาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!"
ขณะนี้ พระสนมเอกหรงได้หันไปยังหมอหลวงจ้าวและหมอหลวงหลี่ น้ำเสียงของนางแอบซ่อนความชั่วร้ายเล็กน้อย
"หมอหลวงจ้าว เมื่อสักครู่ที่เจ้าพูดหน้าตำหนักว่าไป๋เจาเสวี่ยช่วยดึงลูกธนูออกให้องค์รัฐทายาทจิ่ง เช่นนั้นพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการผ่าตัดคือการรักษาด้วยวิธีการใด?" พระสนมเอกหรงถาม
ในที่สุดจักรพรรดิเหยาก็นึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมา
การผ่าตัดคืออะไร?
นางกำลังใช้วิธีการใดในการรักษาอาการประชวรของไทเฮา?
เหตุใดภายในห้องบรรทมถึงเหลือไว้เพียงทหารองครักษ์อินทรีดำไว้เพียงคนเดียว
พระเนตรที่แหลมคมจับจ้องไปยังหมอหลวงจ้าว และเพื่อหวังจะได้คำตอบจากปากของหมอหลวงจ้าว
หมอหลวงจ้าวเหลือบมองหรงเยี่ยอย่างกระอักกระอ่วนใจ
ช่วงที่อยู่ในจวนท่านอ๋องหรงนั้น เขาก็พอจะเคยได้ยินคำว่า ""ผ่าตัด" อยู่บ้าง
ผ่าตัด คงจะเหมือนกับการดึงลูกธนูออกมาจากองค์รัฐทายาทจิ่งเช่นนั้นกระมัง
แน่นอนว่า อาการประชวรของไทเฮานั้นไม่อาจเทียบได้กับองค์รัฐทายาท ไทเฮาประชวรด้วยโรคฝีไส้ติ่ง เช่นนั้นก็คงจะเป็น......
"ขจัดความร้อนชื้นและพิษร้าย จากนั้นระบายตะกอนและหนองเหลวออกมาพ่ะย่ะค่ะ!" หมอหลวงจ้าวกล่าว
เมื่อทุกคนได้ยินก็ต่างพากันจ้องตากัน
และเมื่อจักรพรรดิเหยาได้ยินหมอหลวงจ้าวกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ พระองค์ก็ไม่รีบเข้าไปในห้องบรรทมอีก เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ไป๋ชิงหลิงได้เดินออกมาจากข้างใน
อย่างไรก็ตาม ชุดที่นางสวมใส่ออกมานั้นก็ทำให้บรรดาพระสนมและหมอหลวงต่างพากันตกตะลึงอย่างมาก แม้แต่อิงซา ทหารองครักษ์ท่านอ๋องหรงก็สวมเสื้อผ้าที่แปลกประหลาดนี้เช่นกัน
จักรพรรดิเหยาจ้องมองทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจ
พวกนางสวมชุดสีเขียว โดยคลุมศีรษะและใบหน้าเอาไว้ ที่มือก็สวมใส่ถุงมือ ซึ่งดูแล้วช่างแปลกประหลาดอย่างมาก
ขณะนี้ ไป๋ชิงหลิงได้ถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามหยดย้อย
พระสนมเอกหรงตกตะลึงอย่างมาก นางจิ้งจอกคนนี้ช่างมีใบหน้าที่สวยงามเหลือเกิน
ไม่แปลกเลยที่เหตุใดท่านอ๋องหรงจะลุ่มหลงในตัวนางเช่นนี้!
ไป๋ชิงหลิงเดินเข้ามาใกล้และกล่าวว่า "อาการติดเชื้อในช่องท้องและบริเวณท่อเนื้อตายของไทเฮาได้ถูกกำจัดออกแล้ว หลังจากการผ่าตัดจำเป็นต้องรีบลุกจากเตียงเพื่อใช้ชีวิตปกติให้เร็วที่สุด หลังจากระบายลมในท้องแล้วก็สามารถเสวยพระกระยาหารได้ตามปกติ พยายามเสวยพระกระยาหารเหลว และห้ามให้แผลโดนน้ำเพคะ"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ?" พระสนมเอกหรงได้ยินประโยคสุดท้ายที่นางบอกว่า "ห้ามให้แผลโดนน้ำ" จึงถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหลมคม "เหตุใดบนร่างกายของไทเฮาถึงมีบาดแผล"
ฮองเฮาอู่ก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
จักรพรรดิเหยาราวกับอะไรถูกจุดประกาย พระเนตรของพระองค์เต็มไปด้วยความเยือกเย็น "แผลของไทเฮาเกิดขึ้นได้อย่างไร?"
ไป๋ชิงหลิงมองไปยังหรงเยี่ยด้วยความสับสนงุนงง
เขาไม่ได้บอกฝ่าบาทหรอกหรือ?
นางหันหน้าไปมองหรงเยี่ย และพบว่าเขาไม่แสดงท่าทีใดๆ จู่ๆ ไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกขบขัน......
นางเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน
เขาเพียงต้องการให้ไทเฮามีชีวิตอยู่ต่อไป ส่วนหลังจากที่นางทำการผ่าตัดให้ไทเฮาเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรต่อนั้น เขาไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ
นางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา!
นางรู้สึกว่าตัวเองโศกเศร้าเหลือเกินที่คิดผิดเชื่อใจคนอย่างเขา
อิงซากล่าวตามความเป็นจริง "แม่นางไป๋ทำการผ่าท้องให้ไทเฮา เพื่อตัดเอาชิ้นเนื้อบริเวณที่เป็นหนองออกมาเพคะ"
"ปัง!" จักรพรรดิเหยายกฝ่ามือขึ้นและตบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง จากนั้นตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว "บังอาจ ร่างกายที่สูงส่งของไทเฮาเป็นสิ่งที่พวกเจ้าสมควรแตะต้องอย่างนั้นหรือ!"
พระสนมเอกหรงกล่าวซ้ำเติมในความโชคร้ายของคนอื่น "หมอหลวงฮั่ว เร็วเข้า รีบเข้าไปดูอาการของไทเฮาเร็วเข้า"
หมอหลวงฮั่วรีบวิ่งเข้าไปในห้องบรรทม และเมื่อวิ่งออกมาอีกครั้ง สีหน้าของหมอหลวงฮั่วกลับแย่ลง "ไทเฮา......ไทเฮาเป็นลมหมดสติไปพ่ะย่ะค่ะ......"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...