ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 611

“แล้วเรื่องที่เจ้าขโมยกำไลขององค์หญิงใหญ่ ทำไมจึงไม่บันทึกลงในจดหมายเลือด!” ขณะที่พูด ไป๋ชิงหลิงก็เขวี้ยงจดหมายเลือดที่อยู่ในมือ ใส่หน้าของเหลียนซางอย่างแรง

เหลียนซางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ออกมาปฏิเสธ “ข้าน้อยไม่ได้ทำ!”

“ข้าน้อยเคยขโมยกำไลขององค์หญิงใหญ่เมื่อไหร่? ”

“องค์หญิงใหญ่ทานเจและสวดมนต์อยู่ในวัดมาเป็นเวลาหลายปี จิตใจเมตตาดังพระโพธิสัตว์ จะไล่สาวใช้ออกโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร เจ้าขโมยของ และถูกข้าจับได้ องค์หญิงใหญ่เห็นแก่ที่เจ้าเคยปรนนิบัติรับใช้องค์หญิง จึงไม่ทุบตีเจ้าให้ตาย แค่ไล่เจ้าออกจากจวนองค์หญิง อนาคตจะเป็นตายร้ายดียังไงก็แล้วแต่เจ้า แต่เจ้ากลับเนรคุณ ไม่สำนึกในบุญคุณ ยังมาใส่ร้ายองค์หญิงใหญ่โดยไม่มีหลักฐาน” ไป๋ชิงหลิงดุว่านางด้วยใบหน้าที่โกรธจนแดง

ส่วนฝูงชนที่ล้อมดูด้วยความตื่นเต้น จู่ๆต่างก็เงียบลง

เพราะพวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนั้นมีอคติเกินไป

สถานะขององค์หญิงใหญ่คืออะไร และสถานะของเหลียนซางคืออะไร ทำไมต้องสร้างปัญหาให้กับตัวเองเพียงเพราะสาวใช้เพียงคนเดียว

แม้แต่เหลียนซางเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งต่างๆจะนอกเหนือการควบคุมของนาง และไป๋ชิงหลิงกลับมาใส่ร้ายนาง

ไม่ว่าจะที่ตำหนักใด การขโมยของถือเป็นโทษร้ายแรง แม้ว่าจะถูกทุบตีจนตายมันก็สมควรแล้ว

เหลียนซางรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ ยังคงทำท่าทางอ่อนแอและร้องไห้ “พระชายาท่านอ๋องหรง ข้าน้อยมีความแค้นอะไรกับท่าน? มาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านยังจะใส่ร้ายข้าน้อยอีก”

“ข้าเป็นถึงพระชายาท่านอ๋องหรง ฐานะสูงศักดิ์ แต่เจ้าเป็นแค่คนรับใช้ เจ้าถามข้าว่ามีความแค้นอะไรกับเจ้าถึงได้ใส่ร้ายเจ้า ถ้างั้น ข้าขอถามเจ้าหน่อย ทำไมข้าต้องลดตัวไปใส่ร้ายคนรับใช้อย่างเจ้าด้วย”

เหลียนซางรีบตอบอย่างรวดเร็ว “ข้าน้อยรู้แล้ว เพียงเพราะท่านอ๋องหรงมองข้าน้อยไม่กี่ครั้ง ท่านจึงอิจฉาข้าน้อย ดังนั้นจึงทำทุกวิถีทางเพื่อกลั่นแกล้งข้าน้อย เพื่อให้ข้าน้อยไม่สามารถอยู่ในจวนองค์หญิงได้”

“ท่านอ๋องหรงมองเจ้าไม่กี่ครั้ง?” ไป๋ชิงหลิงเกือบถูกความคิดของเหลียนซางทำให้สับสน

หรงเยี่ยมองนางไม่กี่ครั้ง!!

เหลียนซางคงคิดว่าอายุขัยของตัวเองนั้นยาวเกินไป จึงกล้าดึงหรงเยี่ยเข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนหรงเยี่ยที่กำลังพิจารณาคดีอยู่ที่ศาลต้าหลี่ ก็ได้จามหลายครั้ง

“พระชายาท่านอ๋องหรง ข้าน้อยไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงได้อีกต่อไป ข้าน้อยขอพบองค์หญิงเพียงครั้งเดียว ขอพระชายาท่านอ๋องหรงอนุญาตด้วยเถิด จากนี้ไปข้าน้อยไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างประมาท จะไม่มาขวางหูขวางตาพระชายาท่านอ๋องหรง และทำให้ความสัมพันธ์ของพระชายาท่านอ๋องหรงและท่านอ๋องหรงต้องสั่นคลอนอีก” หลังจากพูดจบ เหลียนซางก็คำนับไป๋ชิงหลิงโดยเอาหัวกระแทกพื้นอย่างแรงหลายครั้ง

และบรรดาผู้คนที่ค่อยๆคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับไป๋ชิงหลิง ต่างก็มองไป๋ชิงหลิงอย่างมีอคติอีกครั้ง

เนื่องจากตั้งแต่ที่ไป๋ชิงหลิงเข้ามาอยู่ในตำหนักอ๋องหรง ท่านอ๋องหรงก็ไม่ได้แต่นางสนมเข้ามาอีกเลย และไม่เคยได้ยินข่าวลือใดๆเกี่ยวกับการร่วมหอลงโรง

ทำให้ผู้คนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า เพราะความอิจฉาริษยาของพระชายาท่านอ๋องหรงหรือไม่

ไป๋ชิงหลิงไม่คาดคิดว่าเหลียนซางจะกล้าพูดแบบนั้น

ในเวลานี้ ประตูจวนองค์หญิงก็ดัง“เอี๊ยด”

เมื่อทุกคนได้ยินเสียงดัง ต่างก็พากันมองไปทางประตู และเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากประตูนั้น

เมื่อไป๋ชิงหลิงหันกลับไปมอง ก็เห็นองค์หญิงใหญ่เดินข้ามธรณีประตู โดยมีแม่นมซูเหมยคอยพยุงอยู่ข้างๆ

และคนที่เดินตามหลังองค์หญิงใหญ่ ก็คืออิงหมิงหยาง!

นางสวมหน้ากากบนใบหน้า ถูกลี่ว์อีและสาวใช้ในจวนคอยช่วยพยุง ค่อยๆเดินตามหลังองค์หญิงใหญ่

ไป๋ชิงหลิงเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม่นมซูเหมยที่พยุงองค์หญิงใหญ่พูดว่า “พระชายาท่านอ๋องหรง ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ท่านพูดเมื่อกี้องค์หญิงใหญ่และองค์หญิงได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว”

ในเมื่อได้ยินชัดเจนแล้ว ก็คงได้ยินสิ่งที่เหลียนซางพูดภายหลังทั้งหมดด้วย

ในเวลานี้ เหลียนซางคุกเข่าเดินเข้าไปหาอิงหมิงหยาง “องค์หญิง ในที่สุดท่านก็ออกมา!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น