ขณะที่ไป๋ชิงหลิงหยิบหมั่นโถวขึ้นมาก็ได้นึกถึงคำพูดของอิงอู๋ที่เพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ นางจึงแบ่งหมั่นโถวเป็นสองส่วนเพื่อดมกลิ่น
ทว่าหมั่นโถวกลับไม่มียาพิษ
หลังจากนั้นนางจึงก้มลงเพื่อดมกลิ่นข้าวต้ม
ในข้าวต้มก็ไม่มียาพิษ
เป็นไปไม่ได้ที่พระสนมเอกหรงวางยาพิษนางอย่างกล้าหาญและเปิดเผยเช่นนี้ หากถูกคนอื่นจับได้ นางจะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามนำเรื่องนี้ออกมาประจาน และกล่าวหาว่านางเป็นคนจิตใจคับแคบและหมกมุ่นกับความคับแค้น
เมื่อจักรพรรดิเหยาได้ฟังเช่นนี้ ความรักความรู้สึกดีที่มีต่อพระสนมเอกหรงก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย
ทว่าพระสนมเอกหรงจะต้องคิดหาวิธีการกำจัดนาง โดยทำให้ดูเหมือนกับว่านางฆ่าตัวตายไปเอง
อาหารเหล่านี้ไม่มียาพิษ เพียงแต่นางไม่มีทางกินเข้าไปเด็ดขาด
นางโยนอาหารเหล่านี้เข้าไปในห้วงมิติเวลา จากนั้นหยิบเสบียงอาหารที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้มารับประทาน เพื่อบรรเทาอาการหิว
เมื่อถึงเวลาเที่ยง อิงอู๋ก็ได้กลับเข้ามาเพื่อส่งสำรับอาหาร
นางเตะอาหารที่อิงอู๋นำมากระจัดกระจายลงอีกครั้ง
และหลังจากที่อิงอู๋จากไปก็มีคนส่งอาหารเข้ามาอีก ครั้งนี้ยังคงไม่มียาพิษ ทว่าไป๋ชิงหลิงยังคงไม่รับประทานอาหารที่ถูกส่งเข้ามา
เสบียงอาหารที่นางเก็บเอาไว้ในห้วงมิติเวลานั้นมีเพียงพอในการรับประทาน
กลางคืนยังคงเหมือนเดิม
ความเงียบสงบเช่นนี้กลับทำให้ไป๋ชิงหลิงรู้สึกระมัดระวังตัวมากขึ้น นางไม่กล้าหลับตาลงตลอดทั้งคืน
หากไม่ใช่การวางยาพิษในอาหาร เช่นนั้นแล้วพระสนมเอกหรงจะลงมืออย่างไร
ในขณะที่เปลือกตาของนางหย่อนคล้อยลงเรื่อยๆ นั้น กลิ่นควันธูปก็ได้ค่อยเข้าไปในลมหายใจของนาง
ไป๋ชิงหลิงตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน และในหัวของนางก็สว่างวาบ
คือธูป!
และยังมีอาหารสามอย่างที่เหมือนกันที่ถูกส่งเข้ามาเมื่อตอนกลางวัน......
นางไม่กล้าขยับและรีบหยิบยาเม็ดสีแดงหนึ่งเม็ดออกมาจากในห้วงมิติเวลา และกินยาเข้าไป
เวลาผ่านไปกว่าสามสิบนาที นางกำนัลคนหนึ่งได้เดินเข้าไปยังตำหนักฮุ่ยหนิงจากเรือนลับที่อยู่ข้างหลัง
โดยมีพระสนมเอกหรงอยู่ที่นั่น
นางกำนัลเดินเข้าไปข้างหน้าและกล่าวกระซิบ "พระสนมเอกเพคะ นางตายแล้วเพคะ"
พระสนมเอกหรงหรี่ตาลง "ดูดีแล้วใช่หรือไม่"
"เพคะ เห็นชัดกับตาเลยเพคะ ผู้หญิงคนนั้นมีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และร่างกายของนางก็หดตัวเป็นเกลียวเลยเพคะ" นางกำนัลรายงานสิ่งที่ตัวเองเห็นทั้งหมดตามความจริง
ความชั่วร้ายที่อยู่ในใจของพระสนมเอกหรงเหมือนถูกปลดปล่อย และเผยให้เห็นความสุขที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า "นางคนชั้นต่ำ กล้าพูดต่อรองกับข้า เช่นนั้นข้าก็ทำให้นางต้องตายอย่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน"
"ยานั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงอย่างมาก เวลาเพียงชั่วพริบตาก็กัดกินลำไส้จนขาดและตายทั้งเป็นเลยเพคะ" นางกำนัลต้องการพูดเพื่อเอาใจพระสนมเอกหรง จึงพูดอธิบายการตายอย่างน่าสังเวชของอีกฝ่ายออกมา
พระสนมเอกหรงไม่อาจปกปิดรอยยิ้มและความดีใจที่ปรากฏบนใบหน้าได้ ทั้งสะใจและรู้สึกโล่งใจ
กล้ามีเรื่องกับนาง เช่นนั้นก็ทำให้นางตาย......
และในขณะนี้เอง ภายในตำหนักฮุ่ยหนิงก็ได้มีเสียงตะโกนขึ้นมา "ฝ่าบาท ฮองเฮา ไทเฮาฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งยังตรัสว่าหิวด้วยพ่ะย่ะค่ะ......"
เมื่อพระสนมเอกหรงได้ยินมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้มลายหายไป......
ไทเฮาฟื้นแล้ว?
เหตุใดไทเฮาถึงไม่สลบไสลต่อไปอีก ฟื้นขึ้นมาตอนนี้เพื่ออะไร?
นางกำลังจะนำเรื่องนี้ไปกดดันท่านอ๋องหรง อีกทั้งยังสามารถกดดันฮองเฮาอู่ได้อีกด้วย
นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงชราคนนี้จะฟื้นขึ้นมา
พระสนมเอกหรงรีบเดินเข้าไป และเข้าไปยังห้องบรรทมของไทเฮาไปพร้อมกับนางสนมคนอื่นๆ
หรงเยี่ยกำลังตั้งใจดูสิ่งที่ไป๋ชิงหลิงเขียนเอาไว้เกี่ยวกับการดูแลหลังการผ่าตัด โดยไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่นิด
อันดับแรกต้องลุกขึ้นมาเดินและขยับเขยื้อน หลังจากการลงพระบังคนหนักแล้ว จึงจะสามารถเสวยพระกระยาหารได้
ดังนั้น หรงเยี่ยจึงรอให้ไทเฮาลงพระบังคนหนักเสร็จแล้ว จึงกราบทูลฝ่าบาทว่าไทเฮาฟื้นแล้ว
ประจวบเหมาะกับได้สั่งให้นางกำนัลนำอาหารเหลวเข้ามา และลงมือป้อนไทเฮาเสวยด้วยตัวเอง
ขณะที่จักรพรรดิเหยาเสด็จเข้ามานั้น ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
และความขัดแย้งไม่พอใจในตัวของหรงเยี่ยที่มีอยู่ในใจก็ได้มลายหายไปทันที
"เสด็จแม่!" จักรพรรดิเหยารีบก้าวเข้าไป
บริเวณช่วงท้องของไทเฮาไม่ได้รู้สึกเจ็บอีกต่อไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกดีอย่างมาก และหลังจากเห็นพระพักตร์ของจักรพรรดิเหยาก็ได้แย้มพระสรวลขึ้นอย่างดีใจ "ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าอายุปูนนี้แล้วยังสามารถลุกขึ้นมาเดินได้อีก เมื่อสักครู่เยี่ยเอ๋อร์ได้ประคองข้าเดินไปมาอยู่หลายรอบเชียว"
สีหน้าของบรรดาหมอหลวงต่างเปลี่ยนไป
บริเวณหน้าท้องถูกผ่าออก และเพิ่งจะพักฟื้นได้ไม่ถึงหนึ่งวันก็สามารถลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปมาได้
หมอหลวงจ้าวถูกหรงเยี่ยสั่งให้คอยปรนนิบัติดูแลอยู่ภายในห้องบรรทม และเป็นคนที่รู้อาการป่วยของไทเฮามากที่สุด
เขาคุกเข่าลงกับพื้นและกราบทูลรายงาน "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ บาดแผลของไทเฮาไม่ได้ปรากฏรอยแดงหรือบวมเลย และไม่มีอาการไข้สูง แม้แต่โรคภายในช่องท้องก็หายไปแล้ว อีกทั้ง ไทเฮายังรู้สึกหิวหลังจากที่เพิ่งจะเสวยข้าวฟ่างต้มไปแล้วหนึ่งถ้วยพ่ะย่ะค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...