ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 62

ขณะที่ไป๋ชิงหลิงหยิบหมั่นโถวขึ้นมาก็ได้นึกถึงคำพูดของอิงอู๋ที่เพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ นางจึงแบ่งหมั่นโถวเป็นสองส่วนเพื่อดมกลิ่น

ทว่าหมั่นโถวกลับไม่มียาพิษ

หลังจากนั้นนางจึงก้มลงเพื่อดมกลิ่นข้าวต้ม

ในข้าวต้มก็ไม่มียาพิษ

เป็นไปไม่ได้ที่พระสนมเอกหรงวางยาพิษนางอย่างกล้าหาญและเปิดเผยเช่นนี้ หากถูกคนอื่นจับได้ นางจะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามนำเรื่องนี้ออกมาประจาน และกล่าวหาว่านางเป็นคนจิตใจคับแคบและหมกมุ่นกับความคับแค้น

เมื่อจักรพรรดิเหยาได้ฟังเช่นนี้ ความรักความรู้สึกดีที่มีต่อพระสนมเอกหรงก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย

ทว่าพระสนมเอกหรงจะต้องคิดหาวิธีการกำจัดนาง โดยทำให้ดูเหมือนกับว่านางฆ่าตัวตายไปเอง

อาหารเหล่านี้ไม่มียาพิษ เพียงแต่นางไม่มีทางกินเข้าไปเด็ดขาด

นางโยนอาหารเหล่านี้เข้าไปในห้วงมิติเวลา จากนั้นหยิบเสบียงอาหารที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้มารับประทาน เพื่อบรรเทาอาการหิว

เมื่อถึงเวลาเที่ยง อิงอู๋ก็ได้กลับเข้ามาเพื่อส่งสำรับอาหาร

นางเตะอาหารที่อิงอู๋นำมากระจัดกระจายลงอีกครั้ง

และหลังจากที่อิงอู๋จากไปก็มีคนส่งอาหารเข้ามาอีก ครั้งนี้ยังคงไม่มียาพิษ ทว่าไป๋ชิงหลิงยังคงไม่รับประทานอาหารที่ถูกส่งเข้ามา

เสบียงอาหารที่นางเก็บเอาไว้ในห้วงมิติเวลานั้นมีเพียงพอในการรับประทาน

กลางคืนยังคงเหมือนเดิม

ความเงียบสงบเช่นนี้กลับทำให้ไป๋ชิงหลิงรู้สึกระมัดระวังตัวมากขึ้น นางไม่กล้าหลับตาลงตลอดทั้งคืน

หากไม่ใช่การวางยาพิษในอาหาร เช่นนั้นแล้วพระสนมเอกหรงจะลงมืออย่างไร

ในขณะที่เปลือกตาของนางหย่อนคล้อยลงเรื่อยๆ นั้น กลิ่นควันธูปก็ได้ค่อยเข้าไปในลมหายใจของนาง

ไป๋ชิงหลิงตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน และในหัวของนางก็สว่างวาบ

คือธูป!

และยังมีอาหารสามอย่างที่เหมือนกันที่ถูกส่งเข้ามาเมื่อตอนกลางวัน......

นางไม่กล้าขยับและรีบหยิบยาเม็ดสีแดงหนึ่งเม็ดออกมาจากในห้วงมิติเวลา และกินยาเข้าไป

เวลาผ่านไปกว่าสามสิบนาที นางกำนัลคนหนึ่งได้เดินเข้าไปยังตำหนักฮุ่ยหนิงจากเรือนลับที่อยู่ข้างหลัง

โดยมีพระสนมเอกหรงอยู่ที่นั่น

นางกำนัลเดินเข้าไปข้างหน้าและกล่าวกระซิบ "พระสนมเอกเพคะ นางตายแล้วเพคะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น