ไทเฮาแย้มพระสรวล และพระพักตร์ที่เดิมทีดูซีดเซียว จากอาการเจ็บป่วยก็กลับมามีชีวิตชีวาและมีเลือดฟาดขึ้นอีกครั้ง
พระนางหันกลับไปทอดพระเนตรหรงเยี่ยและตรัสว่า "เยี่ยเอ๋อร์กล่าวว่า เพราะผู้หญิงคนหนึ่งได้ทำการผ่าตัดให้กับข้า และได้ตัดลำไส้ที่เสียหายทิ้งไป หลังจากนั้นจึงได้เย็บปากแผลกลับไปเหมือนเดิม ไม่แปลกใจเลยเหตุใดที่ข้ารู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะอวัยวะภายในพัง ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ใด ข้าอยากจะพบเจอ และข้าอยากตอบแทนรางวัลให้กับนาง นางช่างมีทักษะด้านการรักษาที่โดดเด่นเช่นนี้ เช่นนั้นต่อไปก็ให้นางคอยอยู่ข้างกายของข้า เพื่อเป็นหมอหญิงหลวง"
อันที่จริงพระนางฟื้นขึ้นมาหลายชั่วยามแล้ว และค้นพบว่านอกจากร่างกายอ่อนเพลียเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่รู้สึกปวดท้องทรมานอีกเลย
แม้แต่ปากแผลก็เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พระนางรู้สึกว่าผู้หญิงคนที่ทำในสิ่งที่เรียกว่า "การผ่าตัด" ให้พระนางนั้น นับเป็นเทวดานางฟ้าผู้มีอยู่จริง
พระนางรีบร้อนอยากจะเจอนางสักครั้ง
จักรพรรดิเหยาชำเลืองมองหรงเยี่ยโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
เสด็จแม่ไม่ได้บอกให้ปล่อยตัวไป๋เจาเสวี่ย เช่นนั้นก็แสดงว่าองค์ชายเจ็ดไม่ได้บอกเสด็จแม่ว่าเขาจับตัวไป๋เจาเสวี่ยไปขังคุก
พระพักตร์ของจักรพรรดิเหยาอ่อนโยนลงเล็กน้อย จากนั้นโบกพระหัสถ์และตรัสรับสั่ง "รีบไปนำตัวไป๋เจาเสวี่ยมาเดี๋ยวนี้"
ฟางกงกงตอบรับและรีบเดินออกไป
เมื่อพระสนมเอกหรงได้ยินว่าไทเฮามีรับสั่งให้เข้าพบ ความหนาวเหน็บก็ได้แวบผ่านแววตาของนาง
โชคดีที่นางเตรียมเตรียมตัวไว้ก่อน โดยการฆ่าไป๋เจาเสวี่ยไปเสียก่อน
หากรอให้ผู้หญิงคนนั้นออกมา อีกทั้งยังได้เป็นหมอหญิงหลวงของไทเฮา เช่นนั้นนางคงปีกกล้าขาแข็งกว่านี้อย่างแน่นอน
และในขณะที่นางคิดว่าศพของไป๋ชิงหลิงคงเย็นชืดไปแล้วนั้น
ฟางกงกงได้พาหญิงสาวคนหนึ่งที่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยคราบเลือด เดินเข้ามายังภายในตำหนักฮุ่ยหนิง
ขณะที่พระสนมเอกหรงจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างละเอียดนั้น สีหน้าของนางได้ซีดลงอย่างกะทันหัน
ไป๋เจาเสวี่ย!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!
"ข้าน้อยไป๋เจาเสวี่ยคารวะฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงมีพระชนมายุยืนนานหมื่นปี......"
"เหตุใดร่างกายของเจ้าถึงมีรอยคราบเลือดมากมายเช่นนี้" พระพักตร์ของจักรพรรดิเหยาเคร่งขรึม และพระเนตรของพระองค์ก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของนาง ลำคอ และชุดกระโปรงสีฟ้าธารน้ำแข็งของนาง
นางได้เช็ดคราบเลือดออกไปจากใบหน้าแล้ว ทว่ายังเช็ดออกไปไม่สะอาดหมดจด จึงทำให้ใบหน้าของนางยังคงมีคราบรอยแดง
ทันใดนั้นพระองค์หันไปทอดพระเนตรฟางกงกง
ฟางกงกงรีบคุกเข่าลงและกราบทูลรายงาน "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ แม่นางเจาเสวี่ยถูกลอบทำร้ายในคุกพ่ะย่ะค่ะ"
"อะไรนะ!" มีนางสนมร้องอุทานออกมา
"ใครต้องการฆ่านางอย่างนั้นหรือ?"
"ใครเรียกนางให้มาเข้าพบในวังหลวง"
"ว่ากันว่านางมีเรื่องขัดแย้งกับพระชายาต้วน!"
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังพระสนมเอกหรง......
พระสนมเอกหรงรีบเก็บอาการและแสร้งทำเป็นงุนงง "พวกเจ้าจ้องมองมาที่ข้าทำไมหรือ? ข้าเฝ้าอยู่ที่ตำหนักฮุ่ยหนิงตลอดเวลา"
บรรดานางสนมต่างพากันหลบสายตา เพราะตำแหน่งที่ต่ำต้อยกว่านางจึงไม่กล้าสร้างความบาดหมางต่อนาง ส่วนนางสนมที่มีตำแหน่งฐานะเท่าเทียมกับนางก็ได้แอบกลอกตาขาวใส่
ใครบ้างไม่รู้ว่าบรรดาเจ้านายทั้งหลายที่ต้องการฆ่าใครสักคนนั้น ปกติแล้วมักไม่เคยลงมือทำด้วยตัวเอง
เหตุผลนี้ช่างไร้สาระเสียเหลือเกิน
และพระพักตร์ของจักรพรรดิเหยาในขณะนี้นั้นแย่กว่าทุกคนอย่างมาก ประการแรกเพราะไป๋ชิงหลิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรอยคราบเลือดเต็มตัวในตำหนักฮุ่ยหนิง
พระองค์รู้สึกเป็นเป็นลางร้าย
ประการที่สองคือ พระองค์กลัวว่านางจะไม่ไร้มารยาทและส่งผลร้ายถึงอาการประชวรของไทเฮาได้ พระองค์กำลังจะตรัสรับสั่งให้พานางออกไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้ดี แต่......
ไทเฮาฮุ่ยได้ตรัสถามไป๋ชิงหลิงด้วยพระพักตร์ที่ดูเป็นกังวล "เจ้า......ร่างกายมีรอยคราบเลือดเต็มไปหมด ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือ รีบเรียกหมอหญิงเข้ามาตรวจดูอาการให้นางเดี๋ยวนี้"
ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองดูรอยคราบเลือดบนร่างกายของนางและกล่าวว่า "ไทเฮาไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเพคะ รอยคราบเลือดบนร่างกายของข้าน้อย เกิดขึ้นเพราะความจงใจทำขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว อันที่จริงนี่ไม่ใช่เลือด แต่เป็นเพียงยาน้ำชนิดหนึ่งเท่านั้นเพคะ"
"ป้องกันตัว?" ไทเฮาฮุ่ยไม่เข้าใจ
จักรพรรดิเหยาก็ไม่เข้าใจ
ป้องกันตัวไม่ใช่การเรียกคนอื่นมาหรอกหรือ เหตุใดถึงทำให้ตัวเองมีรอบคราบเลือดเต็มตัวเช่นนี้
"ใช่เพคะ" ไป๋ชิงหลิงเล่าความจริงทั้งหมดที่วันนี้ตัวเองได้รับประทานอาหารที่เหมือนกันทั้งสามมื้อ และเรื่องที่มีคนจุดธูปในตอนกลางคืน
หลังจากที่ไทเฮาฮุ่ยได้ฟังก็รู้สึกตกใจอย่างมาก "เจ้าหมายความว่า อาหารนั้นไม่มียาพิษ แต่เป็นเพราะได้สูดดมกลิ่นธูปนั้นเข้าไปหลังจากกินอาหารเหล่านั้น จากนั้นจึงทำให้เกิดเป็นพิษร้ายแรง"
"เพคะไทเฮา พิษนี้มีฤทธิ์ร้ายแรงอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาก็สามารถทำให้คนที่ได้รับพิษนั้นเสียชีวิตลง และมีเลือดออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และตายลงอย่างน่าอนาถมากเพคะ" ไป๋ชิงหลิงพูดออกมาช้าๆ ด้วยเสียงที่ดังและชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...