ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 64

พระพักตร์ของจักรพรรดิเหยาเคร่งขรึมกว่าเมื่อครู่อย่างมาก และทอดพระเนตรไปยังพระสนมเอกหรงทันที!

เพราะนอกจากนางแล้ว พระองค์นึกไม่ออกแล้วว่ามีใครคิดต้องการเอาชีวิตของไป๋เจาเสวี่ยอีก

และขณะนั้นไป๋เจาเสวี่ยก็พูดขึ้นมาอีกว่า "ข้าน้อยรู้แผนการของฝ่ายตรงข้าม จึงได้จงใจกินยาชนิดหนึ่งเข้าไป เพื่อทำให้เกิดเหตุการณ์เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาตรวจสอบ และคิดว่าข้าน้อยได้ตายลงแล้ว จึงทำให้ข้าน้อยหลุดพ้นจากภัยร้ายในครั้งนี้มาได้เพคะ!"

"ปัง!" จู่ๆ ไทเฮาฮุ่ยก็โยนถ้วยยาที่อยู่บนโต๊ะลงพื้น

บรรดานางสนมที่อยู่ภายในตำหนักต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ

"ฝ่าบาท" ไทเฮาฮุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา

จักรพรรดิเหยารีบตอบรับ "เสด็จแม่"

"ข้ายังไม่ตาย แต่เจ้ากลับรีบนำตัวนางไปเข้าคุก และที่แย่ไปกว่านั้นคือ กลับมีคนกล้าลงมือต่อไป๋เจาเสวี่ยในตอนนี้ พวกเจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร ต่อไปใครจะกล้ารักษาอาการป่วยให้กับข้าอีก"

พระพักตร์ที่ยิ้มแย้มมีความสุขของไทเฮาฮุ่ยได้เลือนหายไปนานแล้ว

น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ฟังดูมีเรี่ยวแรงกว่าเมื่อสองวันที่แล้ว

โดยปกติพระนางมักไม่โกรธเกรี้ยวง่ายดาย และปฏิบัติต่อเจ้านายของแต่ละตำหนักอย่างเป็นมิตรและใจดี ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่า ไทเฮาฮุ่ยเป็นคนที่จะยอมคนอื่นได้ง่ายๆ

หากพระนางโกรธโมโหขึ้นมา แม้แต่จักรพรรดิเหยาก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่เช่นกัน

พระองค์รีบเข้าไปเพื่อเกลี้ยกล่อมและเอาใจไทเฮาฮุ่ย "เสด็จแม่ ท่านอย่าได้โกรธเลย เรื่องของไป๋เจาเสวี่ย ข้าจะจัดการโดยชอบธรรมอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี" ไทเฮาฮุ่ยเงยพระพักตร์ขึ้นและชำเลืองมองพระสนมเอกหรง และตรัสด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "พระสนมเอกหรง"

เมื่อพระสนมเอกหรงถูกเรียกก็คุกเข่าลงทันทีด้วยความรู้สึกผิด "เสด็จแม่ ฉี่เอ๋อร์ผิดไปแล้ว หม่อมฉันจะอบรมสั่งสอนเขาอย่างดี และให้เขามาคอยเฝ้าดูแลเสด็จแม่ทุกวันเลยเพคะ"

"ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว" หัวใจของไทเฮาฮุ่ยราวกับกระจก พระนางรู้ทุกอย่าง เรื่องที่ไป๋เจาเสวี่ยถูกลอบทำร้ายจะต้องเกี่ยวข้องกับพระสนมเอกหรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทว่าไทเฮาฮุ่ยกลับไม่ได้ฉีกหน้าพระสนมเอกหรงต่อหน้าทุกคน "ช่วงนี้ ตำหนักของข้าไม่ต้องการพวกเจ้า พระสนมเอกหรง เจ้ากลับไปทบทวนตัวเองที่ตำหนักลี่อี๋เถอะ เรื่องของพระชายาต้วน เจ้าอย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย ในเมื่อเยี่ยเอ๋อร์รับนางเข้าคุกไปแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเยี่ยเอ๋อร์ในการจัดการเถอะ"

ร่างกายของพระสนมเอกหรงสั่นสะท้านและจ้องไปยังหรงเยี่ย

เหตุใดไทเฮาถึงปล่อยให้ปีศาจที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาคนนี้มาจัดการหลานสะใภ้ของตัวเองได้นะ

นางจะต้องถูกทรมานจนตาย ถึงตอนนั้นฉี่เอ๋อร์คงโมโหอย่างมาก นางมีลูกชายแค่ฉี่เอ๋อร์เพียงคนเดียวเท่านั้น

"เสด็จแม่......"

"พระสนมเอกหรง" จักรพรรดิเหยาตรัสอย่างเย็นชา

พระสนมเอกหรงเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิเหย ความวิตกกังวลและความไม่สบายใจได้ปรากฏขึ้นชัดเจนที่ใบหน้าของนาง

ทว่าตอนนี้ไทเฮาก็ได้รับสั่งออกมาแล้ว พระชายาต้วนไม่มีสิทธิ์จะได้ปฏิเสธหรือแก้ตัวอะไรได้อีกแล้ว ไม่ว่าหรงเยี่ยจะทำอย่างไร จักรพรรดิเหยาไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ไทเฮาฮุ่ยหันพระพักตร์ไปทางอื่น "พอได้แล้ว พวกเจ้ากลับไปกันได้แล้ว ข้าเหนื่อยมากแล้ว"

เมื่อตรัสจบ ไทเฮาฮุ่ยก็ได้หลับตาลง และไม่ตรัสรับสั่งอะไรอีก

จักรพรรดิเหยาเดินไปข้างหน้าเพื่อประคองพระสนมเอกหรงขึ้นและตรัสว่า "เสด็จแม่พักผ่อนเยอะๆ พักรักษาตัวต่อไปอีก พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมอีกครั้ง"

เมื่อตรัสจบ จักรพรรดิเหยาก็ได้จูงพระสนมเอกหรงเดินออกไปจากตำหนักฮุ่ยหนิง

บรรดานางสนมก็ได้เดินตามหลังจักรพรรดิเหยาออกมาและต่างรีบแยกย้ายกันไป

ห้องบรรทมของไทเฮาว่างเปล่าและเงียบสงบลงเพียงชั่วพริบตา

ขณะนี้ ไทเฮาฮุ่ยได้ลืมตาขึ้นมาและโบกพระหัสถ์ตรัสรับสั่งไป๋เจาเสวี่ย "เด็กดี มานี่สิ ให้ข้าดูหน่อย"

"ข้าน้อยร่างกายสกปรกไปทั้งตัว คุกเข่าอยู่ตรงนี้ดีแล้วเพคะ รอให้ข้าน้อยกลับไปชำระล้างร่างกายจนสะอาดดีแล้ว จากนั้นค่อยกลับมาคอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายไทเฮาจะดีกว่าเพคะ" ไป๋ชิงหลิงเพิ่งจะกลับออกมาจากคุก จึงรู้สึกไม่ดีอย่างมากที่จะเข้าใกล้ไทเฮามากเช่นนี้

เมื่อไทเฮาฮุ่ยได้ยินเช่นนี้ ก็เกิดรู้สึกมีความสุขขึ้นมาในใจ

ช่างเป็นหญิงสาวที่มีความรู้และมีมารยาทเหลือเกิน

วันนี้หรงเยี่ยก็ได้พูดถึงนางต่อหน้าพระนางอยู่หลายครั้ง ทำให้แววตาที่ไทเฮาจ้องมองนางนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

"ใช่ๆ ข้าลืมไปเลย เยี่ยเอ๋อร์ เจ้าอย่ามัวยืนอยู่ตรงนั้น รีบพาเจาเสวี่ยไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่โถงสระน้ำพระจันทร์เสี้ยวสิ!" ไทเฮาฮุ่ยตรัสอย่างเร่งเร้า

หรงเยี่ยลุกขึ้น "เสด็จย่าฟื้นขึ้นมาก็หลายชั่วยามแล้ว ควรบรรทมได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"

"ก็ได้ ข้าพักผ่อนล่ะ เจ้ารีบพาเจาเสวี่ยไปที่โถงสระน้ำพระจันทร์เสี้ยว จากนั้นกลับมาจัดเตรียมห้องพักผ่อนที่เรือนข้างให้นางด้วยล่ะ" ไทเฮาฮุ่ยจับมือของหรงเยี่ยด้วยพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยท่าทีดีใจ

ขณะที่นอนลง ไทเฮาฮุ่ยก็รู้สึกเหนื่อยล้า

จากนั้นเมื่อหลับตาลงก็ได้ผล็อยหลับไป

หรงเยี่ยพาไป๋ชิงหลิงไปยังโถงสระน้ำพระจันทร์เสี้ยว

ไป๋ชิงหลิงเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างเย็นชา และไม่อยากพูดกับเขา

แต่ทว่า ขณะที่นางกำลังเดินผ่านเขาไปนั้น เขาได้คว้าแขนของนางไว้......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น