ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 634

นางยกถ้วยน้ำอุ่นที่อยู่ด้านหน้าขึ้นมาสัมผัสกับริมฝีปาก จากนั้นก็จิบเข้าไปสองสามอึก......

นายผู้เฒ่าฉางไม่ได้ตอบรับคำพูดของไป๋ชิงหลิงแต่อย่างใด เขาพูดกับหรงเฉินว่า “ท่านอ๋องเฉิน ท่านยังมีอะไรอยากจะถามอีกหรือไม่?”

หรงเฉินนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกล่าวว่า “เสด็จพ่อของข้าอนุญาตให้คนของจวนฉางเข้าออกพระราชวังโดยอิสระ นี่ถือเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับพวกท่าน คิดว่าไม่ว่าใครต่างก็คาดไม่ถึง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนถูกลงโทษเพราะเข้าไปในพระราชวังมากเกินไป ช่างเป็นโชคร้ายของคุณหนูรองแห่งตระกูลฉาง!”

“ใช่ นี่ถือเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่จากตระกูลเทียน แต่ท่านอ๋องเฉิน หากข้าไม่ห้ามปราม คนพวกนี้ก็จะทำทุกอย่างตามที่ตนเองต้องการโดยอาศัยประโยชน์จากของขวัญแห่งตระกูลเทียน สุดท้ายก็คิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ พวกเข้าจะคิดว่าตระกูลเทียนนั้นโอบอ้อมอารีต่อจวนฉางของพวกเขาเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุด......พวกเขาจะทำลายความเมตตาที่ตระกูลเทียนมีต่อพวกเขา ทำเรื่องที่เกินกว่าตระกูลเทียนจะรับได้ เรื่องพวกนี้มีให้เห็นมาตั้งแต่สมัยโบราณ!” นายผู้เฒ่าฉางยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น

ดวงตาของหรงเฉินเบิกกว้างเพราะคำพูดของนายผู้เฒ่า

คำพูดนี้ของนายผู้เฒ่าฉาง มันเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจโต้เถียงได้

เนื่องจากตระกูลเวินก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับสิ่งที่นายผู้เฒ่าฉางพูดออกมา!

พ่อบ้านหวู่เข้ามาในสวน พูดกับนายผู้เฒ่าฉางว่า “นายผู้เฒ่า เตรียมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว”

“ฝ่าบาททั้งสอง พระชายา ไปทานอาหารเช้าด้วยกันเถิด” รอยยิ้มบนใบหน้าของนายผู้เฒ่าฉางกลับมาเหมือนเดิม เขาพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

ริมฝีปากของหรงเฉินเปิดออกเล็กน้อย กระตุกสองสามครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ยอยู่ทานอาหารเช้าด้วยกันที่นี่ หลังจากทานอาหารเสร็จได้ไม่นาน แม่นางฉางสามก็มายังลานเซี่ยหลินเพื่อเชิญไป๋ชิงหลิงด้วยตัวเอง

นายผู้เฒ่าฉางเห็นแม่นางฉางสาม ใบหน้าของเขามืดมนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ได้ห้ามแม่นางฉางสามที่ต้องการเชิญไป๋ชิงหลิงไปยังโรงเตี๊ยมตระกูลฉาง

ในตอนที่ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้นยืน หรงเยี่ยจับมือของนางไว้พร้อมกล่าวว่า “พระชายา พาอิงซา อิงเฟิงและอิงเลิ่งไปด้วยเถิด”

ไป๋ชิงหลิงหันกลับมา มองไปที่ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำสามคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกของลาน

ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำสามคนนี้เป็นผู้มากความสามารถ พวกเขาติดตามหรงเยี่ยมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว

แต่เวลานี้นางอยู่ในจวนฉาง ไม่มีความจำเป็นที่จะพาพวกเขาไปด้วย “ข้างกายของข้ามีอิงเหลียนและซวงเหมยอยู่ ไม่จำเป็นต้องพาคนเข้าไปมากถึงเพียงนั้น ข้าไม่ได้ไปทะเลาะกับใครเสียหน่อย!”

“เมื่อวานได้ยินมาว่าแม่บ้านที่มารายงานข่าวให้น้องแปดถูกคนฆ่าตาย ใครจะไปรู้ว่าในจวนฉางมีพวกคนเลวแบบไหนซ่อนอยู่บ้าง หากพระชายาไม่ยอมให้พวกเขาติดตามไป เช่นนั้นข้าจะเป็นคนไปกับเจ้าเอง”

“ไม่ต้อง!” ไป๋ชิงหลิงรู้ว่าเขาต้องการทำอะไร

แต่นั่นเป็นตำหนักของฉางเล่อเหยียน นางไม่มีความสุขที่เห็นผู้ชายของตนเองไปยืนอยู่ในนั้น มันดูดึงดูดมากเกินไป

“เช่นนั้นก็พาอิงซาไปด้วย!”

“พวกเขาลองคนไปกับเจ้า ส่วนอิงเลิ่งอยู่กับข้า” หรงเยี่ยยกมือขึ้นมาชี้ไปที่อิงซาและอิงเฟิงต่อหน้าของนายผู้เฒ่าฉางและแม่นางฉางสาม

เขาไม่ไว้หน้าคนของจวนฉางเลยแม้แต่น้อย เขาทำราวกับว่าจวนฉางเป็นดินแดนแห่งสัตว์ป่า

และใบหน้าของแม่นางฉางสามก็สั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในจวนฉาง มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ตายก็คือแม่บ้านในตำหนักของนาง

นายผู้เฒ่าฉางยังไม่รู้เรื่องนี้

ตอนนี้หรงเยี่ยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้เขาจ้องเขม็งไปที่แม่นางฉางสาม

แม่นางฉางสามถูกสายตาของเขาทำให้หนังศีรษะด้านชา ไม่กล้าสบตานายผู้เฒ่าฉาง

ไป๋ชิงหลิงตอบตกลงกับการเตรียมการของหรงเยี่ย “ตกลง ข้าจะกลับไปยังจวนโหวให้เร็วที่สุด”

“อย่าลืม เมื่อกลับไปถึงจวนโหวแล้วให้อิงซามารายงานข้า ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเดินไปโดยปลอดภัยหรือไม่”

นายผู้เฒ่าฉางและแม่นางฉางสามรู้สึกเสียหน้าอีกครั้ง......

แน่นอนว่าไป๋ชิงหลิงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของทั้งสองคน เนื่องจากความปลอดภัยของตนเองต้องมาเป็นอันดับแรก นางไม่กล้าเอาแต่ใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

“ท่านอ๋องเฉิน ช้าก่อน!” นายผู้เฒ่าฉางขมวดคิ้ว เสียงของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก “ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะถามท่านอ๋องเฉินอีกสองสามเรื่อง!”

“ข้ารู้ว่าท่านอยากจะถามอะไร เกี่ยวกับเรื่องของแม่บ้านสิง ข้าได้บอกทุกอย่างที่ข้ารู้ไปหมดแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานใต้เท้ายีเว่ยแห่งจวนชุ่นเทียนก็จะมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากนายผู้เฒ่าต้องการที่จะแก้ไขเรื่องนี้ ท่านก็ลองไปถามใต้เท้ายีเว่ย ข้าคิดว่าผลการชันสูตรศพน่าจะออกมาแล้ว” หรงเฉินพูดจบ เขาก็หันหลังและออกจากลานเซี่ยหลินไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป นายผู้เฒ่าฉางก็นั่งอยู่เพียงลำพังเป็นเวลานาน พ่อบ้านหวู่เป็นห่วงเขามาก ดังนั้นจึงเดินมาด้านหน้าและพูดว่า “นายผู้เฒ่า......”

นายผู้เฒ่าฉางหันกลับมามองเขา จากนั้นพูดออกมาว่า “แม่บ้านสิงเข้ามาในจวนฉางพร้อมกับเจ้าใช่ไหม!”

“ขอรับ ฮูหยินอาวุโสสั่งให้ข้ากับแม่บ้านสิงมาดูแลนายผู้เฒ่า คอยดูแลเรื่องอาหารและปรนนิบัติรับใช้นายผู้เฒ่า ต่อมานายท่านสาม......ถูกโจรทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บขณะไปส่งสินค้า นายผู้เฒ่าจึงสั่งให้แม่บ้านสิงไปดูแลนายท่านสาม หลังจากส่งนายท่านสามออกไปแล้วก็สั่งให้แม่บ้านสิงไปอยู่ข้างกายของแม่นางฉางสาม เป็นคนสนิทของแม่นางฉางสาม จัดการเกี่ยวกับเรื่องระเบียบต่าง ๆ ในเรือนหลังของจวนฉาง” พ่อบ้านหวู่กล่าวออกมาพร้อมกับดวงตาที่กลายเป็นสีแดง

“เตรียมชุดให้ข้าชุดหนึ่ง จากนั้นตามข้าไปหาแม่บ้านสิง!”

“ขอรับ!”

ไป๋ชิงหลิงและแม่นางฉางสามเพิ่งจะมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลฉาง ฉางเล่ออันเองก็มาถึงพอดีเช่นกัน

นางเดินเข้ามากล่าวทักทายและทำความเคารพไป๋ชิงหลิง “เล่ออันคารวะพระชายาหรง!”

“ลุกขึ้นเถิด!” ไป๋ชิงหลิงมองไปที่นาง จากนั้นกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย

หลังจากฉางเล่ออันลุกขึ้นมา นางก็เดินมาข้างกายของแม่นางฉางสาม มือทั้งสองข้างกอดแขนของแม่นางฉางสาม มองมาที่ไป๋ชิงหลิงพร้อมกล่าวว่า “พระชายาหรงมาที่จวนฉางเพื่อทำการรักษาให้พี่รองอย่างนั้นหรือ?”

แม่นางฉางสามขมวดคิ้ว ดึงแขนของตนเองกลับมาจากมือของฉางเล่ออันโดยไม่รู้ตัว จากนั้นกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “เจ้ามาทำอะไร?”

“แม่ พี่รองได้รับบาดเจ็บ ข้ามาเพื่อเยี่ยมนาง!”

“ไม่จำเป็น!” แม่นางฉางสามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันดุดัน!

ฉางเล่ออันตกใจเป็นอย่างมาก ถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น