ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 673

ไป๋ชิงหลิงก้มมองหลวนจู หรงเยี่ยเดินทางไปกลับหนทางขรุขระ แต่หลวนจูกลับนอนหลับสบาย หรงเยี่ยผลักนางเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋ชิงหลิง นางก็แค่ลืมตาและมองดูแวบเดียว

เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นใบหน้าของเด็กชัดเจน ก็อุทานออกมาทันที “ทำไมจูเอ๋อร์ถึงอยู่ในมือท่าน ท่านเข้าไปทำอะไรในวัง?”

หรงเยี่ยอุ้มจูเอ๋อร์จากอ้อมแขนของเธอ หันกลับไป วางลงบนเตียง จูเอ๋อร์พลิกตัว ไปกอดผ้าห่มนุ่มๆด้วยตัวเอง และนอนหลับไป

ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะดูแลเด็กคนนั้น พอหันกลับมา สีหน้าก็คร่ำเครียดกว่าตอนที่เข้ามาในห้อง

ไป๋ชิงหลิงแตะจมูกของตัวเอง ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ

เธอเพิ่งกินอาหารที่เขาให้คนส่งมาให้ ตอนนี้......เขาคงไม่ได้โกรธที่เธอแอบหนีมาจวนจวิ๋นอ๋องเพียงลำพังหรอกมั้ง

“ทุกอย่างย่อมมีเหตุผล ข้าจะมองดูเสด็จอาสะใภ้โดยไม่ช่วยอะไรนางเลยได้อย่างไร”

“ในเมื่อช่วยเสร็จแล้ว ทำไมไม่รีบกลับตำหนัก จวนติ้งเป่ยโหวอยู่ไกลจากจวนจวิ๋นอ๋องมาก ตำหนักอ๋องหรงของเราล่ะ ห่างกันแค่ถนนสายเดียว เจ้าคิดอะไรอยู่ข้าจะไม่รู้เลยหรือ เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่?”

“ข้าเข้าใจดี ข้าถึงได้พาองครักษ์เหยี่ยวดำทั้งหมดของท่านมาด้วยไง”

“เจ้ายังกล้าเถียงอีก!” หรงเยี่ยแทบคลั่ง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อเลี่ยง แต่เจ้าก็แอบปิดบังข้าเรื่องตั้งครรภ์”

ไป๋ชิงหลิง “……”

“ได้ ในเมื่อเจ้าตั้งครรภ์ และเจ้าไม่ยอมบอกข้า ข้าก็จะไม่ถือสาเอาความเรื่องนี้กับเจ้า”

ไป๋ชิงหลิงโดนเขาดุว่าจนตกตะลึง และไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับเขาอย่างไร เธอจึงนั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม และจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

“และเจ้าอย่าลืมว่า เพื่อปกป้องเด็กในครรภ์ของเจ้า คนรอบข้างต่างต้องเสียสละมากเพียงใด เจ้าไม่ใส่ใจร่างกายของเจ้าแบบนี้ นี่เรียกว่าอะไร” หรงเยี่ยยิ่งพูดยิ่งโมโห ในที่สุดเขาก็ดึงเสื้อคลุมออก และโยนลงบนพื้นอย่างแรง

ไป๋ชิงหลิงก้มมองดู เสื้อคลุมที่ถูกโยนลงที่เท้าของเธอ เธอก้มลงเก็บโดยไม่รู้ตัว จากนั้น ก็ได้ยินหรงเยี่ยพูดอีกครั้ง “คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว!”

ไป๋ชิงหลิงชะงักไป เงยหน้าขึ้นมองเขาโดยไม่รู้ตัว “ท่านพูดอะไร?”

“ข้าคอยเฝ้าดูเจ้าทุกวัน กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า แต่ข้าเห็นแล้วว่า ในสายตาของเจ้านั้นเจ้าไม่ใส่ใจร่างกายตัวเองและเด็กในครรภ์ของตัวเอง ในเมื่อไม่ให้ความสำคัญกับมัน แล้วเจ้าจะเก็บมันไว้ทำไม”

“ท่าน.......หุบปาก!” ไป๋ชิงหลิงโกรธ เธอก้มลง หยิบเสื้อคลุมขึ้นมา แล้วโยนออกไปอย่างแรง

หรงเยี่ยฉีกเสื้อคลุมที่ลอยมาทิ้ง และเตะมันออกไป

ไป๋ชิงหลิงโกรธมาก ดังนั้นจึงคว้าถ้วยชาที่อยู่ข้างๆ แล้วขว้างไปทางหรงเยี่ย “ท่านออกไป ข้าไม่อยากคุยกับท่าน”

“เจ้าตัวคนเดียว เจ้าสามารถปกป้องลูกได้หรือ”

“ข้าทำได้ ท่านอย่าคิดว่าไม่มีท่านแล้วข้าจะทำไม่ได้ ข้าเป็นคนเลี้ยงเซิงเอ๋อร์มาจนโต” ในที่สุดไป๋ชิงหลิงก็เข้าใจว่า ความโกรธนั้นสามารถทำให้พูดจาโง่ๆออกมาได้

เดิมทีวันนี้เธออารมณ์ดี แต่เมื่อหรงเยี่ยมา อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนเป็นแง่ลบมาก

หรงเยี่ยก็ถูกเธอทำให้โมโห “เจ้ารู้สึกว่าอยู่กับข้าแล้วทำให้เจ้าต้องลำบากใช่ไหม”

“ไม่ลำบากหรือ ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดจากการแต่งงานกับท่าน ท่านลองคิดทบทวนดู ถ้าข้าไม่กลับตำหนักอ๋องมาเป็นพระชายาข้ากับเซิงเอ๋อร์จะมีความสุขมากเพียงใดที่หุบเขาเซียนไหล และไม่แน่ว่าพิษของหรงจิ่งหลินก็อาจจะถอนได้ตั้งนานแล้ว ลูกชายของท่านก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ ข้ายังจะต้องกังวลและตั้งครรภ์ลูกอีกคนหรือ!”

“ข้า........” หรงเยี่ยถูกขัดด้วยคำพูดของเธอทันที..........

แม่นมซั่ง และติ้งเป่ยโหวที่เฝ้าอยู่หน้าประตูต่างก็เป็นกังวลอย่างมาก

ติ้งเป่ยโหวกล่าวว่า “อาเสวี่ยทำไมถึงพูดจาเช่นนี้ ท่านอ๋องเป็นห่วงสุขภาพของเจ้า”

แม่นมซั่งกล่าวว่า “ท่านอ๋องก็จริงๆเลย พระชายากำลังตั้งครรภ์ อารมณ์ของคนตั้งครรภ์ย่อมแปรปรวน มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน”

ติ้งเป่ยโหวปฏิเสธ “อาเสวี่ยไม่ควรพูดแบบนั้นกับท่านอ๋อง เจ้าเป็นแม่ของลูกสามคนแล้ว เจ้าไม่แต่งงานกับท่านอ๋องหรงแล้วเจ้าอยากจะแต่งงานกับใคร”

แม่นมซั่งกล่าวว่า “ท่านโหว นิสัยของท่านอ๋อง......เอ่อ.......”

สถานการณ์ความรุนแรงในห้องยังไม่สงบลง ท่านอ๋องอันจวินก็พาวั่นฝูกงกงและคนอื่นๆเดินเข้ามาในลานบ้าน

“ท่านโหว ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหรงเข้ามาในจวนจวิ๋นอ๋อง?” ท่านอ๋องอันจวินถาม

“ใช่แล้ว เขาอยู่ข้างใน” ติ้งเป่ยโหวตอบ

วั่นฝูกงกงแอบปาดเหงื่อ โชคดีที่หาตัวท่านอ๋องหรงเจอ เขาแค่ออกมาประกาศราชโองการ ทำไมถึงลำบากขนาดนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น