อยู่ร่วมกันอย่างสันติ?
ไป๋ชิงหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา "คุณหนูเสิ่นไม่รู้หรือว่าบนโลกนี้มีคนประเภทหนึ่งที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้?"
"อะไรนะ?"
ไป๋ชิงหลิงโบกพัดในมือ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและเย็นชา "ศัตรูความรัก!"
ดวงตาของเสิ่นโหรวเม่ยสั่นเล็กน้อย นัยน์ตาเย็นวาบแวบผ่านดวงตาของนาง และมือทั้งสองของนางก็กระชับผ้าเช็ดหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
"ในสายตาของคุณหนูเสิ่นแล้ว ข้าเป็นศัตรูความรักของท่าน เป็นผู้หญิงที่ต้องการแย่งชิงตำแหน่งพระชายาหรงไปจากท่าน ท่านได้ตีตราให้ข้าเป็นเช่นนั้นไปแล้ว และไม่ได้ต้องการจะอยู่กันอย่างสันติจริงๆ ตามที่พูด" นางดูออกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเสิ่นโหรวเม่ยที่จวนท่านอ๋องหรงครั้งนั้น
ความเกลียดแค้นที่เสิ่นโหรวเม่ยมีต่อนางนั้นช่างมากเหลือเกิน
และการที่จู่ๆ จะมาบอกกับนางว่าสมานฉันท์กันนั้น อันที่จริงแล้วต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามาด้วยจุดประสงค์อะไร
เพียงแต่เสิ่นโหรวเม่ยเองที่มองว่าคนอื่นเป็นคนโง่เขลา
"ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย" เสิ่นโหรวเม่ยปฏิเสธ "เรื่องการแต่งงานของท่านอ๋องหรงนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ข้าหรือเจ้าจะตัดสินใจได้ ข้าอยากจะพูดคุยปรึกษาเรื่องอาการประชวรของไทเฮากับเจ้าจริงๆ"
"มีอะไรให้ต้องพูดอย่างนั้นหรือ" ไป๋ชิงหลิงกล่าวเชิงปฏิเสธไปโดยตรง "ท่านรักษาไม่ได้ หมอหลวงฮั่วที่สำนักหมอหลวงก็รักษาไม่ได้ ข้ารักษาได้ และนี่ก็คือผลลัพธ์ อาการประชวรของไทเฮาก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ท่านทั้งสองจะนำไปพูดได้เรื่อยเปื่อย หากคุณหนูเสิ่นไม่มีแม้แต่จรรยาบรรณในการรักษา เช่นนั้นท่านจะอยู่ในสำนักหมอหลวงต่อไปได้อย่างไร"
ทักษะทางการรักษาของนางถูกไป๋ชิงหลิงตั้งคำถามเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของนางยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ
ปีศาจร้ายที่อยู่ในใจของนางกำลังส่งเสียงร้อง และอดไม่ได้ที่จะกระโดดเข้าไปฉีกหน้าไป๋ชิงหลิง
แต่ที่นี่คือตำหนักฮุ่ยหนิง และตอนนี้ไทเฮาฮุ่ยก็เชื่อใจไป๋เจาเสวี่ย หากนางและไป๋เจาเสวี่ยก่อเรื่องขึ้นที่นี่ ผู้ที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบก็คือตัวนางเอง
ดังนั้น ภายใต้การต่อสู้กันระหว่างความโกรธและความเก็บกดนั้น ใบหน้าที่งดงามของเสิ่นโหรวเม่ยก็เปลี่ยนเป็นดูแย่ลง
เป็นเวลานานกว่าที่นางจะตอบกลับมา "แม่นางไป๋ เจ้าเพิ่งจะเข้ามายังเมืองหลวงก็มีปัญหากับคนอื่นไปทั่วเช่นนี้ ดูไม่ค่อยฉลาดเอาเสียเลย ข้าอยากจะเป็นเพื่อนกับเจ้าจริงๆ แต่ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการเพื่อนอย่างข้า เช่นนั้นข้าจะไม่มารบกวนเจ้าอีก ครั้งนี้......ข้ามาเพื่อขอโทษเจ้า เรื่องคราวก่อนที่เกิดขึ้นที่จวนท่านอ๋องหรง ข้าไม่ได้จัดการบาดแผลของเจ้าให้ดี ข้าขอโทษ เพราะลี่ว์เอ้อร์ไม่พอใจในตัวข้า นางจึงได้เปลี่ยนตัวยา หลังจากเกิดเรื่องขึ้นนางก็ได้รับโทษด้วยเช่นกัน ตอนนั้นเจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือ"
ลี่เอ้อร์เปลี่ยนยา!
"ฮ่าๆ!" ไป๋ชิงหลิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
"เจ้าหัวเราะอะไรหรือ?" เสิ่นโหรวเม่ยขมวดคิ้ว
ไป๋ชิงหลิงดับไฟและเทยาลงในถ้วยโดยไม่พูดอะไร
เสิ่นโหรวเม่ยรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจเล็กน้อยกับท่าทางของนาง "ท่านแม่ของข้าตั้งใจให้ข้านำบัตรเชิญมาให้เจ้า
วันคล้ายวันเกิดของท่านย่าของข้าคือวันที่สามเดือนหน้าที่จะถึงนี้ ท่านพ่อต้องการจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดขึ้นที่จวน นางบอกให้ข้าเชิญแม่นางไป๋ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้คนที่ดีอย่างแม่นางไป๋มาเป็นเพื่อน"
เมื่อพูดจบ นางก็ได้หยิบบัตรเชิญออกมาจากแขนเสื้อและยื่นให้กับไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองอย่างเยือกเย็น
หากเป็นบัตรเชิญของจวนเสิ่น เช่นนั้นนางคงไม่สามารถหักหน้าฮูหยินเสิ่นได้
เหมือนที่เสิ่นโหรวเม่ยกล่าว นางเพิ่งจะกลับมายังเมืองหลวง หากเอาแต่สร้างเรื่องบาดหมางกับคนอื่นก็คงจะดูไม่ฉลาดเท่าไรนัก
หลังจากที่เทยาลงในถ้วยเรียบร้อยแล้ว ไป๋ชิงหลิงก็ได้ยื่นมือออกไปรับ "ในเมื่อเป็นการเชิญของฮูหยิน เช่นนั้นข้าจะไป"
หลังจากที่รับบัตรเชิญมาเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว จากนั้นไป๋ชิงหลิงก็ได้โยนเข้าไปในห้วงมิติเวลา
ในที่สุดใบหน้าของเสิ่นโหรวเม่ยก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม และถอนหายใจด้วยความโล่งอก "เช่นนั้นยาถ้วยนี้ ข้าช่วยเจ้ายกเข้าไปเอง"
"ไม่ต้อง" นางเดินผ่านเสิ่นโหรวเม่ยและเดินออกไปจากห้องเครื่องต้นไปทันที
เสิ่นโหรวเม่ยมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของนาง และความเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ไป๋เจาเสวี่ย หากเจ้าไป ข้าจะทำให้เจ้าต้องสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น