ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 69

เสิ่นโหรวเม่ยเดินตามหลังไป๋ชิงหลิงเพื่อเข้าไปยังตำหนักฮุ่ยหนิง

เมื่อเห็นไป๋ชิงหลิงลงมือป้อนยาให้กับไทเฮาฮุ่ย ใจของนางก็เกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมา แต่ไม่กล้าแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าได้

นางจำเป็นต้องรีบกำจัดผู้หญิงคนนี้ ไม่เช่นนั้น นางจะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่คอยรบกวนเรื่องการแต่งงานของนางในอนาคต!

ขณะนี้ ภายนอกได้มีเสียงเรียกของเด็กน้อยดังขึ้น "เสด็จย่าทวด เสด็จย่าทวด!"

ไทเฮาฮุ่ยชะโงกหน้ามองออกไปข้างนอก

ไป๋ชิงหลิงและเสิ่นโหรวเม่ยหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน

และเห็นเพียงร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งวิ่งผ่านประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เขาสวมใส่ชุดสีขาวพระจันทร์ บนศีรษะประดับด้วยหยกสีวงกลมคาดไว้ ใบหน้าที่สดใสแดงระเรื่อราวกับหยกช่างดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูดอย่างมาก

เมื่อไทเฮาฮุ่ยเห็นเขา พระพักตร์ของพระนางก็แย้มพระสรวลออกมาทันที "หลินเอ๋อร์"

เมื่อหรงจิ่งหลินวิ่งเข้ามายังภายในตำหนัก และเห็นไป๋ชิงหลิงกำลังนั่งอยู่เตียง ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เปล่งประกายแวววาวด้วยความดีใจ "ท่านแม่!"

ท่านแม่......เมื่อเรียกออกมาเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในตำหนักต่างพากันมองไปยังเสิ่นโหรวเม่ย

เพราะทิศทางที่หรงจิ่งหลินมองไปนั้น เป็นที่ที่เสิ่นโหรวเม่ยอยู่พอดี

แม้แต่ตัวของเสิ่นโหรวเม่ยเองก็หัวใจเต้นแรงอย่างมาก

ดีใจจนพูดไม่ออก

ซื่อจื่อจิ่งยอมรับนางแล้ว......

เขายอมรับนางแล้ว

ท่านอ๋องหรงได้เคยสัญญาเอาไว้ว่า หากจิ่งหลินยอมรับนางเป็นแม่ เช่นนั้นเขาก็จะยินยอมตกลงแต่งงานกับนาง

และในขณะที่ความฝันนี้กำลังโลดแล่น หรงจิ่งหลินก็ได้วิ่งผ่านนางไป และไปซบลงในอ้อมแขนของไป๋ชิงหลิง

"ท่านแม่ ที่แท้ท่านก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เมื่อสักครู่ระหว่างทางที่มาเสด็จพ่อกลับไม่บอกข้าว่าท่านก็อยู่เฝ้าเสด็จย่าทวดที่ตำหนักฮุ่ยหนิง" หรงจิ่งหลินกอดเอวของไป๋ชิงหลินไว้แน่น

ฉากนี้ทำให้ไป๋ชิงหลิงรู้สึกตื่นตระหนกและตกตะลึงอย่างมาก

และทำให้สีหน้าของเสิ่นโหรวเม่ยแย่ลงอย่างมาก

ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองไทเฮาฮุ่ย และเห็นว่าไทเฮาฮุ่ยก็กำลังจ้องมองนางและหรงจิ่งหลินด้วยความประหลาดใจ

ทำให้ใจของนางยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกและรีบจับแขนของหรงจิ่งหลิน จากนั้นผลักเขาออกจากอ้อมแขนของตัวเอง "ซื่อจื่อจิ่ง ท่านจำคนผิดแล้ว ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่ท่านแม่ของท่าน"

เมื่อพูดจบ นางก็ได้หันไปอธิบายกับไทเฮาฮุ่ย "ไทเฮา นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเพคะ ข้าน้อยได้ทำการรักษาบาดเจ็บให้กับซื่อจื่อจิ่งและคอยเฝ้าดูแลเขาอยู่กว่าหกวัน ทำให้เขาอาจรู้สึกผูกพันกับข้าน้อย จึงได้เรียกข้าน้อย......"

"ฮ่าๆ!" ขณะนี้ไป๋ชิงหลิงรีบอธิบายนั้น ไทเฮาฮุ่ยก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ "เด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าถึงได้ ผู้ที่เข้ากันได้กับเขานั้นมีไม่มาก ในเมื่อเขายอมรับเจ้าเป็นแม่แล้ว เช่นนั้นก็ถือเป็นวาสนาของพวกเจ้าทั้งสองที่มีต่อกัน"

"ไทเฮาเพคะ ข้าน้อย......"

"ท่านแม่ ท่านคือท่านแม่ของข้า ข้าจะบอกให้เสด็จพ่อแต่งงานกับท่าน จากนั้นท่านก็จะเป็นท่านแม่ของข้าจริงๆ" หรงจิ่งหลินคว้าเสื้อผ้าของนางขึ้นมา และกล่าวย้ำไปย้ำมาด้วยความทีท่ามุ่นมั่นและแน่วแน่

เสิ่นโหรวเม่ยที่อยู่ข้างๆ ได้มีสีหน้าซีดเผือดไปนานแล้ว

ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รับรู้ว่า ที่ท่านอ๋องหรงยังไม่แต่งงานเสียที นั่นก็เป็นเพราะหรงจิ่งหลิน!

ฮองเฮาอู๋ได้แนะนำหญิงสาวจากตระกูลชนชั้นสูงเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีใครถูกใจเขาเลย ท่านอ๋องหรงห่วงและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขา จึงได้ปฏิเสธออกไป

วันนี้กลับเป็นผู้หญิงป่าเถื่อนคนหนึ่งที่เคยมีลูกมาก่อน ที่ได้ใจของซื่อจื่อจิ่งไป

ไม่ เป็นไปไม่ได้

เช่นนั้นแล้วนางควรจะทำอย่างไรดี!

และขณะนี้ หรงเยี่ยได้เดินจูงมือไป๋ชิงเซิงเข้ามา

เสิ่นโหรวเม่ยจ้องมองไปที่เขา แต่เมื่อเห็นว่าเขาได้จูงมือเด็กน้อยเข้ามานั้น เลือดฝาดที่เหลืออยู่น้อยนิดบนใบหน้าก็ซีดจางไปจนหมด

"ท่านแม่" ไป๋ชิงเซิงดึงมือของตัวเองกลับและรีบวิ่งไปหาไป๋ชิงหลิง

ไป๋ชิงหลิงรีบลุกขึ้น และก่อนที่ไป๋ชิงเซิงจะวิ่งเข้ามานั้น นางได้รีบพูดขึ้นมา "รีบคารวะไทเฮาเดี๋ยวนี้"

"ไม่ต้องพิธีรีตองนักเลย" ไทเฮาฮุ่ยโบกพระหัตถ์ และทอดพระเนตรไปยังไป๋ชิงเซิงด้วยแววตาเปล่งประกาย

เด็กทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าสีเหมือนกัน แม้แต่เครื่องประดับก็เหมือนกัน พวกเขายังสูงเท่ากันอีกด้วย

และสิ่งที่สำคัญก็คือ เด็กทั้งสองคนมีคิ้วและดวงตาที่เหมือนกันมาก แวบแรกที่ได้เห็นช่างเหมือนเป็นฝาแฝดยังไงยังงั้นเชียว

ไทเฮาฮุ่ยรู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก และตรัสถามออกไป "นี่คือ......เด็กคนนั้น"

"กราบทูลไทเฮา คือลูกสาวของข้าน้อยเพคะ"

ไทเฮาตรัสเชิงขบขัน "เด็กสองคนนี้เมื่อยืนด้วยกัน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเหมือนเป็นฝาแฝดกันเลยนะ......"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น