เมื่อไทเฮาฮุ่ยตรัสออกไปเช่นนั้น นางกำนัลและแม่นมในตำหนักก็ต่างพากันจ้องมองไปยังเด็กสองคนนั้น
แม้แต่ไป๋ชิงหลิงเองก็จ้องมองเพื่อสังเกตเด็กทั้งสองคนไปมา
เมื่อสังเกตดู คิ้วและดวงตาของเด็กทั้งสองคนเหมือนกันจริงๆ และถือว่าเหมือนกันอย่างมาก
แต่คนในตำหนักและไป๋ชิงหลิงต่างก็รู้ว่าเป็นเพียงคำพูดขบขันของไทเฮาฮุ่ย
หรงจิ่งหลินกลับรู้สึกชอบใจและกราบทูลไทเฮาฮุ่ย "หากเป็นฝาแฝดกัน เช่นนั้นกระหม่อมจะต้องเป็นพี่ชายอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"
ไป๋ชิงเซิงไม่ยอม "ใครบอก เห็นได้ชัดว่าข้าแข็งแรงกว่าเจ้า ข้าต้องเป็นพี่สาวอย่างแน่นอน"
"แต่ข้าสูงกว่าเจ้าเล็กน้อย คนที่สูงกว่าถึงจะได้เป็นพี่ต่างหาก ข้าพยายามกินเยอะๆ ก็ดูแข็งแรงกว่าเจ้าแล้ว เจ้าเป็นน้องสาวของข้า" หรงจิ่งหลินกล่าว
ไป๋ชิงเซิงกลอกตาใส่เขาที่ดูมีรูปร่างซูบผอมด้วยความรังเกียจ "รอให้เจ้ากินจนอ้วน เช่นนั้นข้าก็กำลังเติบโตเช่นกัน เจ้าตามข้าไม่ทันหรอก"
"อย่างไรเสีย ข้าจะเป็นพี่ชาย ส่วนเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้"
"ฮ่าๆๆ!" ไทเฮาฮุ่ยหัวเราะขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นเด็กทั้งสองเถียงกันไปเถียงกันมาเช่นนี้
หรงจิ่งหลินมองไปยังไทเฮาฮุ่ย และหัวเราะตาม "เสด็จย่าทวด กระหม่อมมีน้องสาวแล้ว ต่อไปจิ่งหลินก็จะมีเพื่อนเล่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ดี ดี มีเพื่อนเล่นแล้ว" ไทเฮาฮุ่ยหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น
ไทเฮาคงไม่มีแผนการอื่นขึ้นมาหรอกนะ?
ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น
นางเป็นโสดแต่มีลูก ราชวงศ์จักรพรรดิคงไม่แต่งตั้งคนอย่างนางเป็นพระชายาหรอก
จากนั้นนางจึงได้เงยหน้าขึ้นมองเขา
ทว่าไทเฮาฮุ่ยกลับเรียกไป๋ชิงหลิง "เจาเสวี่ย เจ้าก็อยู่ในวังหลวง เช่นนั้นก็ให้เด็กคนนี้อยู่ที่นี่เถอะ ข้าจะให้จิ่งหลินอยู่ในตำหนักฮุ่ยหนิงด้วย เพื่อให้พวกเขาทั้งสองคอยดูแลข้า เป็นอย่างไรบ้าง"
"อ๋า!" นางอุทานออกมาเบาๆ และยังไม่ดึงสติกลับมาได้จากเรื่องที่คิดเมื่อสักครู่ จากนั้นหันไปมองไทเฮาฮุ่ยด้วยสีหน้างุนงง
ไทเฮาฮุ่ยเห็นท่าทางอาการของนางเช่นนี้ และคิดว่าไป๋ชิงหลิงคงเขินอายกับการมาถึงของหรงเยี่ย ทำให้รอยยิ้มที่มีปรากฏชัดมากขึ้น
"เยี่ยเอ๋อร์ก็อย่ามัวทำแต่งาน ข้าอุตส่าห์หายจากอาการป่วยมาได้ เช่นนั้นก็คอยอยู่ดูแลข้าทีนี่ รอให้ร่างกายของข้าดีขึ้นมากกว่านี้ เจ้าค่อยส่งเจาเสวี่ยกลับออกไป" หากสามารถทำได้ พระนางอยากจะให้ไป๋เจาเสวี่ยอยู่ดูแลพระนางไปตลอด
แต่ทว่า เพื่อความสุขของหลานชายของพระนาง พระนางจึงต้องคว้าโอกาสนั้นเอาไว้
ไทเฮาฮุ่ยสามารถสั่งให้หลานชายทั้งเจ็ด จำเป็นต้องแต่งงานกับหญิงสาวบริสุทธิ์ผู้สูงศักดิ์และมีชื่อเสียง เว้นแต่เพียงท่านอ๋องหรง......
พระนางไม่ต้องการอะไร และหวังเพียงท่านอ๋องหรงจะสามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก เช่นนั้นก็คงจะดี
และในเมื่อปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ไทเฮาฮุ่ยจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้
หรงเยี่ยพยักหน้าตอบรับ "พ่ะย่ะค่ะ"
เสิ่นโหรวเม่ยที่ถูกเมินเฉยรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
นางมองไปยังเงาของหรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิง รวมไปถึงเด็กสองคนนั้น ฉากที่เห็นนั้นดูกลมกลืนกันอย่างน่าประหลาด
ทำให้เสิ่นโหรวเม่ยนึกคำพูดหนึ่งขึ้นมาได้ : สี่คนในครอบครัว!
"หมอหญิงเสิ่น ข้ามีแม่นางไป๋คอยดูแลอยู่แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ" ไทเฮาฮุ่ยตรัสรับสั่ง
เสิ่นโหรวเม่ยตอบรับ "เพคะ"
นางรีบเดินออกไปจากตำหนักฮุ่ยหนิง
ไทเฮาฮุ่ยชำเลืองมองเสิ่นโหรวเม่ยที่เดินออกไปด้วยแววตาที่หรี่ลงเล็กน้อย เพียงชั่วพริบตาก็ความชั่วร้ายทั้งหมดก็มลายหายไป
ผ่านไปไม่นาน จักรพรรดิเหยาและฮองเฮาอู๋ก็เสด็จมาเยี่ยมไทเฮาฮุ่ย
และได้ประกาศพระราชโองการแต่งตั้งไป๋ชิงหลิงเป็นหมอหญิงประจำราชสำนัก โดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักหมอหลวง มีค่าตอบแทนเป็นทองคำห้าร้อยตำลึง และมีป้ายคำสั่งสามารถเข้าออกวังหลวงได้ตามอิสระ อีกทั้งยังพระราชทานคฤหาสน์ให้อีกหนึ่งหลัง
การแต่งตั้งที่ได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ อีกเหตุผลหนึ่งคือ ติ้งเป่ยโหวมีความกระตือรือร้นในการช่วยผู้หญิง และได้เล่าความลับระหว่างเขาและไป๋ชิงหลิงให้จักรพรรดิเหยาฟัง
หลังจากที่จักรพรรดิเหยารู้ว่าเสนาธิการทหารยุทธศาสตร์การรบไป๋เจียวกวนก็คือไป๋ชิงหลิง ก็ได้ตรัสถามขึ้นอย่างสงสัย "เหตุใดนางถึงต้องปิดบัง ข้าตอบแทนนางอย่างแน่นอน นางทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่ได้ช่วยเมืองเยี่ยนหนาน เมืองเยี่ยนหนานถือเป็นแนวป้องกันที่สำคัญที่สุดของแคว้นหรง นางได้ช่วยแคว้นเอาไว้ ถือเป็นคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่"
ติ้งเป่ยโหวกล่าวว่า "เจาเสวี่ยกล่าวว่า งานด้านการทหารนั้นใหญ่หลวงมากเกินไป นางเพียงต้องการใช้ชีวิตอยู่กับลูกอย่างสงบ และใช้ทักษะทางการแพทย์ช่วยเหลือผู้คน และไม่ต้องการเป็นวีรสตรีหรืออินทรีที่โดดเด่น"
ความเย่อหยิ่งและองอาจนี้ เปลี่ยนทัศนคติของจักรพรรดิเหยาที่มีต่อนางอย่างมาก
จึงทำให้จักรพรรดิเหยาประกาศเพิ่มคฤหาสน์ให้อีกหลังหนึ่งในพระราชโองการ
ขณะที่จักรพรรดิเหยากำลังเสด็จออกจากตำหนักฮุ่ยหนิงนั้น ติ้งเป่ยโหวก็ได้มาเข้าเฝ้าไทเฮา และเพื่อให้แน่ใจว่าตอนนี้ไป๋ชิงหลิงอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย โดยมีไป๋ชิงเซิงคอยอยู่กับนาง จากนั้นจึงได้จากไปด้วยความโล่งใจ
และคืนนั้น แม่นมอวี่อันก็ได้พาไป๋ชิงเซิงและไป๋ชิงหลิงไปพักผ่อนที่ตำหนักข้าง
ทันใดนั้นหรงจิ่งหลินก็ได้บุกเข้ามาและตะโกนออกไปว่า "ข้าก็จะนอนกับท่านแม่ด้วย!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...