ใบหน้าน้อย ๆ ของหรงจิ่งหลินตกใจเล็กน้อย แต่สติของเขาก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
เด็กชายรีบยัดหยกสีดำใส่ในมือของไป๋ชิงหลิง จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที
“เอ๋...” ไป๋ชิงหลิงร้องขึ้นเบา ๆ
แต่เด็กน้อยว่องไวนัก เพียงพริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของนางแล้ว
ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้นและวิ่งตามออกไปโดยสัญชาตญาณ
เพียงแต่ ทันทีที่นางเลิกม่านขึ้น นางเห็นแส้สีดำพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วจากด้านหลังของนาง และกำลังจะพุ่งเข้าใส่หรงจิ่งหลินที่กำลังจะกระโดดลงจากรถม้า
หัวใจของไป๋ชิงหลิงแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม นางร้องเสียงหลง “ระวัง”
นางไม่ทันได้มีเวลาคิด เมื่อแส้กำลังจะแตะเข้าที่เอวของเด็กน้อย ไป๋ชิงหลิงก็กระโดดพุ่งเข้าหาหรงจิ่งหลิน
“ท่านแม่”
“ว้าย สวรรค์”
เสียงร้องตกใจดังมาจากทุกสารทิศ
ทุกคนได้ยินเพียงเสียงดัง “ตึงตัง” เท่านั้น
หญิงสาวที่ออกมาจากรถม้านั่น กำลังกอดบุตรชายของอ๋องหรงและตกลงมาด้วยกัน
ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของผู้คนในเหตุการณ์ต่างตื่นตะลึง
นั่นมันบุตรชายของท่านอ๋องหรงนี่!
บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านอ๋องหรง ไม่ว่าใครก็แตะต้องไม่ได้
หญิงสาวผู้นี้... จบ เห่ แล้ว!
“ฮี้ ๆ ๆ ” เสียงม้าร้องดังขึ้นเรียกสติให้ผู้คน ผู้คนต่างหันหน้าไปทางกลุ่มทหารม้าเกราะเงินที่มาจากระยะไกลและคุกเข่าลง
“ถวายบังคมท่านอ๋องหรง”
ไป๋ชิงหลิงมองไปตามเสียง
กลุ่มคนขี่ม้าหุ้มเกราะสีเงินกำลังแหวกฝูงชนตรงเข้ามา
ชายผู้นำกลุ่มสวมชุดขุนศึกพอดีตัวสีม่วงแกมดำ บ่าของเขามีผ้าคลุมสีดำคลุมอยู่ผืนหนึ่ง ยามเมื่อลมพัดผ่าน ผ้าคลุมผืนนั้นก็โบกสะบัดตามแต่ใจ
ในมือของเขาถือแส้ยาวสีดำเส้นหนึ่ง กว่ากึ่งหนึ่งของแส้กองอยู่ที่พื้น บริเวณที่มีแส้ลากผ่านหลงเหลือให้เห็นเป็นรอยขีดจาง ๆ และยังคงมองเห็นรอยเลือดปรากฏที่บนแส้
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกแค่เพียงด้านหลังของนางปวดแสบปวดร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น