ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 72

นางกำลังจะอ้าปากเพื่ออธิบาย แม่นมอวี่อันกลับหัวเราะขึ้นมาก่อนและกล่าวว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นหมอหญิงไป๋ก็นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายใจ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตำหนักฮุ่ยหนิงในคืนนี้นั้น บ่าวไม่มีทางพูดออกไปอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ หมอหญิงไป๋ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอะไรไป เช่นนั้นบ่าวฝากซื่อจื่อน้อยไว้กับหมอหญิงไป๋ด้วยนะเจ้าคะ"

เมื่อแม่นมอวี่อันพูดจบก็รีบเดินออกไปจากตำหนักข้าง และรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว

เสียงประตูถูกปิดลง "ปัง"

ไป๋ชิงหลิงจึงได้หันไปจ้องมองหรงเยี่ยด้วยความโกรธ "เหตุใดท่านไม่อธิบายออกไป เราทำเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ หรือท่านต้องการให้เราทั้งสี่คนนอนร่วมเตียงและหมอนกันจริงอย่างนั้นหรือ"

"เหตุใดถึงทำไม่ได้?" หรงเยี่ยเงยหน้าขึ้นและยื่นมือออกมาปลดกระดุมที่คอ

เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นการกระทำของเขาก็รีบดึงมือของไป๋ชงเซิงถอยออกมา และกล่าวขึ้นด้วยความโกรธ "ข้าไม่ต้องการเช่นนี้ ท่านออกไปเสียเถอะ จิ่งหลินสามารถอยู่ที่นี่ได้"

เมื่อพูดจบนางก็เดินไปยังด้านหน้าของตำหนักข้าง จากนั้นยื่นมือออกไปเพื่อจะเปิดประตู แต่กลับค้นพบว่าประตูได้ถูกลงกลอนเอาไว้

นางไม่ยอมจึงได้ลองดึงอีกครั้ง และแน่ใจแล้วว่าคืนนี้ใครก็ไม่สามารถออกไปได้ แต่มือของนางยังคงไม่ยอมปล่อย

ขณะนี้เอง ไป๋ชงเซิงหาวและกล่าวขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า "ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว ท่านและท่านอ๋องหรงค่อยทะเลาะกันต่อพรุ่งนี้ได้หรือไม่"

มุมปากของไป๋ชิงหลิงแข็งทื่อ และจ้องมองหรงเยี่ยด้วยความโกรธ

คิ้วของเขาขยับเล็กน้อยและเดินไปยังไป๋ชงเซิงและหรงจิ่งหลิน จากนั้นอุ้มทั้งสองคนขึ้นมาพร้อมกัน และกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "กล่อมเด็กนอนก่อน อย่าทำนิสัยเหมือนเด็กหน่อยเลย"

ใครทำนิสัยเหมือนเด็ก!!

ไป๋ชิงหลิงมองไปยังเงาของเขาและในใจก็เกิดความรู้สึกสับสน

นางกลับมาที่เมืองหลวงเพื่ออะไรกันนะ......

แก้แค้น!

เมื่อทำการแก้แค้นเสร็จก็จะออกจากเมืองหลวง และกลับไปใช้ชีวิตตามปกติที่หุบเขาเซียนไหล ไม่ใช่การมาเป็นพระชายาหรงของเขาเช่นนี้

อีกอย่างการที่ท่านอ๋องหรงจะแต่งงานกับนางนั้นไม่เกี่ยวข้องกับความรักเลย เขาเพียงแค่ต้องการหาแม่ให้กับลูกชายของเขา

ไม่ นางจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ไทเฮาฟังอย่างชัดเจน

นางหันกลับและดึงประตูอีกครั้ง และสุดท้ายเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่สามารถเปิดประตูได้จึงได้เดินกลับไปห้องนอน

แต่เมื่อนางเพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องนอน ก็ได้เห็นหรงเยี่ยอุ้มเซิงเอ๋อร์นั่งอยู่ที่เก้าอี้

สองมือของไป๋ชงเซิงจับเสื้อผ้าของเขาแน่น และดวงตาของนางก็ปิดลงแล้ว โดยนางได้หลับไปในอ้อมแขนของเขา

ไป๋ชิงหลิงแทบไม่อยากเชื่อ "นาง......หลับไปแล้วหรือ?"

"อืม!"

"เป็นไปได้อย่างไร จื่ออีเลี้ยงนางมาตั้งแต่เล็ก แต่ก็ไม่เคยกล่อมนางให้นอนหลับได้เลย หากนางไม่เห็นข้า นางจะร้องไห้ฟูมฟายทั้งคืน ท่านทำได้อย่างไร......" นางรีบเดินเข้าไปมองดูไป๋ชงเซิงที่อยู่อ้อมแขนของเขา

ท่าทางการนอนหลับลงไปอย่างเงียบสงบนี้ เป็นลักษณะหลังจากที่นางหลับดีแล้ว

เสี่ยวเซิงเอ๋อร์เป็นเด็กที่ขาดความรู้สึกปลอดภัยมาตั้งแต่เด็ก หากไม่มีนางคอยนอนด้วยก็จะไม่สามารถนอนหลับลงได้ ทว่าตอนนี้กลับนอนหลับไปในอ้อมแขนของท่านอ๋องหรง

"ท่านแม่ ตอนที่น้องอยู่ที่จวนก็ร้องไห้ตลอดเวลาเมื่อไม่เจอท่าน ไม่ว่าแม่นมซั่งจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่เป็นผล จากนั้นจึงได้สั่งให้พ่อบ้านฉีส่งจดหมายให้กับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อจึงรีบกลับไปกล่อมน้องนอน" หรงจิ่งหลินโน้มตัวไปใกล้ไป๋ชงเซิง และเอามือน้อยๆ ไปจับมืออันอวบอิ่มของไป๋ชงเซิง

ไป๋ชิงหลิงมองหรงเยี่ยด้วยความตกตะลึง "ท่านกล่อมนางนอนหลับ"

หรงเยี่ยไม่ได้ตอบนาง

หรงจิ่งหลินพยักหน้าและกล่าวว่า "เสด็จพ่อกล่อมน้องขอรับ เมื่อเสด็จพ่อกอดน้อง น้องก็ไม่ร้องไห้อีกเลย จากนั้นก็หลับไปอย่างรวดเร็ว!"

เมื่อเสียงสนทนาจบลงหรงเยี่ยก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า "วางผ้าห่มให้ดี"

ไป๋ชิงหลิงดึงสติและเหลือบไปมองดูผ้าห่มที่อยู่ข้างหลังเขา

ผ้าห่มถูกจัดวางไว้อย่างดี นางเดินไปและหยิบผ้าห่มกางออก

ขณะที่หรงเยี่ยกำลังจะวางเด็กลง ไป๋ชงเซิงก็ได้กอดคอของหรงเยี่ยไว้แน่นและละเมอพึมพำ "ท่านพ่อ ท่านพ่อ......"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น