ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 734

สรุปบท บทที่ 734 น้ำที่ไหลจากภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

บทที่ 734 น้ำที่ไหลจากภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 734 น้ำที่ไหลจากภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

อาณาเขตของแคว้นฉีและแคว้นหรงถูกกั้นด้วยภูเขาใหญ่สองถูก เมื่อข้ามสันเขาอินทรีหิมะลูกนี้ไป จะพบกับภูเขาหิมะอีกหนึ่งลูก ที่นั่นก็คือเฟิงซานที่เต็มไปด้วยฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี

ที่ถูกเรียกว่าเฟิงซานก็เพราะว่าเมื่อดูจากระยะไกล รู้ร่างของมันคล้ายกับฟีนิกซ์เป็นอย่างมาก

มันไม่เพียงมีรูปร่างเหมือนกับฟีนิกซ์ แต่มันยังมีสีแดงเหมือนกับฟีนิกซ์อีกด้วย

ไป๋ชิงหลิงคิด ในวันแต่งงานของหรงเยี่ย การที่ตนเองได้อยู่ที่นี่มันคงดีกว่ากว่าที่นางต้องไปเห็นหรงเยี่ยแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นในพระราชวัง

มองเขาเข้าไปในตำหนักของผู้หญิงคนนั้น

และในวันที่นางมาถึงเฟิงซาน มันก็บังเอิญเป็นวันที่มีเทศกาลโคมไฟ

จักรพรรดิได้ประกาศพระราชโองการสามฉบับแก่โลกภายนอก ฉบับแรกเป็นการแต่งตั้งเต๋อเฟยขึ้นเป็นฮองเฮา ฉบับที่สองคือแต่งตั้งหลานวานเออร์ขึ้นเป็นพระชายาองค์รัชทายาท และสุดท้ายคือการแต่งตั้งไป๋ชิงหลิงเป็นพระชายารองขององค์รัชทายาท

หลานวานเออร์หน้าชื่นใจบาน ถูกเรียกเข้าไปในตำหนักตงในทันที

และไป๋ชิงหลิงในตอนนั้นก็กำลังยืนอยู่บนยอดของเฟิงซาน มองใบสั่งยาที่อยู่ในมือพร้อมครุ่นคิดอย่างหนัก!

เลือดฟีนิกซ์ ขนฟีนิกซ์ เกล็ดมังกร......

มันคือยาชนิดใดกันแน่

วัตถุดิบในการทำอย่างอื่นสามารถหาได้ภายในสองสามวัน ยกเว้นสามสิ่งที่กล่าวมา

แต่ชื่อของวัตถุดิบทั้งสามชนิดนี้ มันไม่ใช่ชื่อของวัตถุดิบยา แต่มันเป็นชื่อที่เป็นส่วนเกี่ยวข้องกับตัวยา

แล้วจะให้นางไปหาเลือดฟีนิกซ์จากที่ไหน......

อิงเหลียนยกแกงร้อนมามอบให้ไป๋ชิงหลิง “พระชายา รีบรับไว้เพื่อให้ความอบอุ่นกับมือ”

เฟิงซานมีสภาพอากาศเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี อากาศอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องใช้แกงร้อนในการให้ความอบอุ่นอีกต่อไป แต่ไป๋ชิงหลิงเพิ่งจะข้ามภูเขาน้ำแข็งมา ทำให้มือและเท้าของนางแข็งจนได้รับบาดเจ็บ

ภูเขาหิมะมันหนาวเกินไปจริง ๆ

ไป๋ชิงหลิงยื่นมือออกมา จากนั้นหันกลับไปมองดูเหล่าทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่อยู่ด้านหลังของนาง

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกนางจะเข้ามาในเฟิงซานได้ ทุกครั้งพวกเขาต้องแย่งอาหารมาจากปากของสัตว์ร้าย เนื่องจากยาที่นางต้องการเป็นอาหารของสัตว์เหล่านี้ ดังนั้นบนร่างกายของพวกเขาจึงมีบาดเจ็บไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่เป็นแนวหน้า หน้าอกและหัวไหล่ของพวกเขา หรือไม่ก็แขน.....ต่างเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัส

แต่พวกเขาก็ไม่ยอมให้สิ่งใดเข้ามาแตะต้องนาง นำทางนางเข้ามาในเฟิงซานอันเหี้ยมโหด

แต่ในตอนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเฟิงซาน ไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย

นางไม่รู้ว่าวัตถุดิบสามสิ่งนี้มันคืออะไร

และในตอนนั้นเอง เสียงรอยเท้าแปลก ๆ ดังขึ้นมาจากในป่า ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำตื่นตัวในทันที พวกเขารีบเข้ามาปกป้องไป๋ชิงหลิง ในมือถืออาวุธ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปรอบ ๆ

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันใด

ร่างกายของไป๋ชิงหลิงบีบตัว ยักไหล่และมองยังต้นไม้ใบไม้ที่พลิ้วไหว

แม้ว่านางไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน แต่นางก็รู้ว่ามีบางอย่างกำลังเข้าใกล้นางในขณะนี้......

“อิงเหลียน พาพระชายาหนีไปทางแม่น้ำด้านหลัง” ในตอนที่ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำมาถึง พวกเขาก็ได้สำรวจภูมิประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พวกเขาไม่มีทางยอมปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงของพวกเขาที่นี่เป็นอันขาด

อิงเหลียนตอบรับ ในตอนที่กำลังจะพาไป๋ชิงหลิงหนีออกไป จู่ ๆ เสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านในป่า “ลำธารสายนั้นไหลมาจากภูเขาหิมะ ปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น พวกเจ้าพานายหญิงของพวกเจ้าไปทางนั้น พวกเจ้าต้องการทำร้ายเด็กในท้องของนางหรืออย่างไร?”

ร่างกายของไป๋ชิงหลิงแข็งทื่อ......

เสียงนี้มัน! !

เป็นอย่างที่คิด ชายคนหนึ่งสวมชุดเสื้อคลุมสีสดใส ก้าวออกมาจากต้นไม้ใบหญ้าอันหนาแน่น

นั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือ หยางสวี่อี้!

หยางไค

หยางสวี่อี้โบกมือขึ้น บอกให้ทหารองครักษ์ถอยออกไป เหล่าทหารองครักษ์รีบถอยออกไปทันใด และไม่ได้ถอยห่างจากหยางสวี่อี้มากนัก มันคือตำแหน่งที่สามารถเข้ามาปกป้องหยางสวี่อี้ได้ตลอดเวลา

แต่ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำกลับไม่ได้มีทีท่าว่าจะถอย พวกเขายังคงรักษาท่าทางของพวกเขาไว้ คือต่อต้านหยางสวี่อี้!

และแน่นอน ไป๋ชิงหลิงก็ไม่ได้โง่ที่จะสั่งให้ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำถอยกลับมา หยางสวี่อี้เก่งทั้งวรยุทธ์และวรรณกรรม และวรยุทธ์ของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหรงเยี่ย หากเป้าหมายของอีกฝ่ายเป็นนาง เช่นนั้นก็คงจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังตามหายาอยู่” หยางสวี่อี้พูดอย่างสงบ น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน

แต่ไป๋ชิงหลิงกลับรู้สึกรังเกียจ “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”

“หากไม่มีข้า เจ้าคงไม่อาจตามหาของสามสิ่งนั้นได้เป็นแน่”

“ข้าจะหาได้หรือไม่ ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของพวกเขา หากหาไม่ได้ มันก็เป็นชะตากรรมของพวกเขา” ไป๋ชิงหลิงไม่อยากพูดอะไรกับหยางสวี่อี้มาก นางหันหลังและรีบจากไป

หยางสวี่อี้ก็คงไม่กล้าพอที่จะจับกุมนาง

เนื่องจากหากเขาต้องการจับกุมนางจริง ๆ ครั้งนั้นเขาก็คงไม่ปล่อยนางออกมา

แต่ในตอนที่นางก้าวออกไปได้เพียงสามก้าว หยางสวี่อี้ก็กล่าวออกมาว่า “การที่เจ้าฝ่าพายุหิมะมายังเฟิงซาน สิ่งที่เจ้าทำลงไปไม่ใช่เพราะต้องการช่วยเหลือคนอย่างนั้นหรือ?”

“อาเสวี่ยเป็นคนที่มีจิตใจเมตตามาโดยตลอด หากมุ่งมั่นที่จะช่วยชีวิตผู้ใดแล้ว นางจะทำอย่างสุดความสามารถ ตอนนี้เจ้าใกล้จะรวบรวมยาได้ครบแล้ว เหตุใดจึงไม่ถามข้าว่ามีเงื่อนไขอะไรในการแลกกับวัตถุดิบสามสิ่งนั้น”

ไป๋ชิงหลิงหยุดฝีเท้าของนางทันใด หันกลับมาพร้อมเอ่ยคำถาม “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะถามเจ้า เจ้ามีเงื่อนไขอะไรถึงจะยอมพูดเกี่ยวกับวัตถุดิบทั้งสามสิ่งนั้น”

“วัตถุดิบหนึ่งอย่างแลกกับการอยู่กับข้าเป็นเวลาหนึ่งวัน หลังจากเป็นจักรพรรดินีของข้าครบสามวันแล้ว ผ่านหนึ่งวันข้าจะมอบวัตถุดิบให้เจ้าหนึ่งชนิด และเมื่อเรื่องนี้จบลง ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งยังแคว้นหรง”

ไป๋ชิงหลิงยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน นางรู้ว่าคงไม่ได้สาระอะไรออกมาจากปากของหยางสวี่อี้ “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นภรรยาของใคร นี่เจ้ากำลังฝันอยู่หรืออย่างไร!”

หยางสวี่อี้ไม่ได้รู้สึกโกรธหรืออับอายในคำพูดของนาง “อาเสวี่ย วันนี้ภรรยาของเขาเป็นหญิงอื่นไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นชื่อหลานวานเออร์ ในวันเทศกาลโคมไฟ คนทั้งแคว้นเฉลิมฉลองให้กับการอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาทและพระชายาองค์รัชทายาท และจักรพรรดิก็ยังทำการนิรโทษกรรมครั้งยิ่งใหญ่ในแคว้นหรง”

ไป๋ชิงหลิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นางรู้สึกว่าบาดแผลที่ปิดไปแล้วซึ่งเกิดจากความพยายามอย่างหนักของนางกำลังจะเปิดออกอีกครั้ง มีเลือดไหลออกมาจากภายใน...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น