อาณาเขตของแคว้นฉีและแคว้นหรงถูกกั้นด้วยภูเขาใหญ่สองถูก เมื่อข้ามสันเขาอินทรีหิมะลูกนี้ไป จะพบกับภูเขาหิมะอีกหนึ่งลูก ที่นั่นก็คือเฟิงซานที่เต็มไปด้วยฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี
ที่ถูกเรียกว่าเฟิงซานก็เพราะว่าเมื่อดูจากระยะไกล รู้ร่างของมันคล้ายกับฟีนิกซ์เป็นอย่างมาก
มันไม่เพียงมีรูปร่างเหมือนกับฟีนิกซ์ แต่มันยังมีสีแดงเหมือนกับฟีนิกซ์อีกด้วย
ไป๋ชิงหลิงคิด ในวันแต่งงานของหรงเยี่ย การที่ตนเองได้อยู่ที่นี่มันคงดีกว่ากว่าที่นางต้องไปเห็นหรงเยี่ยแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นในพระราชวัง
มองเขาเข้าไปในตำหนักของผู้หญิงคนนั้น
และในวันที่นางมาถึงเฟิงซาน มันก็บังเอิญเป็นวันที่มีเทศกาลโคมไฟ
จักรพรรดิได้ประกาศพระราชโองการสามฉบับแก่โลกภายนอก ฉบับแรกเป็นการแต่งตั้งเต๋อเฟยขึ้นเป็นฮองเฮา ฉบับที่สองคือแต่งตั้งหลานวานเออร์ขึ้นเป็นพระชายาองค์รัชทายาท และสุดท้ายคือการแต่งตั้งไป๋ชิงหลิงเป็นพระชายารองขององค์รัชทายาท
หลานวานเออร์หน้าชื่นใจบาน ถูกเรียกเข้าไปในตำหนักตงในทันที
และไป๋ชิงหลิงในตอนนั้นก็กำลังยืนอยู่บนยอดของเฟิงซาน มองใบสั่งยาที่อยู่ในมือพร้อมครุ่นคิดอย่างหนัก!
เลือดฟีนิกซ์ ขนฟีนิกซ์ เกล็ดมังกร......
มันคือยาชนิดใดกันแน่
วัตถุดิบในการทำอย่างอื่นสามารถหาได้ภายในสองสามวัน ยกเว้นสามสิ่งที่กล่าวมา
แต่ชื่อของวัตถุดิบทั้งสามชนิดนี้ มันไม่ใช่ชื่อของวัตถุดิบยา แต่มันเป็นชื่อที่เป็นส่วนเกี่ยวข้องกับตัวยา
แล้วจะให้นางไปหาเลือดฟีนิกซ์จากที่ไหน......
อิงเหลียนยกแกงร้อนมามอบให้ไป๋ชิงหลิง “พระชายา รีบรับไว้เพื่อให้ความอบอุ่นกับมือ”
เฟิงซานมีสภาพอากาศเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี อากาศอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องใช้แกงร้อนในการให้ความอบอุ่นอีกต่อไป แต่ไป๋ชิงหลิงเพิ่งจะข้ามภูเขาน้ำแข็งมา ทำให้มือและเท้าของนางแข็งจนได้รับบาดเจ็บ
ภูเขาหิมะมันหนาวเกินไปจริง ๆ
ไป๋ชิงหลิงยื่นมือออกมา จากนั้นหันกลับไปมองดูเหล่าทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่อยู่ด้านหลังของนาง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกนางจะเข้ามาในเฟิงซานได้ ทุกครั้งพวกเขาต้องแย่งอาหารมาจากปากของสัตว์ร้าย เนื่องจากยาที่นางต้องการเป็นอาหารของสัตว์เหล่านี้ ดังนั้นบนร่างกายของพวกเขาจึงมีบาดเจ็บไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่เป็นแนวหน้า หน้าอกและหัวไหล่ของพวกเขา หรือไม่ก็แขน.....ต่างเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัส
แต่พวกเขาก็ไม่ยอมให้สิ่งใดเข้ามาแตะต้องนาง นำทางนางเข้ามาในเฟิงซานอันเหี้ยมโหด
แต่ในตอนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเฟิงซาน ไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
นางไม่รู้ว่าวัตถุดิบสามสิ่งนี้มันคืออะไร
และในตอนนั้นเอง เสียงรอยเท้าแปลก ๆ ดังขึ้นมาจากในป่า ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำตื่นตัวในทันที พวกเขารีบเข้ามาปกป้องไป๋ชิงหลิง ในมือถืออาวุธ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปรอบ ๆ
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันใด
ร่างกายของไป๋ชิงหลิงบีบตัว ยักไหล่และมองยังต้นไม้ใบไม้ที่พลิ้วไหว
แม้ว่านางไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน แต่นางก็รู้ว่ามีบางอย่างกำลังเข้าใกล้นางในขณะนี้......
“อิงเหลียน พาพระชายาหนีไปทางแม่น้ำด้านหลัง” ในตอนที่ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำมาถึง พวกเขาก็ได้สำรวจภูมิประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พวกเขาไม่มีทางยอมปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงของพวกเขาที่นี่เป็นอันขาด
อิงเหลียนตอบรับ ในตอนที่กำลังจะพาไป๋ชิงหลิงหนีออกไป จู่ ๆ เสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านในป่า “ลำธารสายนั้นไหลมาจากภูเขาหิมะ ปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น พวกเจ้าพานายหญิงของพวกเจ้าไปทางนั้น พวกเจ้าต้องการทำร้ายเด็กในท้องของนางหรืออย่างไร?”
ร่างกายของไป๋ชิงหลิงแข็งทื่อ......
เสียงนี้มัน! !
เป็นอย่างที่คิด ชายคนหนึ่งสวมชุดเสื้อคลุมสีสดใส ก้าวออกมาจากต้นไม้ใบหญ้าอันหนาแน่น
นั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือ หยางสวี่อี้!
หยางไค
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...