ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 749

" หรือว่าเจ้าได้ลืมฐานะของตัวเองไปแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้อภัยเจ้าเด็ดขาด ทหาร..."

พูดยังไม่ทันขาดคำ ไป๋ชิงหลิงก็เดินมาอย่างเร็ว เอื้อมมือบีบคอของหลานวานเออร์ไว้ แล้วก็ได้ราดซุปโสมเข้าไปในปากของหลานวานเออร์

แม่นมฉินทำตาโพลง แล้วรีบเอื้อมมือออกไปจับแขนของไป๋ชิงหลิงไว้ หวังว่าจะห้ามปรามนางได้

แต่ ก่อนที่แม่นมฉินจะจับแขนของไป๋ชิงหลิงนั้นกลับถูกแม่นมซั่งจับผมไว้ได้ก่อน นางกระชากผมของแม่นมฉินแล้วสะบัดอย่างแรง

แม่นมฉินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด "โอ๊ย"

" จะมีการกบฏ จะมีการกบฏ ทหาร ..."

ประตูถูกปิดเสียงดัง " ปรากฏ " ด้วยขันทีของศาลาชิงหลิน

ไป๋ชิงหลิงกดหลานวานเออร์ลงบนพื้น แล้วก็ป้อนซุปโสมในมือโดยไม่ไหลออกสักหยด จากนั้นก็ขว้างถ้วยออกไปอย่างแรง

หลานวานเออร์อาเจียนพร้อมน้ำตา " ไป๋...ไป๋จ้าวเสวี่ย..."

" จิ่งหลินนั้นร่างกายอ่อนแอตั้งแต่ยังเยาว์วัย ทำให้เขาแพ้ยาหลายอย่าง เจ้าจะแย่งความโปรดปรานจากใครข้าไม่ว่า แต่ถ้าเอาชีวิตลูกข้ามาเล่นข้าก็จะสู้ด้วยชีวิต"

" ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา การเป็นพระชายาองค์ราชทายาทของเจ้าก็ต้องจบสิ้นเช่นกัน" พูดจบนางก็ตบไปบนหน้าของหลานวานเออร์อีกครั้ง

ฝ่ามือที่แสบร้อนนั้นทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหลานวานเออร์มืนงงไปชั่วขณะ " เจ้า ...เอ่อ..."

มือที่อยู่บนคอของหลานวานเออร์นั้นบีบแน่นกว่าเดิม ความรู้สึกหายใจไม่ออกทำให้นางแทบเสียสติ และทำให้หลานวานเออร์พูดอะไรไม่ออก

มือทั้งสองข้างของนางกำมือของไป๋ชิงหลิงไว้แน่น แล้วก็ดิ้นรนอย่างสู้ชีวิต

จนหลานวานเออร์กลอกตาเหมือนกำลังจะขาดใจตายนั้น ไป๋ชิงหลิงกึงปล่อยมือ ลุกขึ้นมาแล้วเดินผ่านหน้านาง

แม่นมซั่งได้มอบเด็กให้กับลี่ว์อี

ไป๋ชิงหลิงเดินไปแล้วก็รับเด็กมาไว้ในอ้อมกอดแล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

นางกำนัลของศาลาชิงหลิงยังคงกดทับนางกำนัลของจาวเฟิงหยวนไว้ พวกนางรอจนไป๋ชิงหลิงเดินออกจากห้องแล้วถึงปล่อยพวกนาง เดินตามไปอย่างรีบเร่ง

แต่ก่อนที่ไป๋ชิงหลิงจะเดินออกจากจาวเฟิงหยวนนั้น หมอหลวงฮั่วก็วิ่งออกมาจากอีกห้อง ร้องเรียกด้วยความรีบร้อน " สนมไป๋ สนมไป๋ ท่านรอก่อน..."

ไป๋ชิงหลิงหยุดฝีเท้าแล้วก็หันกลับไปมอง

หมอหลวงฮั่วนั้นวิ่งมาด้วยความรีบร้อนจนรองเท้าหลุดไปข้างหนึ่ง แต่ก็ตามทันไป๋ชิงหลิง เขากระโดดไปด้วยขาข้างเดียว แล้วเอ่ยด้วยอาการหายใจหอบ " องค์ราชทายาท...อาการขององค์ราชทายาทนั้นหนักมาก และไข้ขึ้นเรื่อยๆ บาดแผลยังติดเชื้อด้วย พระองค์หลับไม่ตื่นเลย ขอพระสนมไป๋รีบไปดูอาการให้องค์ราชทายาทหน่อยเถิด"

"เจ้าว่ากระไรนะ" สีหน้าของไป๋ชิงหลิงเปลี่ยนไปทันที หมุนตัวกลับไปถาม " องค์ราชทายาทกลับวังแล้วหรือ"

" กลับวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระองค์กลับวังวันเดียวกับที่พระสนมไป๋กลับวัง แต่ว่าพระองค์กลับมาโดยมีคนแบกเข้าวัง ขาสองข้างของพระองค์ถูกหิมะทับจนได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บตำแหน่งเดียวกับที่เคยได้รับบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ"

ร่างกายของไป๋ชิงหลิงกระตุกไปหลายที ริมฝีปากก็ขยับไปมา เอ่ย " เขายังอยู่ในจาวเฟิงหยวนหรือ"

" ใช่พ่ะย่ะค่ะ อยู่ข้างในนั้น" หมอหลวงชี้ไปทางห้องที่หรงเยี่ยอยู่

ไป๋ชิงหลิงก้มหน้ามองเด็กที่อุ้มไว้ เอ่ย " พาข้าไปเดี๋ยวนี้"

" พระสนม ฝากซื่อจื่อน้อยไว้กับกระหม่อมเถิด กระหม่อมจะพาเขาไปหาหมอเทวะซู"

ไป๋ชิงหลิงกลืนน้ำลาย จากนั้นเบ้าตาก็แดงก่ำ นางก้มหน้าแล้วใช้ใบหน้าสัมผัสไปบนหน้าผากหรงจิ่งหลิน เอ่ย " ทางด้านของหมอเทวะนั้นยังต้องรักษาคนบ้านตระกูลกู้กว่ายี่สิบคน ชีวิตคนนั้นสำคัญที่สุด ให้ซื่อจื่ออยู่กับข้าเถิด ในมือข้ายังมียาของหมอเทวะซู เรารีบไปดูองค์ราชทายาทเถิด"

" ให้กระหม่อมอุ้มซื่อจื่อเถิด" แม่นมซั่งเอ่ย

ไป๋ชิงหลิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ จึงมอบหรงจิ่งหลินให้แม่นมซั่ง

นางเดินตามหมอหลวงฮั่วไปยังห้องที่หรงเยี่ยพักอาศัย พอดีกับที่หลานวานเออร์เดินออกมาจากห้องข้างๆ

" ไป๋จ้าวเสวี่ย เจ้าจะทำอะไร"

ไป๋ชิงหลิงเข้าห้องโดยไม่แม้แต่จะหันมามองหลานวานเออร์

คนที่เก็บอั้นความรู้สึกไว้อย่างหมอหลวงจ้าว รีบเอ่ยขึ้นมา " พระสนมไป๋ พระชายาองค์ราชทายาทปฏิเสธกระหม่อมและหมอหลวงฮั่วให้ผ่าเนื้อตายบริเวณบาดแผลของท่านอ๋อง และห้ามหมอหญิงใช้ยาของพระนางด้วย และถ้าหากมีคนบอกให้พระชายาองค์ราชทายาทใช้ยาของพระสนมไป๋หรือว่าให้กระหม่อมกับหมอหลวงฮั่วรักษาก็จะถูกขับออกจากห้องอย่างไร้ปรานี ไม่ให้เข้าใกล้ท่านอ๋องอีก"

" ในตอนนี้ไม่เพียงแต่อาการของท่านอ๋องไม่ดีขึ้นเท่านั้น แต่กลับเป็นไข้หนัก ตั้งแต่เช้าตรู่เมื่อวานท่านอ๋องก็ไม่มีทางทางไข้ลดเลย"

หลานวานเออร์แย้งกลับ " หมอหลวงจางบอกไว้แล้ว ขอแค่ท่านอ๋องอดทน ทุกอย่างก็จะผ่านไป แต่ก่อนคนที่ได้รับบาดเจ็บต่างก็ทนผ่านไปได้ทั้งนั้น ท่านอ๋องมีร่างกายที่แข็งแรง ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน แต่พวกเจ้ากลับตัดหนังของท่านอ๋องออกไปแบบนั้น ขาของท่านอ๋องจะใช้ได้อย่างไร เรื่องนี้ ข้าเคยทูลต่อฝ่าบาทแล้ว และฝ่าบาทก็อนุญาตข้าแล้วด้วย"

"จริงหรือ" ไป๋ชิงหลิงกัดฟัน แล้วก็พูดอย่างเย็นชาทีละคำ " ถ้างั้น เจ้า ลอง ถาม ขุนนางน้อยใหญ่ดูว่า ต่างยอมให้องค์ราชทายาทเสี่ยงที่จะเสียขาหรือยอมเสี่ยงชีวิตหรือไม่"

" สนมไป๋ เจ้าหมายความว่ากระไร"

"ทหาร" ไป๋ชิงหลิงจ้องมองหลานวานเออร์ " จับตัวพระชายาองค์ราชทายาทแล้วส่งไปที่ห้องโถงหมิงคุน เหตุผลคือ...พระชายาองค์ราชทายาทจงใจจะเอาชีวิตขององค์ราชทายาทและซื่อจื่อ พวกเจ้าจับคนไปส่งก็พอ ถ้าหากฝ่าบาทเอาโทษขึ้นมา ข้าจะเป็นคนรับโทษเอง"

" เจ้า...เจ้ากล้านัก...อืม.."

แม่นมจ้านกำผ้าไว้ แล้วเดินเข้ามาอุดปากหลานวานเออร์ไว้ แม่นมหยางเองก็แตะขาของแม่นมฉินจนคุกเข่าลงกับพื้น คนที่เหลือต่างก็จับกุมคน

เพียงไม่นาน หลานวานเออร์และแม่นมฉินก็ถูกเชือกพันรอบตัวแล้วถูกลากออกไปจากจาวเฟิงหยวน

" หมอหลวงจางคือใคร" ไป๋ชิงหลิงเค้นเสียงถาม

หมอหลวงจางเดินออกมาจากกลุ่มหมอหลวง

เป็นชายวัยสามสิบเศษๆ ที่มีหน้าตาเหมือนคนถ่อย

" เป็นกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"

" จับกุมไว้ ส่งไปห้องโถงหมิงคุนมอบให้ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินพระทัย คนที่เหลือช่วยหมอหลวงฮั่วและหมอหลวงจ้าวทำการผ่าตัดให้ท่านอ๋อง"

หมอหลวงจางนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่คนของไป๋ชิงหลิงไม่ได้ให้โอกาสเขาได้อ้าปากพูด จับเขาแล้วลากออกไปจากจาวเฟิงหยวนเช่นกัน

หรงจิ่งหลินที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่นมซั่งค่อยลืมตาขึ้นมา แล้วก็มองไปยังหมอหลวงจางที่ถูกลากออกไป ตอนที่แม่นมซั่งก้มหน้ามองเขานั้น หรงจิ่งหลินก็หลับตาลงไปแล้ว...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น