ไป๋ชิงหลิงหายใจเข้าจนสุดปอด และจ้องมองเขาสักพัก
เธอคงรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงมองเธอหลังจากตื่นขึ้นมา เป็นเพราะเรื่องนั้นเอง
ตอนที่อยู่เฟินซานเธอสวมเสื้อคลุมลายมังกรของหยางสวี่อี้และได้ตามเขากลับตำหนัก แถมยังนอนที่โซฟาของหยางสวี่อี้
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องซ่อน เพราะถึงหูหรงเยี่ยไม่เกินวันแน่นอน
และเธอก็ไม่คิดที่จะซ่อนด้วย เธอกับหยางสวี่อี้ไม่ทำอะไรผิดอยู่แล้ว
อีกอย่างหยางสวี่อี้ก็ช่วยเธอปลูกผลเฟิ่งหวงด้วย
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไป๋ชิงหลิงถาม
หรงเยี่ยยังคงไม่มองเธอ "ตอนที่จิ่งหลินมาหาลูก"
“เจ้าตื่นนานแล้วเหรอ?” ใบหน้าของไป๋ชิงหลิงไม่ดี และสายตาเริ่มไม่พอใจ “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าพระชายาองค์รัชทายาทให้ยากับจิ่งหลิน!”
“เจ้าไม่อยากอธิบายให้ข้าหน่อยรึ?” จู่ๆ หรงเยี่ยก็หันหน้ามาแล้วมองหน้าไป๋ชิงหลิง
แต่เธออธิบายเขาก็ต้องจะเชื่อสิ่งที่เธอ แต่ว่าพฤติกรรมตอนนี้ของเธอทำให้หรงเยี่ยหงุดหงิดง่ายมาก
แต่ก็ดีที่หรงเยี่ยตอบแบบนี้แล้ว ไป๋ชิงหลิงก็มีคำตอบให้เขาเหมือนกัน
สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อตื่นขึ้นมาคือไม่ใช่เรื่องของหรงจิ่งหลิน แต่เป็นเรื่องของหยางสวี่อี้ถามหรงจิ่งหลิน แต่กับถามเธอเรื่องเธอกับหยางสวี่อี้ และนี้ก็สามารถแสดงได้ว่าเขารู้สึกอย่างแค่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไร
พอเขาเป็นคนถามเองแล้ว ความรู้สึกผิดและความเศร้าของไป๋ชิงหลิงที่มีต่อเขาก็ลดลง
เธอถามใบหน้าที่ดูเศร้า "เจ้ารู้ว่าจิ่งหลินโดนพระชายาองค์รัชทายาทวางยา แต่เจ้าก็ไม่ห้าม เจ้าอยากให้เขาตายรึ?"
“อยากเป็นฮองเฮาขนาดนั้นเลยเหรอ!”
"เจ้า..." ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่ากำลังโดนข่ม
สักพัก หรงเยี่ยจับข้อมือของไป๋ชิงหลิงแล้วบีบไว้แน่น ใบหน้าของเขาเริ่มแดงเล็กน้อย "มันยากขนาดนั้นเลยเหรอที่ต้องอธิบาย?"
“อธิบายอะไร ข้ากับจักรพรรดิเฉินไม่ได้ทำอะไร ข้าแค่ไปที่นั่นเพื่อต้องการยาสมุนไพรก็เท่านั้น เจ้าต้องตอบคำถามข้าก่อน เจ้ารู้ว่าจิ่งหลินโดนวางยา ทำไมเจ้าไม่ทำอะไรเลย จิ่งหลินคือลูกชายของเจ้า คนเราถึงจะโหดร้ายแค่ไหนแต่ก็ไม่ทำร้ายลูกตัวเอง” เธอจับมือของเขา
หรงเยี่ยบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ
สายตาของเขาแดงก่ำ และดูหายใจแรงกว่าปกติ
เขาขยับใบหน้าเข้ามาแล้วพูดว่า "นั่นไม่ใช่สิ่งที่หยางสวี่อี้บอกข้าในจดหมาย"
ไป๋ชิงหลิงตกใจ!
“เขารู้จักปานบนตัวของเจ้า เจ้าสักชื่อของข้าบนหน้าอกของเจ้า เจ้านอนบนโซฟาของเขา และสวมผ้าคลุมของเขา เขาพูดอีกว่า......”
“ไม่มีทาง ข้ากับเขาไม่ได้มีอะไรกันเลย”
ใบหน้าของไป๋ชิงหลิงเริ่มซีดทันที
ก่อนหน้านั้นเธอยังภักดีต่อหยางสวี่อี้ แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป
“จดหมายล่ะ เอามาให้ข้าดู!”
หรงเยี่ยหัวเราะ
ริมฝีปากของเธอหยุดขยับ พอได้ยินเสียงหัวเราะของหรงเยี่ย
หัวใจของไป๋ชิงหลิงรู้สึกเย็นชา รู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอแข็งทื่อไปหมดเพราะเสียงหัวเราะของเขา
“เจ้าหัวเราะอะไร ข้าบอกว่ามันไม่มีอะไร เจ้าไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า ถือว่าข้าได้อธิบายให้เจ้าแล้ว” ไป๋ชิงหลิงมองไปทางอื่นพร้อมกับตัวสั่นเล็กน้อย
และมือที่ข้อมือของเธอก็ค่อยๆ คลายออก
หัวใจของไป๋ชิงหลิงค่อยๆ คลายลงพอเขาบีบมือออก
หัวใจของเขารู้สึกไม่สบายใจ!
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หยิบหูฟังออก เพื่อตรวจดูเขาอย่างละเอียด
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่มองเธอด้วยสายตาที่คาดแค้นจากที่อารมณ์ของเขาที่สงบกลับหงุดหงิดอีกครั้ง
เธอเก็บหูฟังออก แล้ววางบนอกของเขา จากนั้นก็พูดน้ำเสียงที่อ่อนหวาน "ไม่เป็นอะไรมาก เดียวข้าสั่งให้คนทำอาหารมาให้"
เธอไม่อยากอยู่กับเขาคนเดียว มันรู้สึกอึดอัดไปหมด
เธอวางหูฟัง และกำลังจะลุกขึ้น ผู้ชายคนนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "เจ้าเคยทำแบบนี้กับหยางสวี่อี้หรือเปล่า?"
ไป๋ชิงหลิงหยุด และหันกลับมามองเขาอย่างโกรธแค้น "เจ้ามีคำตอบในใจแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้าคิดว่าเคยมันก็เคย ถ้าไม่เคยก็คือไม่เคย แม้แต่เรื่องที่เจ้าคิดว่าข้ามีอะไรกับเขาก็ถือว่าใช่แล้วกัน”
“ไป๋ชิงหลิง!” หรงเยี่ยกัดฟัน “เจ้าไม่จำเป็นต้องโกรธข้าขนาดนี้”
“แล้วเจ้าต้องการให้ข้าอธิบายอย่างไง ข้าบอกว่าไม่มีอะไรเลย แต่เจ้ากลับเชื่อสิ่งที่เข้าเขียนในจุดหมาย พอข้าบอกว่ามี เจ้าก็กลับไม่สบายใจ” ไป๋ชิงหลิงหันหลัง ไม่อยากสู้กับเขา จากนั้นก็เริ่มพูดสัญญาที่คุยกับหยางสวี่อี้ "เขาขอให้ข้าเป็นฮองเฮาสามวัน เพื่อแลกกับยาสามอย่าง ข้าสามารถเอายาพวกนี้เพื่อมารักษาคนของตระกูลกู้กลับมาได้ ตระกูลกู้ไม่ใช่ตระกูลทั่วไป บรรพบุรุษของครอบครัวมีรูปปั้นเทพเจ้า ซึ่งคนทั่วโลกเคารพกัน จักรพรรดิก็ยังเคารพ เพราะว่ามีการช่วยของตระกูลกู้ ข้าจึงสามารถช่วยชีวิตพ่อแม่ของข้าได้ แค่สามวันสามารถแลกชีวิตของพ่อแม่ข้าได้ เขาอยากทำอะไรกับข้า ข้าว่ามันก็คุ้มแล้ว”
หรงเยี่ยมองเขาด้วยความโกรธ คำพูดของไป๋ชิงหลิงไม่ได้ช่วยอะไรยิ่งทำให้สีหน้าของเขาน่าเกลียดกว่าเดิม
เขาพูดออกมาแค่คำเดียว "ออกไปซะ!"
“ข้าจะไปบอกคนใช้มาส่งอาหารให้เจ้า เจ้าต้องพักผ่อนเยอะๆ รอหายก่อนแล้วค่อยมาจัดการกับข้า” หลังจากพูดเสร็จ ไป๋ชิงหลิงก็เดินจากไป
ทันทีที่เธอหันกลับมา ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา
พอเธอใกล้ถึงหน้าประตู เธอก็ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา จากนั้นก็หายไปจากสายตาของเขา
สายตาของหรงเยี่ยมองไปที่หน้าต่าง มือของเขากำผ้าห่มแน่น
ภาพของหยางสวี่อี้ที่กำลังกอดไป๋ชิงหลิงอยู่บนเตียงอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด...
ให้ตายเถอะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...