ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 754

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” หลานวานเออร์ค่อย ๆ เดินเข้ามา จากนั้นก็ทำความเคารพจักรพรรดิเหยา

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หลานวานเออร์

ตอนแรกจักรพรรดิและเหล่าเสนาบดีปลาบปลื้มนางมากแค่ไหน เวลานี้พวกเขาก็ผิดหวังกับนางมากแค่นั้น หลานวานเออร์เองก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมาที่นาง สุดท้ายสายตาของนางก็จับจ้องไปยังร่างของไป๋ชิงหลิงที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น

นางจ้องมองใบหน้าของไป๋ชิงหลิงอย่างละเอียดถี่ถ้วน สุดท้ายถึงมองไปยังหรงจิ่งหลินที่อยู่ในอ้อมแขนของไป๋ชิงหลิง

นางค่อย ๆ ยื่นมือออกมา เดินไปทางหรงจิ่งหลิน “นางสนมไป๋ อาหลินเขา......”

ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่นั้นของนางเต็มไปด้วยความโกรธ จับจ้องไปที่นางอย่างเยือกเย็น

และท่าทางดังกล่าวของนาง ทำให้หลานวานเออร์ตกใจเป็นอย่างมาก

ท่าทางที่ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมามองนางเมื่อครู่ มันเหมือนกับผีที่คลานออกมาจากนรก พร้อมที่จะใช้กรงเล็บอันแหลมคมกรีดคอนางได้ทุกเมื่อ และลากนางลงนรกไปด้วยกัน

หลานวานเออร์สงบสติอารมณ์ จากนั้นพูดออกมาด้วยความเสียใจและไร้เดียงสา “นางสนมไป๋ ข้าเองก็อยากจะกล่าวขอโทษเจ้า ข้าไม่ควรใช้ยากล่อมประสาทกับอาหลิน แต่ตอนนั้นข้าเองก็รู้สึกร้อนใจ และในตอนที่อาหลินได้เห็นองค์รัชทายาท เขาก็ร้องไห้งอแงออกมายกใหญ่......”

“ร้องไห้งอแงที่ไหนกัน!” จู่ ๆ แม่นมหยางก็ยืดตัวขึ้นมา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันรุนแรง “พระชายาองค์รัชทายาท นางสนมไป๋ได้สอบถามเรื่องราวกับหมอหลวงชายและหมอหลวงหญิงที่อยู่ในจาวเฟิงหยวนมาโดยละเอียดแล้ว......”

แม่นมหยางชี้ไปที่หลานวานเออร์ “เป็นเจ้า เพื่อไม่ให้ซื่อจื่อกลับมาศาลาชิงหลิงเพื่อบอกกับนายหญิงของพวกเราว่าองค์รัชทายาทกลับมาแล้ว เจ้าจึงวางยานอนหลับซื่อจื่อ ในตอนนั้นซื่อจื่อไม่ได้ร้องไห้ออกมาแต่อย่างใด และซื่อจื่อเองก็ไม่มีทางร้องไห้งอแงออกมาเป็นแน่ เขาเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูจากองค์จักรพรรดิมาเป็นอย่างดี มีมารยาท รู้จักกฎเกณฑ์ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่โดดเด่น แต่เขาเป็นคนที่รักษากฎเกณฑ์เป็นแน่”

“ซื่อจื่อรู้ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของตนเองไม่ใช่พระชายาหลัก แต่ก็ยังเรียกเจ้าว่าเป็นพระชายาหลัก เขาเคารพในการตัดสินใจของจักรพรรดิ เคารพท่าน แต่วันนี้เจ้ากลับทำร้ายเขา ทำให้เขาไม่ฟื้นขึ้นมาจนถึงวันนี้ เพียงแค่ประโยคไม่กี่คำ พระชายาองค์รัชทายาทคิดว่าจาวเฟิงหยวนทุกคนเป็นคนหูหนวกตาบอดอย่างนั้นหรือ”

ใบหน้าของหลานวานเออร์ซีดเผือดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ไป๋ชิงหลิงยังไม่เคยพูดอะไรกับนางแม้แต่ประโยคเดียว แต่กลับทำให้นางพ่ายแพ้อย่างไร้ซึ่งโอกาสที่จะพลิกตัว

หลานวานเออร์ถึงรับรู้ว่า วันนี้จักรพรรดิไม่มีทางปล่อยนางไปเป็นแน่ และต้องการทวงความยุติธรรมคืนให้กับหรงจิ่งหลิน

นางรีบคุกเข่าลงในทันที ร่ำไห้ออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “เสด็จพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าเห็นว่าฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บสาหัส จิตใจวุ่นวาย ข้าได้ถึงทำเรื่องเช่นนั้นลงไปกับซื่อจื่อ ตอนแรกข้าเพียงต้องการให้ซื่อจื่อหลับไปเพียงชั่วคราว หลังจากซื่อจื่อตื่นขึ้นมาแล้ว อาการขององค์รัชทายาทก็จะดีขึ้นมาด้วยเช่นกัน เมื่อถึงเวลาจะได้เรียกซื่อจื่อมาอยู่เป็นเพื่อนองค์รัชทายาท ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ เวลานี้ซื่อจื่อเป็นอย่างไรบ้าง?”

นางไม่เชื่อว่ายากล่อมประสาทห่อเดียวจะทำให้เด็กมีสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงได้

นางคิดว่าไป๋ชิงหลิงจะต้องใช้โอกาสนี้ในการบีบคั้นนาง ดังนั้นทุกคำพูดของนางจึงสื่อไปยังไป๋ชิงหลิงโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และมันก็เหมือนกับเป็นการโยนความผิดทั้งหมดให้กับไป๋ชิงหลิงเป็นผู้รับผิดชอบ

แน่นอนว่าไป๋ชิงหลิงเองก็เข้าใจในคำพูดของอีกฝ่าย

เส้นเลือดที่คอของนางปูดขึ้นมา ใบหูของนางเป็นสีแดง นางพูดกับหลานวานเออร์ว่า “พระชายาองค์รัชทายาทรู้หรือไม่ว่า คำพูดที่ท่านกล่าวออกมา คำที่บอกว่า ‘คิดว่า’ ของท่านนั้น มันทำให้ลูกชายของข้าไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อีกตลอดกาล!”

หลานวานเออร์ตะลึงงัน สะดุ้งราวกับถูกฟ้าผ่า

นางหันมาด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เหตุใดซื่อจื่อจึงไม่ฟื้นขึ้นมา มีหมอหลวงลองตรวจสอบดูแล้วหรือยัง เสด็จพ่อ หมอเทวดาซูคือคนของนางสนมไป๋ จะใช้เพียงแค่คำพูดของอีกฝ่ายมาตัดสินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้......”

“ปัง!”

ฮองเฮาเต๋อลุกขึ้นมาตบหน้าของหลานวานเออร์อย่างแรง

ทุกคนแทบจะหายใจไม่ออก

ในตอนนั้นหลานวานเออร์เองก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความสับสน

ดวงตาของหลานเฉินเฟิงเองก็เปลี่ยนไปอย่างลับ ๆ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกแปลกใจกับการกระทำของฮองเฮาเต๋อ

ฮองเฮาเต๋อถามออกมาอย่างเคร่งขรึม “พระชายาองค์รัชทายาทกำลังสงสัยว่าข้ากำลังร่วมมือกับหมอเทวดาซูพ่อหลอกลวงฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ!”

หลานวานเออร์นำมือขึ้นมากุมหน้าของตนเองไว้ หลังจากนั้นมองมาที่ฮองเฮาเต๋อเป็นเวลานาน หัวใจของนางว่างเปล่าเมื่อถูกฮองเฮาเต๋อตอบหน้า

นางยังคงไม่ตอบสนอง และไม่มีใครบอกนางว่าฮองเฮาเต๋อเป็นคนพาหรงจิ่งหลินออกไปจากพระราชวังเพื่อไปหาหมอเทวดาซู

ประหาร! !

เหล่าเสนาบดีต่างตะลึงงัน

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลานเฉินเฟิงจะเที่ยงตรงถึงเพียงนี้ ยอมรับความผิดของหลานวานเออร์อย่างสงบ ไม่พูดอะไรเพื่อปกป้องหลานวานเออร์แม้แต่ประโยคเดียว

สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“แม่ทัพหลาน เรื่องนี้ข้าจะต้องจัดการเป็นแน่ มันเป็นความผิดของพระชายาองค์รัชทายาท แต่โทษของมันคงไม่ถึงตาย”

คำว่า “โทษของมันคงไม่ถึงตาย” ทำให้หัวใจของไป๋ชิงหลิงเยือกเย็นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขายังคิดที่จะปกป้องหลานวานเออร์อยู่

มันก็จริง นี่คือพระชายาองค์รัชทายาทที่เขาเลือกมาด้วยตัวเอง เพิ่งจะเป็นพระชายาองค์รัชทายาทได้แค่หนึ่งเดือน หากต้องสั่งประหารพระชายาองค์รัชทายาทผู้นี้ เขาเองก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เพียงแต่ พระชายาองค์รัชทายาททำลงไปด้วยความไม่รู้ ทำให้ซื่อจื่อยังคงไม่ฟื้นขึ้นมาถึงทุกวันนี้ เป็นโทษที่ไม่อาจอภัยได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้นางย้ายจากพระราชวังไปอยู่ที่วัดชิงเติ้ง ทานอาหารและสวดภาวนาเพื่อซื่อจื่อ คัดลอกพระคัมภีร์ หากซื่อจื่อไม่ฟื้นกลับมา พระชายาองค์รัชทายาทก็ห้ามออกมาจากที่แห่งนั้น” จักรพรรดิเหยากล่าวออกมาอย่างสงบ

ไม่มีใครกล้าหักล้างคำพูดของเขา

ซื่อจื่อไม่ฟื้นคืน พระชายาองค์รัชทายาทห้ามหวนกลับมา มันคือโทษทั้งชีวิต

หากซื่อจื่อตาย พระชายาองค์รัชทายาทก็ต้องอยู่ในวัดชิงเติ้ง ทานอาหารและสวดภาวนาไปทั้งชีวิต

สำหรับพระชายาองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ นี่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย

หลานวานเออร์ล้มลงกับพื้นในทันใด ใบหน้าของนางซีดเผือด

จักรพรรดิเหยาเหลือบตามองไปที่นางพร้อมกล่าวว่า “ออกเดินทางวันนี้ ห้ามล่าช้าเป็นอันขาด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น