ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 756

“เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทได้รับจดหมายจากจักรพรรดิเฉิน เขา......”

“เขาเป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือ?”

“เขาต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายในทุกค่ำคืน และทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายเหล่านั้น เส้นเลือดสีดำเข้มจะปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฝ่าบาท ราวกับว่า......ราวกับฝันเห็นสิ่งเลวร้าย ในตอนกลางวันก็มักจะมีอาการเหม่อลอย ข้าลองฝ่าบาทตั้งหลายครั้ง แต่ฝ่าบาทก็ไม่ตอบรับคำเรียกของข้า” อิงซา ไม่เคยเห็นหรงเยี่ยในสภาพเช่นนี้มาก่อน

หากบอกว่ามีก็คงเป็นตอนที่ได้อยู่กับไป๋ชิงหลิงแล้ว ทุกครั้งที่ทะเลาะกับไป๋ชิงหลิง หรงเยี่ยถึงจะมีทีท่าไร้ซึ่งสติและวิญญาณเช่นนี้

แต่เขาก็ไม่ได้เห็นนายท่านของเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว

สิ่งแรกที่อิงซา นึกถึงก็คือไป๋ชิงหลิง เขาคิดว่ามีเพียงแค่ไป๋ชิงหลิงเท่านั้นที่สามารถรักษาอาการเช่นนี้ของนายท่านของเขาได้

“ออกไปเสียเถอะ!” ไป๋ชิงหลิงเบือนหน้าหนี

อิงซา คิดไม่ถึงว่าไป๋ชิงหลิงจะตอบกลับมาเช่นนี้ “นายหญิงไป๋ ฝ่าบาทเขาต้องการท่าน ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของติ้งเป่ยโหว......”

“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเสียเถอะ” ไป๋ชิงหลิงยังคงกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็นอีกครั้งหนึ่ง

อิงซา เงยหน้าขึ้นมองนาง ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “เหตุใด......เหตุใดข้าจึงไม่เห็นแม่นางอวิ๋นเซียง”

เขาพบว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ เขาไม่ได้เห็นหน้าของอวิ๋นเซียงและอวิ๋นเยว่เลย

และในตอนที่ไป๋ชิงหลิงได้ยินอิงซา เอ่ยถึงชื่อของอวิ๋นเซียง หัวใจของนางก็บีบแน่นกลายเป็นก้อนกลม ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา “เจ้ายังจำอวิ๋นเซียงได้อีกอย่างนั้นหรือ!”

น้ำเสียงของนางแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ

อิงซา มีความประทับใจในตัวของอวิ๋นเซียง เนื่องจากพวกเขาเคยเข้าไปในคุกด้วยกันเพื่อทำแผลให้กับกู้เฉิงวั่ง

อิงซา เกาศีรษะของเขา

ไป๋ชิงหลิงอ่านใจของอิงซา ออกอย่างรวดเร็ว แต่นางไม่ได้รู้สึกมีความสุขแทนอวิ๋นเซียงแต่อย่างใด ในใจของนางกลับเต็มไปด้วย......ความเศร้าหมอง

หากอวิ๋นเซียงยังมีชีวิตอยู่ นางจะต้องช่วยพวกเขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นแน่ แต่ตอนนี้ อวิ๋นเซียงเหลือไว้เพียงแค่ซากศพเท่านั้น

“เจ้าอยากพบนางอย่างนั้นหรือ?” ไป๋ชิงหลิงถามกลับไป

ใบหน้าอันหล่อเหลาของอิงซา ค่อย ๆ กลายเป็นสีแดง “ข้าก็แค่ถามมาเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เนื่องจากนางคือคนที่ฝ่าบาทมอบให้นางสนมไป๋ ปรนนิบัติและภักดีต่อนางสนมไป๋ด้วยชีวิต”

“ฝ่าบาทของเจ้าไถ่ถามเกี่ยวกับเรื่องสาวใช้สองคนกับข้า หรือว่าเจ้าอยากจะรู้ว่าอวิ๋นเซียงเป็นอย่างไร?” ไป๋ชิงหลิงตอบกลับมา

ใบหน้าของอิงซา แข็งทื่อเล็กน้อย ไม่ใช่แค่หรงเยี่ยเท่านั้น แต่เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าเหตุใดอวิ๋นเซียงจึงไม่ออกมาติดตามไป๋ชิงหลิง

“ขอรับ......เป็นเพราะฝ่าบาท!” อิงซา พูดจบ เขาก็เอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคว่า “แต่ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน เหตุใดหลายวันที่ผ่านมาอวิ๋นเซียงและอวิ๋นเยว่ถึงไม่ออกมาติดตามอยู่ข้างกายของนายหญิงไป๋ พวกนางสองคน......ไปทำผิดอันใดมาอย่างนั้นหรือ”

หลังจากพูดจบ อิงซา สังเกตเห็นความโศกเศร้าในสายตาของไป๋ชิงหลิงที่มองมายังเขา

ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดง น้ำตาไหลออกมา ใบหน้าของนางซีดขาว

ไป๋ชิงหลิงกล่าวออกมาว่า “เมื่ออาเหลียนกลับมาแล้ว ข้าจะให้อาเหลียนพาเจ้าไปหาอวิ๋นเซียงและอวิ๋นเยว่”

หลังจากอิงซา เดินจากไป ไป๋ชิงหลิงก็ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าต่างเป็นเวลานาน

อวิ๋นเซียงและอวิ๋นเยว่ติดตามนางได้เพียงไม่นาน แต่ช่วงระยะเวลาดังกล่าว อวิ๋นเซียงและอวิ๋นเยว่ดูแลนางเป็นอย่างดี

ผู้คนต่างมีความรู้สึก นางสามารถสัมผัสได้ถึงความภักดีของพวกนางทั้งสองคน

หากพวกนางยังอยู่ดี พวกนางทั้งสองจะต้องมาคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายของนางเป็นแน่ แต่เวลานี้พวกนางได้จากไปแล้ว

แถมยังตายอย่างอนาถ ภายใต้เนื้อมือของจินจื่อเสวียน

หลานวานเออร์เพียงแค่รับผิดชอบโดยการถูกขังอยู่ในวัดชิงเติ้งเท่านั้น มันจะไปเพียงพอได้อย่างไร

ตราบใดที่หลานเฉินเฟิงยังไม่พ่ายแพ้ จินจื่อเสวียนก็สามารถทำในสิ่งชั่วร้ายต่อไปได้!

นางปัดกระถางต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง เสียงเศษกระถางแตกกระจาย ดังออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง

ในช่วงกลางคืน อิงซา กลับมายังตำหนักเจาหยางด้วยดวงตาอันแดงก่ำพร้อมกับจี้หยกที่อยู่ในมือ!

คุกเข่าข้างหนึ่งลงหน้าเตียงของหรงเยี่ย

หรงเยี่ยหันมามองเขา

น้ำเสียงของอิงซา มืดมนเป็นอย่างมาก “นายท่าน สาวใช้ทั้งสองที่ท่านถามถึง พวกนางจากไปแล้ว!”

อิงซา เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่อิงเหลียนบอกเขาออกมาให้กับหรงเยี่ยฟังอย่างละเอียด

ดวงตาของหรงเยี่ยค่อย ๆ มืดลงทีละน้อย

และในตอนที่ไป๋ชิงหลิงเดินออกมาจากห้อง เห็นว่าผู้ที่มาเฝ้าประตูนั้นไม่ใช่อิงเหลียน แต่เป็นสาวใช้จากพระราชวังหน้าใหม่จำนวนสองคน

นางตกใจเล็กน้อย กวาดสายตามองไปที่ทั้งสองคน “ฮองเฮาเหนียงเหนียงส่งพวกเจ้ามาอย่างนั้นหรือ?”

“พวกข้าคือทหารองครักษ์เหยี่ยวดำ มีนามว่า อิงลี่”

“ส่วนข้ามีนามว่า อิงอู๋ซวง”

“ได้รับคำสั่งจากท่านองค์รัชทายาทให้มีปกป้องดูและอยู่ข้างกายนายหญิงไป๋!”

คำพูดประโยคหลัง ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันอย่างน่าประหลาดใจ

หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงได้ยินเช่นนั้น นางไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย นางยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน “พวกเจ้าคือคนที่องค์รัชทายาทส่งมาเพื่อจับตาดูข้า?”

ทั้งสองคนตอบออกมาเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้ง “พวกเขาได้รับคำสั่งจากองค์รัชทายาทให้มาเพื่อปกป้องอยู่ข้างกายของนายหญิงไป๋”

ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินออกมาจากประตูและผ่านพวกนางไป

ในตำหนักมีสาวใช้เพิ่มเข้ามาอีกชุดหนึ่ง แต่คนพวกนี้ดูไม่เหมือนสาวใช้เลยแม้แต่น้อย บนร่างกายของพวกนางให้ความรู้สึกถึงแรงกดดันและความเยือกเย็น

ลี่ว์อีก้าวเข้ามาด้านหน้า “เหนียงเหนียง”

“คนพวกนี้มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เมื่อคืนนี้ พวกนางเข้ามาประจำการอยู่ในตำหนักแห่งนี้ ข้าเดินเข้าไปพูดคุยกับพวกนาง แต่พวกนางก็ไม่สนใจข้า เอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่กินหรือไม่ดื่มแต่อย่างใด” ลี่ว์อีกล่าวออกมา

ใบหน้าของไป๋ชิงหลิงจมดิ่งลง เวลานี้นางยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่า หรงเยี่ยส่งคนพวกนี้มาคอยจับตาดูนาง

นางหยิบยารักษาออกมามอบให้ลี่ว์อี “นำไปมอบให้จวนกู้ บอกกับหมอเทวดาซูว่า ยาจำนวนนี้สามารถรักษาผู้ป่วยได้สามคน”

ใช่ นางใช้เครื่องมือสกัดยาออกมาได้สามหลอด!

และยาปริมาณสามหลอดมันก็เพียงพอที่จะขจัดพิษต้องสาปบนร่างกายของใครคนหนึ่งได้

หลังจากมอบยารักษาให้กับลี่ว์อี นางสวมเสื้อคลุมและเดินไปยังประตูเมือง เตรียมตัวที่จะไปจับกุมกู้เฉิงวั่ง แต่นางกลับพบว่าคนที่พาพ่อแม่ของนางออกไปจากเหมืองหลวงนั้นคือหลานเฉินเฟิง...... 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น