ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 768

สรุปบท บทที่ 768 พวกเขาจะย้ำยีองค์หญิง: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

บทที่ 768 พวกเขาจะย้ำยีองค์หญิง – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 768 พวกเขาจะย้ำยีองค์หญิง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

งานนี้เป็นงานที่เอาชีวิตเข้าแลก ถ้าหากปล่อยให้หวู่โป๋หย่วนรู้ความลับข้างในเข้า ทั้งนางและหอเยียนหลิวก็จะต้องพินาศไปด้วยกัน

แวบเดียวกับที่หวู่โป๋หย่วนผลักประตู แม่เล้าก็สะบัดมือ ทำให้ผงสีขาวฟุ้งมาทางหวู่โป๋หย่วน

หลังจากที่หวู่โป๋หล่วนสูบเข้าไปเฮือกหนึ่ง สีหน้าของเขาก็มืดลงเล็กน้อย เขารีบกลั้นหายใจ หันตัวแล้วก็เอื้อมมือออกไปบีบคอแม่เล้าไว้

แม่เล้าตะโกนขึ้น " ช่วยด้วย"

ชายฉกรรจ์หลายคนกระโจนออกมาจากห้องข้างๆ แล้วก็ล้อมรอบหวู่โป๋หย่วนอย่างรวดเร็ว

เมื่อหวู่โป๋หย่วนเห็นฉากนี้ เขาก็เข้าใจทันทีว่าตัวเองได้แตะต้องข้อห้ามของหอเยียนหลิวเข้าแล้ว

และผู้หญิงข้างในคงไม่ใช่คุณหนูตระกูลธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนั้น แม่เล้าคงไม่ประหม่าขนาดนี้

ควันที่เขาสูบไปเมื่อครู่ทำให้ร่างกายเขารู้สึกชาเล็กน้อย

เขาหัวเราะด้วยความเย็นชา "ดูเหมือนว่าหอเยียนหลิวแห่งนี้จะซ่อนผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาไว้จริงๆ วันนี้คุณชายอย่างข้าขอสร้างความยุติธรรมแทนสวรรค์ละกัน "

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ยกเท้าขึ้น และเตะไปที่ประตู ขณะเดียวกัน เขาก็โยนแม่เล้าที่อยู่ในมือของเขาออกไปด้วย

แม่เล้ากรีดร้องคำหนึ่งแล้วก็ชนเข้ากับชายฉกรรจ์ข้างๆ

ชายฉกรรจ์รับนางไว้แล้วทั้งสองก็ล้มลงไปกับพื้น

และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ หวู่โป๋หย่วนก็ได้กระโจนเข้าไปในห้อง

บนเตียงนั้นมีชายสูงวัยนอนทับอยู่บนตัวหญิงสาวที่มีผิวพรรณผ่องใส

มือของผู้หญิงคนนั้นถูกมัดไว้กับหัวเตียง เสื้อผ้าของเธอถูกถอดออก และมีเสื้อผ้าบางๆ เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่คลุมส่วนสำคัญไว้

ในเวลานี้ ชายที่ทับบนตัวหญิงนั้นไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก ยังคงถอดกางเกงของผู้หญิงต่อไป การเคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างหยาบและร้อนรน

เมื่อหวู่โป๋หย่วนมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านางคือลูกคนที่สิบของจักรพรรดิ องค์หญิงสิบ

"องค์หญิง "

"ผัวะ!"

หลังคอของหวู่โป๋หย่วนถูกไม้ตีอย่างแรง

หวู่โป๋หย่วนทำตาโพลง แล้วก็หันกลับไปอย่างช้าๆ และสิ่งที่เห็นก็คือไม้อีกอัน

ก่อนที่เข้าจะดึงสติกลับมานั้นก็ยกมือขึ้นจับไม้กระบองที่แม่เล้าฟาดมาแล้วก็ออกแรงแย่งไม้มา หันหลังไปพร้อมกับยกไม้กระบองขึ้น แล้วก็ฟาดลงไปบนหัวของชายแก่ที่อยู่ข้างหลวนอี๋

ชายแก่ตกลงมาจากเตียง ล้มลงกับพื้นและกระตุกสองสามครั้งแล้วก็หยุดนิ่งไป

แม่เล้าทำหน้าเคร่งขรึม " วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะปล่อยให้เขาหนีออกไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าไม่อย่างนั้นหอเยียนหลิวของเราจะต้องถูกตัดหัว ถ้าใครฆ่าเขาได้ ข้าจะนอนกับเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน"

เมื่อชายฉกรรจ์ได้ยินอย่างนั้น ท้องของพวกเขาก็รู้สึกร้อน และดวงตาของพวกเขาก็จ้องมองไปที่หน้าอกของแม่เล้า

คนที่เคยนอนกับนางต่างก็รู้ว่าแม่เล้านั้นแก่เรื่องบนเตียงเป็นอย่างมาก ชายที่ทำงานในหอเยียนหลิวนั้นไม่ว่าจะเป็นคนที่มีอายุหรือเป็นหนุ่มที่ยังโสดต่างก็ต้องการมีประสบการณ์กับนางทั้งนั้น

ในเวลานี้ ก็มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งชักมีดออกมาจากข้างหลังแล้วก็ฟันไปยังหวู่โป๋หย่วน

หวู่โป๋หย่วนนั้นหลบไปหลายครั้ง และท่าทางของเขาก็เหมือนจะใช้พลังมากด้วย

หลวนอี๋มองเขาด้วยความเป็นห่วง

หวู่โป๋หย่วนยิ้มเอ่ย " เจ้าวางใจเถิด ข้าจะพาเจ้าออกจากที่นี่แน่นอน"

หลวนอี๋ร้องไห้ น้ำตาไหลอย่างควบคุมไม่ได้

หัวของเขามีเลือดออก และเขากำลังฝืนตัวเอง แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็จะไม่มีใครหนีไปได้ทั้งนั้น

แต่ปากของเธอกลับถูกอุดไว้ ทำให้นางไม่รู้ว่าจะบอกเขาให้เข้าวังตามคนมาช่วยได้อย่างไร

อีกอย่าง นางยังต้องบอกเขาด้วยว่าห้ามไปขอคนเฝ้าประตูวังไปรายงานเด็ดขาด และเขาต้องไม่ให้คนเฝ้าประตูเห็นความผิดปกติด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็จะเข้าวังไม่ได้

ในขณะที่หลวนอี๋กำลังคิดเรื่องเหล่านี้นั้น หวู่โป๋หย่วนกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น...

เมื่อหวณู่โป๋หย่วนถูกเตะล้มนั้น นางก็ไม่มีเวลาครุ่นคิด จึงหยิบเก้าอี้อย่างไม่รู้สึกตัวแล้วก็โยนออกไปทางชายฉกรรจ์เหล่านั้น

"ออกไป พวกเจ้าออกไปให้หมด"

“หลวนอี๋ รีบไปซะ” หวู่โป๋หย่วนนั้นไม่กล้าล้ม แม้ว่าตอนนี้เขาจะเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ หรือแม้ว่าเขาจะเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาก็จะไม่ยอมให้เทพธิดาในดวงใจเขาแปดเปื้อนเด็ดขาด

เขาถอดเสื้อคลุมข้างนอกออกแล้วก็คลุมให้หลวนอี๋

และพวกชายฉกรรจ์ก็ได้ล้อมรอบพวกเขาได้รอบด้าน

หลวนอี๋รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางจะหนีออกไปได้แล้ว นางกอดแขนของหวู่โป๋หย่วนไว้แน่น เอ่ยด้วยเสียงร้องไห้ " พวกเราหนีไม่ได้แล้ว เราสองคนออกไปไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าไม่รู้ เจ้าไม่รู้อะไรเลย"

นางถูกจับตัวมาจากในวัง และนางก็รู้ความลับของพวกเขาด้วย คนพวกนั้นต่างก็เชื่อว่านางต้องตาย ถึงได้กล้านำนางมายังที่แห่งนี้

และหวู่โป๋หย่วนเป็นคนที่พบว่านางอยู่ในนี้

นางเป็นคนทำให้เขาต้องตกระกำลำบากด้วย

แม่เล้าจับเอวแล้วเดินเข้ามาจากนอกวงล้อม นางพูดด้วยสีหน้าที่ได้ใจ " เฮอ ยังคิดจะหนีอีกหรือ คุณชายหวู่เป็นคนที่ไม่ชอบไม้อ่อน อยากจะกินไม้แข็งหรือ ทีแรกข้าได้เตรียมนางโลมใหม่ๆ ให้เจ้าเสพสุขโดยไม่ต้องจ่ายราคา แต่เจ้ากลับต้องการจะไปดูขุนรก วันนี้เจ้าตายที่นี่ ถือว่าตายอย่างคุ้มค่าแล้ว"

หวู่โป๋หย่วนโซเซไปมา บนริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและเอ่ยอย่างเย็นชา "มันคุ้มค่าจริงๆ เพราะมีองค์หญิงเป็นเพื่อนด้วย และบอกกับ..."

เขาขยับดังสายฟ้าแลบ ดึงแขนของแม่เล้าไว้แล้วก็กระชากถอยหลังอย่างแรง

ได้ยินเสียง "แกร็ก"

แม่เล้ากรีดร้อง "อ้า..."

เมื่อพวกชายฉกรรจ์รู้สึกตัวนั้น หวู่โป๋หย่วนได้หยิบปิ่นปักผมของหลวนอี๋แล้วก็จี้ไปยังคอที่มีเส้นชีพจรของแม่เล้า

นัยน์ตาของพวกชายฉกรรจ์สั่นไหวพร้อมตะลึงงัน

พวกเขาเห็นว่าหวู่โป๋หย่วนนั้นบาดเจ็บทั่วร่างและดวงตาของเขาฟุ้งซ่าน และถูกพวกเขาล้อมไว้รอบด้าน พวกเขามั่นใจว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้อีก จึงลดความระวัง

คิดไม่ถึงเลยว่า เพียงชั่วพริบตาเขาก็ได้สร้างโอกาสให้กับตัวเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น