ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 769

แต่ไป๋ชิงหลิงไม่รู้ว่าบทสนทนาของนางกับไป๋ชงเซิงนั้นถูกชายที่นั่งอยู่บนหลังคาได้ยินหมดเปลือก

เวลานี้ มีเงาอีกร่างหนึ่งบินขึ้นไปบนหลังคาจากด้านหลัง เดินไปหาชายคนนั้นเบา ๆ แล้วนั่งลงข้างชายคนนั้น ตบไหล่ชายคนนั้นแล้วเอ่ย "พี่เจ็ด"

หรงเยี่ยหันหน้าไปอย่างแรง เหลือบมองหรงเฉิน และไม่ได้เอ่ยอะไร

หรงเฉินเอ่ย "ทำไมพี่ถึงได้ขึ้นไปยังบนหลังคาของพี่สะใภ้เจ็ดล่ะ"

อิงซาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดพูดในใจว่า นั่นมันก็เป็นการก่อเรื่องขึ้นเองไม่ใช่หรือ ทั้งที่ในใจนั้นคิดถึงนายหญิงไป๋จนแทบขาดใจ แต่ก็ทำปากแข็งไปทะเลาะกับนาง

หรงเยี่ยเอ่ยตอบอย่างเย็นชา " ยุ่งไม่เข้าเรื่อง"

" ตอนที่ข้าไปหาท่านพี่ที่ตำหนักเจาหยางก็ไม่พบท่าน จึงรวดจะมาเยี่ยมพี่สะใภ้เจ็ดด้วย ท่านพี่จะลงไปดูด้วยไหม" หรงเฉินมองจากไกลก็เห็น หรงเยี่ยบินผ่านชายคาและข้ามกำแพง แล้วก็นั่งลงบนหลังคาจวนที่ไป๋ชิงหลิงอยู่ เขาจึงบินขึ้นมาทักทาย

หรงเยี่ยไม่ได้หันหน้ามามองเขา พร้อมกับนั่งนิ่งด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

เสื้อคลุมบนตัวของเขาปลิวสะบัดไปตามลม

แม้ว่าหรงเฉินจะไม่รู้ว่าหรงเยี่ยกำลังทะเลาะอะไรกับไป๋ชิงหลิง แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าหรงเยี่ยกำลังหดหู่และหงุดหงิด

เวลานี้ เสียงของไป๋ชิงหลิงดังมาจากห้อง: " ลี่ว์อี พาองค์หญิงออกไป"

"เพค่ะ" หลังจากที่ลี่ว์อีพาไป๋ชงเซิงออกจากห้อง ไป๋ชิงหลิงก็เรียกแม่นมหยางและแม่นมจ้านเข้ามา

“เรียกคนในศาลาชิงหลิงเข้ามาให้หมด ข้าต้องการทำความรู้จักกับคนทุกคน”

หลังจากที่หรงเฉินได้ยินคำพูดของไป๋ชิงหลิง เขาก็ก้มลงทันทีและค่อยๆ แกะกระเบื้องออกแผ่นหนึ่ง

แต่ก่อนที่มือของเขาจะหยิบกระเบื้องออกนั้นก็ถูกหรงเยี่ยห้ามไว้

หรงเฉินเงยหน้าขึ้นมองเขาและยิ้มอย่างเคอะเขิน "ข้าก็แค่...รู้สึกสงสัยเท่านั้น ร่างกายของพี่สะใภ้เจ็ดไม่สู้ดีนัก แทนที่จะพักผ่อนแต่กลับเรียกคนในศาลาชิงหลิงมาทำความรู้จัก มันจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่หรือ”

“หยุดความอยากรู้ของเจ้าซะ” หรงเยี่ยใช้แรงเล็กน้อยเพื่อดึงหรงเฉินกลับไปยังจุดที่เขานั่งอยู่ โดยไม่ปล่อยให้เขาวู่วามบนหลังคาของไป๋ชิงหลิง

หรงเฉินแตะจมูกตัวเอง แล้วนั่งลงอย่างเชื่อฟัง

จากนั้น เขาก็เหลือบมองไปที่ขาของหรงเยี่ยพร้อมเอ่ยถาม "ขาของท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง"

“มันเสียการใช้งานไปแล้ว” เขาเอ่ยอย่างใจเย็น

สีหน้าหรงเฉินเปลี่ยนไป เอ่ย "ข้าได้ยินมาว่าพระชายาองค์รัชทายาทไม่ยอมให้ท่านหมอหลวงฮั่วและหมอหลวงจ้าวรักษาท่านพี่"

หรงเยี่ยไม่ได้พูดอะไร

หรงเฉินเอ่ยต่อ แต่โชคดีที่พี่สะใภ้เจ็ดรู้ว่าท่านกลับวังก่อน ทำให้ขาของท่านพี่ได้รับการรักษาอย่างดี แท้จริงแล้ว...ตำหนักตงนั้นขาดพี่สะใภ้เจ็ดไม่ได้จริงๆ ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเสด็จพ่อต้องเลือกหญิงอื่นมาเป็นพระชายาองค์รัชทายาท พระองค์ไม่เห็นถึงการทุ่มเทของพี่สะใภ้เจ็ดที่มีต่อท่านพี่หรือ"

ความทุ่มเท

หรงเยี่ยหรี่ตาลง และไฟที่อธิบายไม่ได้ก็พุ่งเข้าสู่หัวใจของเขา ลมเย็นที่พัดมานี้ให้ความรู้สึกอบอ้าวจริงๆ

นางได้ทุ่มเทไปมากจริงๆ ทุ่มเทจนกระทั่งเตียงมังกรของหยางสวี่อี้ก็ไม่เว้น

ทุกครั้งที่หรงเยี่ยคิดถึงเรื่องนี้ก็จะรู้สึกว่าเขาผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ เขาสามารถทนต่อความเอาแต่ใจของไป๋ชิงหลิงได้ เว้นแต่เรื่องนี้...ทุกครั้งที่หลับตาลงในเวลานอน ความฝันของเขาก็จะปรากฏภาพที่นางนอนบนเตียงของหยางสวี่อี้ ทั้งสองจ้องมองกันด้วยความโหยหาแล้วก็ภาพปล้ำกันบนเตียง

เขาแทบจะอยากฉีกนางที่อยู่ในฝันให้เป็นชิ้นๆ

เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา "หุบปาก"

รำคาญจริงๆ

เมื่อหรงเฉินได้ยินดังนั้น เขาก็เม้มริมฝีปากและไม่กล้าเอ่ยถามอีก

ขณะนี้ เสียงของไป่ชิงหลิงดังมาจากด้านล่างอีกครั้ง " มีคนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และทั้งหมดยังเป็น...หญิงงามที่สัดส่วนร่างกายสวยกว่าคนปกติ"

คนสองคนบนหลังคามองลงไปยังลานบ้านตามๆ กัน

"หานเซียง" ชื่อนี้ทำให้ไป่ชิงหลิงนึกถึงละครโทรทัศน์ที่องค์หญิงหานเซียงสามารถเรียกผีเสื้อได้

“เจ้าสามารถเรียกผีเสื้อได้หรือ” ไป๋ชิงหลิงยิ้มทักทายนางกลับ แล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

นางกำนัลที่ชื่อหานเซียงตกตะลึงเล็กน้อย

เรียกผีเสื้ออะไรกัน

ฤดูหนาวยาวนานขนาดนี้จะมีผีเสื้อได้อย่างไร แม้ดอกไม้ก็ยังไม่บานเลย

“ข้าน้อยไม่เข้าใจสิ่งที่เหนียงเหนียงต้องการจะกล่าว ขอไป๋เหนียงเหนียงชี้แนะด้วยเพคะ” หานเซียนก้มหน้าแล้วก็เผยให้เห็นท่าทางที่มึนงง

ไป๋ชิงหลิงพับแขนเสื้อขึ้น เหมือนจะเล่นด้วย แต่สายตาของนางกลับจ้องมองไปที่เสื้อผ้าของหานเซียง

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว แต่หานเซียงกลับสวมเสื้อผ้าที่มองทะลุเห็นหน้าอก เสื้อวังของนางเหมือนจะถูกตัดแต่ง และปกคอรู้ตัววีนั้นเผยให้เห็นเนื้อตัวข้างในเล็กน้อย

“อยากเป็นคู่นอนขององค์รัชทายาทหรือ” รอยยิ้มของไป๋ชิงหลิงเผยออกมามากขึ้น

หานเซียงได้ยินคำพูดนี้ ทำให้เกิดอารมณ์เร่าร้อนตามไปด้วย "หม่อมฉันจะปรนนิบัติองค์รัชทายาทเป็นอย่างดีเพคะ"

"ดี "

ทันใดนั้นสีหน้าของชายบนหลังคาก็มืดดำไป พร้อมกับกำหมัดทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

หรงเฉินกระตุกมุมปากของเขา เลือกไม่ถูกว่าจะนั่งหรือเดินจากไปดี...

เสียงของไป๋ชิงหลิงดังขึ้นอีกครั้ง "ก่อนที่จะไปตำหนักของท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง"

หานเซียงพยักหน้า รู้สึกเหมือนนางกำลังจะกลายเป็นนกฟีนิกซ์ สายตาที่นางมองไป๋ชิงหลิงนั้นก็มีความเป็นมิตรมากกว่าเดิม "เหนียงเหนียงว่ามาเถิด "

“กาลครั้งหนึ่ง มีองค์หญิงของเผ่าหุยชื่อหานเซียง ร่างกายของนางส่งกลิ่นหอมออกมาแต่กำเนิดเมื่อใดก็ตามที่นางเต้นรำอย่างสง่าผ่าเผย กลิ่นหอมนั้นจะดึงดูดผีเสื้อมาเป็นฝูง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น