"ชนเผ่าหุยนั้นถือว่าองค์หญิงหานเซียงเป็นเทพธิดา จึงได้กักขังเธอไว้ในกรงทองคำ แล้วก็ได้รับการสักการบูชาจากคนในชนเผ่า ทำให้หานเซียนนั้นมีแต่ผีเสื้อที่คอยเป็นเพื่อน เมื่อเวลาผ่านไป หานเซียงก็สูญเสียความสุขของนางไป "
"วันหนึ่ง องค์ชายแห่งอาณาจักรใหญ่ได้เดินผ่านไป และทั้งสองก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น องค์ชายแห่งเมืองนั้นได้สู่ขอองค์หญิงหานเซียงจากอ๋องชนเผ่าฮุย"
"อ๋องแห่งเผ่าหุยได้บอกกับองค์ชายคนนั้นว่า หานเซียงนั้นเป็นเทพธิดาที่เทพเจ้าส่งมาจุติ ถ้าหากจะแต่งกับนางก็ต้องได้รับอนุญาตจากเทพเจ้า องค์หญิงหานเซียงถึงจะออกจากกรงทองคำได้"
"ดังนั้น หานเซียงจึงเต้นรำในกรงทองทั้งกลางวันและกลางคืน แม้ว่าขาของเธอจะถูกข่วนจนหนังถลอกและมีเลือดออก แต่หานเซียงก็ยังคงไม่หยุด นางทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และเลือดในตัวขององค์หญิงหานเซียงนั้นยิ่งดึงดูดฝูงผีเสื้อมาตอมมากขึ้นไปอีก"
"การกระทำของนางทำให้เทพเจ้าใจอ่อน เทพเจ้าจึงใช้ผีเสื้อพุ่งชนกรงทองคำจนเปิดออก เพื่อทำให้นางได้ครองรักกับองค์ชาย..."
ทุกคนดื่มด่ำกับการฟังนิทานที่ไป๋ชิงหลิงเล่า ทำให้แม้นางจะเล่าจบ ในจวนก็ยังคงเงียบกริบ
ไป๋ชิงหลิงหันไปหาหานเซียงแล้วเอ่ยถามกลับไป " เจ้าชอบนิทานเรื่องนี้หรือไม่"
จู่ๆ หานเซียงก็เหมือนฉลาดขึ้นมา พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว แล้วเอ่ย "หม่อมฉันชื่นชอบในความมุ่งมั่นขององค์หญิงหานเซียงมาก เหนียงเหนียงวางใจเถิด หม่อมฉันจะไม่ทำให้เหนียงเหนียงผิดหวัง จะต้องปรนนิบัติองค์รัชทายาทอย่างดีเพคะ"
"ไม่ " ไป๋ชิงหลิงยืนขึ้นช้าๆ และยืนอยู่ใต้ชายคา เอ่ย"เจ้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าต้องการสื่อ"
หานเซียงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
"องค์รัชทายาททรงปฏิเสธที่จะแต่งงานกับหญิงอื่นหรือรับนางสนมมาโดยตลอด จะให้ข้าส่งเจ้าไปตำหนักเจาหยางนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด"ไป๋ชิงหลิงเลิกคิ้ว
สีหน้าของชายบนหลังคายิ่งดูเคร่งขรึมกว่าเดิม
ผู้หญิงเลวๆ คนนี้...
หานเซียงตอบด้วยความงุนงง "เหนียงเหนียงต้องการจะ..."
ไป๋ชิงหลิงเดินไปหานางแล้ววางมือบนไหล่ของนางเอ่ย "ถ้าหากเจ้าไปเต้นรำที่ตำหนักเจาหยางแล้วสามารถดึงดูดผีเสื้อนับพันได้ มันจะพิสูจน์ว่าคนที่เทพเจ้าได้เลือกไว้ เมื่อนั้นข้าจะไปขอฝ่าบาทให้ออกราชโองการ แต่งตั้งให้เจ้าเป็นพระชายาองค์รัชทายาทเลย"
หานเซียงฟังเข้าใจแล้วว่า ไป่ชิงหลิงต้องการให้นางดึงดูดผีเสื้อในสภาพหนาวเหน็บแบบนี้จริงๆ
นางตกใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้น แล้วพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว "เหนียงเหนียง หม่อมฉัน...หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ขอเหนียงเหนียงๆ ลงโทษด้วยเถิด ทำไมต้องล้อเล่นกับหม่อมฉันด้วย ถ้าหากไม่ต้องการให้หม่อมฉันอุ่นเตียงให้องค์รัชทายาท เหนียงเหนียง...ก็ไม่เห็นต้องทำเป็นใจดีเลย"
“ไอ้หญิงสวะ กล้าดียังไงใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเหนียงเหนียง เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงได้มีสิทธิ์ปีนขึ้นไปบนเตียงขององค์รัชทายาท” แม่นมจ้านพุ่งเข้าไปแล้วก็จับผมของหานเซียงไว้ ตบหน้านางลงไปทีหนึ่ง
ใบหน้าขาวราวหิมะของหานเซียงเกิดมีรอยตบสีแดงบวมขึ้นมาทันที
นางกำนัลที่ต่อแถวกันอยู่ข้างหลังก็รู้สึกเจ็บแทน
พวกนางได้ลบความคิดบ้าๆ ก่อนหน้านี้ทันที แล้วก็คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความกลัว
นัยน์ตาของไป่ชิงหลิงกวาดมองเหล่านางกำนัลอีกรอบ แล้วก็กลับไปยังที่นั่งนุ่ม ๆ แล้วนั่งลง
รอยยิ้มบนใบหน้าของนางจางหายไปนานแล้ว และนัยน์ตานั้นสาดแสงที่แหลมคมออกมา "คนที่ทรยศนายหญิงและล่อลวงองค์รัชทายาท ต้องส่งไปที่ไหนหรือ"
แม่นมหยางที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอบอย่างเคร่งขรึม " เรียนเหนียงเหนียง ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากนายหญิง นางกำนัลถูกห้ามไม่ให้ขึ้นเตียงมังกร ถ้าหากพบว่านางกำนัลมีใจเป็นสอง นายหญิงสามารถส่งนางไปเป็นนางบำเรอในกองทัพได้"
นางบำเรอ...ในกองทัพ
ใบหน้าของหานเซียงซีดจางไปเหมือนผี
นั่นคือสถานที่มีคนตายตลอด
ได้ยินมาว่าผู้ชายในค่ายทหารนั้น ต้องประจำการเป็นเวลานานมากและยังมีพวกที่ถึงวัยต้องสร้างครอบครัวแต่ยังโสดบวกกับพวกที่มีครอบครัวแต่ก็กลับไม่ได้
ชายพวกนี้ระบายความอัดอั้นทั้งหมดบนนางบำเรอโดยไม่สนใจว่าจะหนักหรือเบา และไม่สนใจว่าหญิงเหล่านั้นจะทนได้หรือไม่
มีหญิงหลายคนที่มีร่างกายบอบบางที่ต้องตายนั้นก็นับไม่ถ้วน
มันเป็นสถานที่ฝันร้ายสำหรับพวกนางกำนัล
" เหนียงเหนียง เหนียงเหนียงหม่อมฉัน...หม่อมฉันมิกล้าเพค่ะ"
ความหมายก็คือ ใต้เท้าจินเป็นคนส่งข่าวให้พระชายาองค์รัชทายาท
เพื่อโต้ตอบนางสนมไป๋ พระชายาองค์รัชทายาทได้ติดสินบนนางกำนัลในวังเพื่อให้พวกนาง แพร่งพรายข่าวปลอมใส่ร้ายสนมไป๋
ใบหน้าของอวิ๋นหยินซีดลง และนางก็แอบใช้มือกำเสื้อผ้าของนางไว้
เธอแอบสังเกตจินจื่อเสวียน ก็เพราะว่า...
"อวิ๋นหยิน" ไป๋ชิงหลิงจำชื่ออวิ๋นหยินชื่อนี้ได้ทันที
นางและอวิ๋นเซียง อวิ๋นเยว่ต่างก็เป็นนางกำนัลที่เป็นหัวหน้าของตระกูล "อวิ๋น" ดังนั้นต้องเป็นพวกนางส่งนางเข้ามาแน่นอน
และยังเป็นคนที่องค์รัชทายาทเลือกมาด้วยตัวเองด้วย
“มานี่สิ” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
ไป๋ชิงหลิงลดสายตาลงและจ้องมองที่อวิ๋นหยิน "เจ้ารู้จักอวิ๋นเซียงหรือไม่"
“เรียนพระสนมไป๋ อวิ๋นเซียงนั้นเป็นพี่สาวของหม่อมฉันเพค่ะ” อวิ๋นหยินตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
"ใครเป็นคนส่งเจ้ามายังศาลาชิงหลิง"
"เป็น...เป็นองค์รัชทายาทเพค่ะ" อวิ๋นหยินเกรงตัวและตอบอย่างตรงไปตรงมา " หม่อมฉันไม่ได้ทรยศเจ้านายจริงๆ หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนแพร่างพรายข่าวลือเพค่ะ"
ตั้งที่ที่อี้หรานได้เข้ามายังศาลาชิงหลิงนั้น อวิ๋นหยินก็ไม่ชอบขี้หน้าและสิ่งที่นางทำแล้ว ลับหลังนายหญิง นางมักจะแอบใช้นางกำนัลคนอื่นๆ ยกน้ำชาและน้ำซักผ้าให้นาง มีเพียงตอนที่องค์รัชทายาทมาเท่านั้นนางถึงจะแกล้งทำเป็นกวาดพื้น
นางเป็นคนพวกเดียวกับหานเซียง อวิ๋นหยินนั้นไม่อยากให้คนชั่วแบบนี้อยู่ในศาลาชิงหลิง ถึงได้ตัดสินใจฟ้องนาง แต่นางนั้นคิดตื้นเกินไป เลยถูกอี้หรานฟ้องกลับ...
เมื่อนางคิดว่าจุดจบของนางจะต้องจบอย่างน่าเศร้านั้น เสียงอ่อนโยนของไป๋ชิงหลิงก็ดังขึ้น " ลุกขึ้นเถิด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...