“ขันทีว่าน สีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย” ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองขึ้นไปบนบันไดแล้วถามว่า “หรือว่าองค์รัชาทยาทรงทำให้จักรพรรดิโกรธอีกแล้ว?”
ว่านฝู๋ปัดมือเบา ๆ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อเย็น ที่เกิดจากความหวาดกลัวของจักรพรรดิเหยา ก้มตัวลงและโค้งหลังแล้วกระซิบว่า: "พระสนมไป๋ท่านไม่รู้จริงๆ หรือว่าองค์รัชทายาทำอะไรในตำหนักเจาหยาง"
เวลาสามวัน ถ้าพระสนมไป๋มาส่งอาหารยาทุกวัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทรงดื่มในตำหนักทั้งวัน เว้นแต่...
“เสด็จพ่อของข้าทำอะไรในตำหนักเจาหยางของท่าน?” เมื่อเห็นว่าเขาลังเลที่จะพูด ไป๋ชงเซิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถาม
ว่านฝู๋พูดว่า "โอ้" แล้วเดินไปหาไป๋ชิงหลิงอย่างรวดเร็ว และกระซิบข้างหูของไป๋ชิงหลิง: "องค์รัชทายาและอ๋องเฉินทรงโปรดปรานนางกำนัลทั้งห้าในตำหนักเจาหยางทุกวัน!"
มีเพียงไป๋ชิงหลิงเท่านั้นที่ได้ยินเสียงนี้ ไป๋ชงเซิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาเข้าใกล้และกระซิบกับเสด็จแม่ของเธอ ดังนั้นเธอจึงปล่อยมือของ ไป๋ชิงหลิง และวิ่งไปยังตำหนักเจาหยางอย่างรวดเร็ว
เมื่อว่านฝู๋เห็นแล้ว เขาก็กังวลมากและพูดว่า "พระสนม ในขณะนี้ตำหนักเจาหยางนั้นวุ่นวายกันมาก มันไม่เหมาะที่องค์หญิงน้อยจะเข้าไปในเวลานี้"
ใบหน้าของไป๋ชิงหลิงมืดลง และเธอก็พูดว่า " เร็วเข้า หยุดองค์หญิงน้อยเอาไว้"
หลังจากนั้นไม่นาน นางกำนัลหลายคนก็หยุดไป๋ชงเซิง และอาลู่ก็เดินไปจับมือของไป๋ชงเซิงแล้วเดินกลับ
ไป๋ชงเซิงพูดอย่างไม่พอใจว่า: "ท่านแม่ ทำไมท่านถึงหยุดข้า ข้าอยากเข้าไปพบเสด็จพ่อ"
“วันนี้ให้แม่นซั่งไปสำนักกับเจ้า ท่านแม่จะเข้าไปพบเสด็จพ่อของเจ้าเอง รอเจ้าเลิกจากสำนักแล้วค่อยมาทักทายท่านก็ไม่สาย”
“มีอะไรเกิดขึ้นกับเสด็จพ่อหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงกระซิบกับท่านเมื่อกี้?” ไป๋ชงเซิงชี้ไปที่ว่านฝู๋แล้วพูด
ว่านฝู๋ก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองไป๋ชงเซิง
ด้านในนั้นมันวุ่นวายเกินไป จะให้เด็กเข้าไปดูได้ยังไง ถ้ามันส่งผลเสียทางจิตแก่องค์หญิง มันก็บาปละสิ?
“รอเจ้ากลับจากสำนัก เสด็จแม่จะเล่าเรื่องของเสด็จพ่อให้ฟัง แม่นมซั่งพาเธอลงไป”
ไป๋ชงเซิงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "ข้าเดินเองได้"
เธอหันหลังกลับและออกจากตำหนักเจาหยาง
ไป๋ชิงหลิง มองกลับไปที่ร่างเธอที่จากไปจนกระทั่ง ไป๋ชงเซิง หายตัวไปสุดทางเดินใตำหนักเธอจึงจะเข้าไปในตำหนักเจาหยางพร้อมกับว่านฝู๋
ในเวลานี้ ใต้เท้าและจักรพรรดิเหยาทั้งหมดอยู่ในตำหนัก
จักรพรรดิเหยาโกรธมากจนไม่สามารถนั่งนิ่งได้ และเดินไปอยู่ในตำหนัก
ไป๋ชิงหลิงค่อยๆ เดินเข้าไปและคำนับจักรพรรดิเหยา
และจากหางตาของเธอ เธอเหลือบมองร่างของนางกำนัลที่นอนอยู่ข้างโต๊ะ
นางกำนัลสวมเสื้อผ้าเพียงชิ้นบางๆซึ่งแทบมีไว้คลุมตำแหน่งสำคัญได้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ชุดที่นางกำนัลที่เสียชีวิตไปแล้วใส่อยู่ก็ยังคงดูเผยให้เห็น
เมื่อเธอโค้งคำนับจักรพรรดิเหยา ใต้เท้าที่อยู่ข้างๆ เธอก็กล่าวหาเธอว่า: "นางสนมไป๋ ทำไมท่านไม่ดูแลองค์รัชทายาดีๆ"
“แม้ว่าจะเป็นนางกำนัลที่ได้รับโปรดปราน ก็ควรดูขอบเขต จะให้องค์รัชทายามาโปรดปรานหญิงสาวทุกวันแบบนี้ได้อย่างไร”
“ในฐานนะนายหญิงของตำหนักตง ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการให้คำแนะนำองค์ขรัชทายา”
ข้อกล่าวหาอย่างท่วมท้นมุ่งเป้าไปที่เธอไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิง แอบเยาะเย้ย หากพวกเขารู้ว่าจักรพรรดิเหยานั้นเป็นคนที่ส่งนางกำนัลเหล่านี้ให้กับองค์ชายรัชชทายา พวกเขาก็ไม่กล้าพูดแบบนี้
“ไป๋เจาเสวี่ย ดูสิ่งที่เจ้าทำลงไปสิ” จักรพรรดิเหยาพูดด้วยความโกรธ
ในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิเหยายังคงรู้สึกเหมือนถูกวางกับดัก รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถอธิบายได้ เพราะตอนที่เขามาถึงตำหนักเจาหยาง หรงเยี่ยและอ๋องเฉินก็เมาพอดีแล้ว
หรงเยี่ยผู้ไม่เคยยอมให้ผู้หญิงอื่นแตะต้องนอกจากไป๋ชิงหลิง กลับถูกล้อมไปด้วยนางกำนัลสองคนและดื่มไวน์ที่พวกเธอมอบให้เขา
ยิ่งจักรพรรดิเหยาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น
“องค์รัชทายาไม่ให้เจ้าเข้ามา เจ้าก็ไม่คิดจะเข้ามาดูบ้างหรือ” จักรพรรดิเหยาเอาผิดเธอต่อ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ต้องการที่จะเอาผิดเธอและให้เธอรับผิดทั้งหมด
“บ่าวไม่กล้า” ไป๋ชิงหลิงตอบอย่างเสียใจอีกครั้ง: “องคฺรัชทายาทรงวางตัวอย่างและรักษาวินัยในตนเองอย่างเคร่งครัด บ่าวไม่เคยคิดเลยว่าการส่งนางกำนัลทั้งห้ามานั้นจะเปลี่ยนอารมณ์ขององค์รัชทายา ยิ่งกว่านั้นทรงกำลังตรวจอ่านพับอยู่ บ่าวคงจะเข้าไปพูดสั่งสอนองค์รีชทายาในขณะที่ทรงงานอยู่ ให้องค์รีชทายาอย่าไปโปรดปรานนางกำนัลพวกนี้”
คำพูดไม่กี่คำ ก็ทำให้แผนของจักรรดิเหยาล้มเหลวอีกครั้ง
เพราะว่าคำพูดของไป๋ชิงหลิงจะฟังยังไงแล้วก็ทำให้คนอื่นจับผิดไม่ได้สักนิด
“ใครเป็นคจัดเตรียมนางกำนัลของศาลาชิงหลิงเข้ามา ทำไมถึงได้มีการแต่งตัวที่ไม่มีกาลเทศะเช่นนี้?” ในเวลานี้ ใต้เท้าผมขาวท่ามกลางกลุ่มใต้เท้าพูดอย่างเฉียบแหลม
เมื่อจักรพรรดิเหยาได้ยินเช่นนี้ เขาก็เหงื่อออกทันที
แน่นอนว่าเขาเป็นคนจัดเตรียมนางกำนัลจากศาลาขิงหลิง เข้ามาเอง ก็เพราะว่าเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องทายาทขององค์รัชทายาทด้วย ตอนที่เป็นอ๋องเขาสามารถเมินเฉยและปล่อยให้เขาโปรดปรานพระชายาหรงเพียงผู้เดียวได้
หรงจิ่งหลินไม่รู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนเขาไม่สามารถฝากความหวังที่จะสืบทอดบัลลังก์ไว้กับเด็กที่ป่วยได้
เมื่อจักรพรรดิเหยารู้สึกว่าเรื่องยากที่ดำเนินการต่อ ฮองเฮงเต๋อก็มาถึง
ทันทีที่ฮองเฮาเต๋อเข้ามาในตำหนักเจาหยาง เธอก็รับโทษตัวเองทั้งหมดว่า: "ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินมานางกำนัลที่ถูกส่งมาจากศาลาชิงหลิงเมื่อไม่กี่วันก่อเรื่อง และก่อให้ความวุ่นวายให้กับฝ่าบาทและใต้เท้าทั้งหบาย หม่อนฉันจึงรีบเข้ามา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...