ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 802

หมอหลวงหันหน้าเหลือบมององค์ชายน้อยที่นอนอยู่บนเตียง เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา " เออ คงต้องรอให้องค์ชายน้อยฟื้นก่อน แล้วถึงจะตรวจสอบสภาพจิตใจขององค์ชายอย่างละเอียดอีกรอบพ่ะย่ะค่ะ"

เหอเฟยได้ยินคำพูดนี้ในใจก็เกิดความไม่พอใจต่อหมอหลวงทันที สีหน้านางมืดดำไปชั่วขณะ เค้นเสียงเอ่ย " อะไรคือต้องรอให้องค์ชายน้อยฟื้นก่อนถึงจะรู้"

หมอหลวงคุกเข่าตามๆ กัน หนึ่งในนั้นเอ่ยตอบด้วยอาการสั่นกลัว " ทูลฝ่าบาท และเหอเฟยเหนียงเหนียง อาการขององค์ชายน้อยในตอนนี้ไม่คงที่ ถ้าหากต้องการรู้อาการแทรกซ้อนอย่างอื่นนั้น มันจำเป็นต้องรอให้องค์ชายน้อยฟื้นก่อนถึงจะตรวจสอบได้พ่ะย่ะค่ะ"

สีหน้าของจักรพรรดิเหยาตอนนี้บูดบึ้งมาก กำมือสองข้างแน่น แล้วก็จ้องมององค์ชายน้อยที่นอนอยู่บนเตียง แล้วก็ยิ่งทวีความไม่พอใจที่มีต่ออ๋องเฉิน

ขณะนี้ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอื้นของเหอเฟย " ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับรุ่ยเอ๋อร์ ข้าจะไปสู้หน้าอ๋องหราวและชายาได้อย่างไร ก่อนจะมานั้นข้าคิดได้เพียงว่า รุ่ยเอ๋อร์น้อยนั้นชอบให้เสด็จปู่ของเขาอุ้มเขา ไหนจะคิดได้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขนาดนี้"

สีหน้าของจักรพรรดิเหยาเปลี่ยนไปใหญ่

ต้นเหตุของทุกอย่างนั้นเขาเป็นคนก่อมันขึ้นมา

แต่คนที่เป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้ก็คืออ๋องเฉิน

ถ้าหากว่าอ๋องเฉินไม่ได้ทำให้ตัวเองโกรธมากขนาดนี้ เขาจะกลับมาระบายอารมณ์กับสิ่งของเหล่านี้ได้อย่างไร และหายนะนี้ก็ตกบนตัวทายาทของอ๋องหราว

เด็กคนนี้เพิ่งจะเปิดตาดูโลกได้เพียงเดือนเศษ ก็ต้องรับบาดเจ็บขนาดนี้ จักรพรรดิเหยานั้นทั้งรู้สึกโทษตัวเองแล้วก็ทวีความโกรธกับอ๋องเฉิน

โอรสทั้งสองที่เป็นที่รักของเขานั้นกลับเป็นเหมือนหนามที่ทิ่มแทงหัวใจเขา

และตอนนี้เหอเฟยร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้ เขาไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจนาง ด่าทอนาง แต่กลับอยากจะปลอบใจนาง แต่ก็ไม่รู้ทำอย่างไร จึงปล่อยให้นางร้องไห้อยู่อย่างนั้น

เวลานี้ มีเงาร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาจากนอกตำหนัก จักรพรรดิเหยายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้ยินเสียงร้องไห้อีกเสียงหนึ่งดังออกมา " รุ่ยเอ๋อร์"

" รุ่ยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป"

จักรพรรดิเหยาดึงสติกลับมา แล้วก็มองหน้าออกไปดูอ๋องหราวที่เดินเข้ามาทางประตูใหญ่ และเงาที่พาดผ่านเขาไปเมื่อครู่ก็คือ หวู่ซือหลิง

ตอนนี้นางกำลังพาดอยู่บนเตียงของเด็กแล้วก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องของนางได้กึกก้องไปทั่วท้องพระโรง และทุกคนที่ได้ยินต่างก็สะเทือนใจ

ชาวบ้านธรรมดานั้นเมื่อให้กำเนิดลูกชายก็จะมีการร่วมฉลองแสดงความยินดี และยิ่งกว่านั้นอีกตอนนี้เป็นถึงโอรสของราชวงศ์ คนเหล่านี้ต่างก็เพื่อแก่งแย่งชิงดีกันทั้งนั้น การที่ได้โอรสนั้นก็หมายความว่าพวกเขาเข้าใกล้เก้าอี้ตัวนั้นมากขึ้นแล้ว

ในตอนนี้ราชสำนักสั่นคลอน ไม่มีใครรับรองว่าองค์รัชทายาทแห่งตำหนักตงจะรักษาตำแหน่งได้ เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างก็มีจักรพรรดิที่ตนเองหมายปองไว้ และหลังจากที่อ๋องหราวได้ให้กำเนิดทายาทผู้สืบทอดนั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาก็คือคนที่พวกขุนนางต่างคาดหวังและเลือก

แต่นอนนี้องค์ชายน้อยกลายเป็นสภาพแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่

เมื่ออ๋องหราวเข้ามาในท้องพระโรงก็คุกเข่าต่อหน้าจักรพรรดิเหยา " กระหม่อมขอน้อมพระทัยฝ่าบาท"

" เจ้า..." จักรพรรดิเหยารู้สึกเหมือนมีหนามทิ่มหลอดคอไว้ เห็นลูกชายที่คุกเข่าตรงหน้า แต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี

เวลานี้ ชายาอ๋องหราวอุ้มเด็กแล้วก็คุกเข่าต่อหน้าเขาเหมือนกัน เอ่ยพร้อมน้ำตา " เสด็จพ่อ รุ่ยเอ๋อร์ได้ทำอะไรผิดต่อเสด็จพ่อหรือเพค่ะ ถ้าเสด็จพ่อจะลงโทษก็ขอให้ลงโทษหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันขอรับผิดทั้งหมดที่รุ่ยเอ๋อร์ทำต่อเสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อยกโทษรุ่ยเอ๋อร์ด้วย..."

พูดจบ ชายาอ๋องหราวก็โขกหัวอย่างแรงทีหนึ่ง

เมื่อเหยเฟยเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกผิดต่อชายาอ๋องหราวมากกว่าเดิม

นางกระโจนเข้ามาแล้วก็กอดร่างของชายาอ๋องหราวไว้ เอ่ย " พระชายาอ๋องหราว เป็นความผิดของข้าเอง"

หวู่ซือหลิงนั้นไม่ได้สนใจเหอเฟย

ตอนนี้ความโง่เขลาของเหอเฟยนั้นทำให้นางไม่มีอะไรจะพูด

ตอนนี้นางเกลียดเหอเฟยเข้ากระดูกดำ

ตอนนี้นางเสียใจ ที่ตอนที่เหอเฟยจะเอาลูกไปนั้นนางไม่มีความกล้าจะขัดขวางนาง

ถ้าไม่อย่างนั้น ลูกชายที่ได้มาด้วยความยากลำบากนั้นก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น