ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองข้ามผ่านเสิ่นโหรวเม่ยไป
และหัวเราะในความจงใจยั่วยุของเสิ่นโหรวเม่ย
ใช้ปากที่ไม่รู้จักพูดของนางก็สามารถทำให้ทั้งสองแตกแยกไม่ลงรอยกันได้
ฮองเฮาอู๋กลับไม่รู้ว่าตัวเองถูกตกเป็นเหยื่อของนางเข้าให้แล้ว
ไป๋ชิงหลิงเอามือกุมปิดปากเอาไว้และเก็บอั้นความเย้ยหยันนั้นไว้ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "หม่อมฉันคิดว่า ฮองเฮาที่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงส่งและควบคุมวังหลังแห่งนี้ได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถและฉลาดหลักแหลม อีกทั้งไม่อาจถูกโน้มน้าวได้ง่ายเพียงคำพูดไม่กี่คำที่คอยยุแหย่เพคะ"
ทันใดนั้นฮองเฮาอู๋ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เสิ่นโหรวเม่ยกลับหยุดชะงัก และขณะที่นางยังไม่ทันตั้งตัว ไป๋ชิงหลิงก็ได้จับมือของเสิ่นโหรวเม่ยและผลักนางออกไป
เสิ่นโหรวเม่ยอุทานออกมาแผ่วเบา
ฮองเฮาอู๋ก็ตกตะลึงกับการกระทำของนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ยกมือขึ้นมาชี้ไปที่ไป๋ชิงหลิงและกล่าวตำหนิ "เจ้าปล่อยเสิ่นโหรวเม่ยเดี๋ยวนี้นะ"
"ฮองเฮาอย่าได้ใจร้อนไปเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณหนูเสิ่น" ไป๋ชิงหลิงเพียงแค่ต้องการหันหน้าของเสิ่นโหรวเม่ไปทางฮองเฮาอู๋ เพื่อให้นางเผชิญหน้ากับฮองเฮาอู๋ จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า "คุณหนูเสิ่นกลัวว่าโลกนี้จะไม่สงบ จึงได้พูดจายั่วยุเพื่อให้เกิดความบาดหมางซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
"ประการแรก นางรู้ดีว่าซื่อจื่อจิ่งไม่มีทางไปไหนกับคนแปลกหน้าได้ จึงได้มาหาซื่อจื่อจิ่ง ทำให้ซื่อจื่อจิ่งเกิดการต่อต้าน และเมื่ือเป็นเช่นนี้ จึงทำให้เกิดความบาดหมางทางความรู้สึกระหว่างฮองเฮาและซื่อจื่อจิ่ง"
"ประการที่สอง นางรู้ดีว่าไม่ควรทำแต่ก็ยังทำ นางมาหาหม่อมฉันเพื่อถามว่าหม่อมฉันจะยินยอมให้นางพาซื่อจื่อจิ่งไปหรือไม่ เป็นการยั่วยุสันติภาพระหว่างหม่อมฉันและฮองเฮา หม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรผิดต่อฮองเฮา ฉะนั้นหม่อมฉันเห็นว่าฮองเฮาไม่จำเป็นต้องแสดงความเกลียดชังหม่อมฉันลึกซึ้งถึงเพียงนั้น"
"ประการที่สาม นางกล่าวอ้างถึงไทเฮา เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ฮองเฮาคิดว่าหม่อมฉันใช้ไทเฮาเป็นเครื่องมือในการกดขี่ฮองเฮา จึงทำให้เป็นการยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างลูกสะใภ้และแม่สามี"
"แต่ละคำพูดของคุณหนูเสิ่นล้วนทำให้ฮองเฮาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ทำให้ฮองเฮาและซื่อจื่อจิ่ง หม่อมฉันและไทเฮาไม่มีความสุขและเกิดความบาดหมางต่อกัน เช่นนี้......ทำให้ฮองเฮาจะทรงยิ่งสงสารและเห็นใจคุณหนูเสิ่นมากขึ้น"
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ริมฝีปากสีแดงได้ยกขึ้นเล็กน้อยและถามกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "จริงหรือไม่คุณหนูเสิ่น"
ร่างกายของเสิ่นโหรวเม่ยแข็งทื่อ ผิวหนังบนใบหน้าของนางเกร็งกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าที่งดงามของนางก็แดงก่ำ
นางกำหมัดขึ้นในทันที จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองฮองเฮาด้วยดวงตาแดงก่ำเพื่อคิดจะอธิบาย "หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น"
ไป๋ชิงหลิงหัวเราะอย่างเย็นชาอีกครั้ง "ใช่ ท่านไม่ได้คิดเช่นนั้น ในสายตาของฮองเฮาแล้ว ท่านเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสามากที่สุด แต่คนอื่นกลับเป็นคนร้อยเล่ห์มารยา"
"หุบปากเดี๋ยวนี้!" ฮองเฮาอู๋เบิกตากว้างและหน้าแดงก่ำ
เมื่อฟังที่ไป๋ชิงหลิงพูดจบ ฮองเฮาก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
เพราะว่า ไป๋ชิงหลิงพูดถึงความคิดที่อยู่ในใจของนางทุกประการ ราวกับเป็นพยาธิตัวกลมในลำไส้ของนางที่รู้ว่านางกำลังคิดอะไร
ฉะนั้น ทำให้สายตาที่นางมองเสิ่นโหรวเม่ยนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อ ทำให้นางเริ่มสงสัยตัวเองว่ารู้จักเสิ่นโหรวเม่ยมากน้อยเพียงใด
แววตาของเสิ่นโหรวเม่ยที่มองฮองเฮานั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง และรู้ว่าคำพูดของไป๋ชิงหลิงนั้นทำให้ฮองเฮาเกิดความสงสัยในตัวของนาง
นางคุกเข่าลงกับพื้น
เมื่อคุกเข่าลงไป เสิ่นโหรวเม่ยไม่เหลือหนทางอื่นให้ตัวเอง จากนั้นมีเสียงดัง "ตุ้บ" ขึ้นมาข้างหูของฮองเฮา
และทำให้ฮองเฮาอู๋กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
นางปฏิบัติต่อเสิ่นโหรวเม่ยเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเอง และไม่เคยให้นางคุกเข่าลงเลยสักครั้ง และตอนนี้เมื่อเห็นเสิ่นโหรวเม่ยคุกเข่าต่อหน้าของตัวเอง ทำให้นางรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที
"เม่ยเอ๋อร์ เจ้ารีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฮองเฮาอู๋รีบยื่นมือออกไปประคองเสิ่นโหรวเม่ยให้ลุกขึ้น
เสิ่นโหรวเม่ยไม่เพียงไม่ยอมลุกขึ้น แต่กลับโขกศีรษะลงไปกับพื้นอย่างแรง "โหรวเม่ยไม่รู้ว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำจะทำให้ฮองเฮาต้องมีปฏิกิริยาแปลกไปเช่นนี้ โหรวเม่ยขอโทษ โหรวเม่ยควรได้รับการลงโทษ โหรวเม่ยขอโทษต่อความรักและความปรารถนาดีของฮองเฮาเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น