ตอน บทที่ 832 ดอกกุ้ยฮวามีปัญหา จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 832 ดอกกุ้ยฮวามีปัญหา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
"อาเยี่ย!"
"ข้าอยู่นี่"
"ในมือที่ถือดอกกุ้ยฮวานั้นมีปัญหา ดอกกุ้ยฮวาที่วางอยู่ที่ศาลาชิงหลิงล้วนมีปัญหา การตายของเสด็จย่าไม่ใช่เรื่องนอกเหนือความคาดหมาย มีคน......คิดจะใช้ดอกไม้พวกนั้นทำร้ายลูก และคิดจะฆ่าข้า......" เสียงของเธออ่อนแรงอย่างมาก แต่กลับพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด
และคำพูดพวกนี้ ลี่ว์อีได้เคยพูดกับหรงเยี่ยแล้ว ก่อนที่เขาจะมาถึงจวนตระกูลกู้
เขาแค่บอกให้คนปิดข่าวไว้
เพราะว่าหลวนอี๋ไม่มีทางทำร้ายใครแน่ มีคนคิดจะใช้หลวนอี๋ฆ่าเสด็จย่าของพวกเขา
ก่อนที่ฆาตรกรตัวจริงยังไม่ปรากฏตัว เขาจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้
ลี่ว์อีและอีผิงถิง รวมถึงครอบครัวตระกูลกู้ต่างก็คอยเฝ้าอยู่ข้างๆ
หรงเยี่ยพยักหน้า:"ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไร"
"ข้าสงสัยว่าทางฝ่าบาท......มีคนต้องการทำร้ายเขาเช่นกัน อาเยี่ย เจ้าจับตาดูเขาให้ดี อย่าให้แผนของคนผู้นั้นสำเร็จ" ไป๋ชิงหลิงหลับตาทั้งสองข้างลง แล้วหลับไหลไปอีกครั้ง
หรงเยี่ยนั่งมองข้างๆเธออยู่นานมาก
ไป๋ชิงหลิงไม่ได้อยู่ในวัง เขาก็ไม่ได้อยากจะกลับไป
แต่เขารู้ดี เขาต้องกลับ
พอถึงวันนั้น วันที่จับฆาตกรตัวจริงได้ แล้วสารภาพเรื่องจริงออกมา เขาถึงจะรับภรรยาและลูกของเขากลับไปได้
"รอข้านะ" หรงเยี่ยก้มหน้า ประทับไปที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ แล้วนำยาที่นายผู้เฒ่าฉางให้เขาไว้ ดันเข้าไปในปากของเธอ
เขาเดินออกจากห้อง
ด้านนอกห้องมีทหารองครักษ์เหยี่ยวดำคอยคุ้มกันเขาอยู่
เขามองไปที่พวกเขา แล้วพูด:"อยู่ที่นี่ ปกป้องซื่อจื่อกับนายท่านหญิงให้ดี"
"ครับ!" ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำพูดพร้อมเพรียงกัน
หรงเยี่ยเดินออกจากเรือน ด้านหลังกลับมีเสียงตะโกนดังขึ้น:"เสด็จพ่อ!"
หรงเยี่ยหยุดฝีเท้า แล้วหันหลังกลับไปดู
หมอเทวดาซูพาหรงจิ่งหลินเดินเข้ามาทางคุ้มทางเดิน ร่างเล็กเดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
หรงเยี่ยหมุนตัว รอรับเด็กน้อยอยู่ที่เดิม
หรงจิ่งหลินโผเข้าหา กอดร่างของเขาไว้:"เสด็จพ่อ......"
เขานิ่งไปสักพัก แล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะของเด็กน้อย พร้อมพูด:"ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ร่างกายข้าแข็งแรงดีแล้ว ข้ากับเสด็จแม่ต้องหลบซ่อนอีกนานแค่ไหนพ่ะย่ะค่ะถึงจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แล้วเมื่อไหร่ข้าจะได้เจอน้องสาว" หรงจิ่งหลินปล่อยมือลง แล้วถอยหลังไปเล็กน้อย เสียงสะอึกสะอื้น
หรงเยี่ยมองอยู่นาน ให้คำตอบเขาเพียงแค่:"ใกล้แล้ว เจ้ารออีกหน่อย"
"ข้ารอได้ แต่น้องในครรภ์ของเสด็จแม่จะรอได้หรือไม่"
หรงเยี่ยแข็งทื่อเล็กน้อย แล้วนั่งยองลง ถึงจะพบว่าหรงจิ่งหลินสูงขึ้นเล็กน้อย คิ้วและตาของเขาใกล้เคียงกับเขามากขึ้น เพียงแต่ร่างนั้นค่อนข้างผอมบาง
"เจ้าดูสิ เจ้าสูงพอๆกับพ่อ พ่อไม่อยู่ เจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนน้องกับแม่แทนพ่อ พวกเขาต้องการเจ้า เจ้าต้องเป็นเสาหลัก ปกป้องหญิงสาวผู้อ่อนแอที่อยู่ด้านในนะ" มือใหญ่ของหรงเยี่ยจับไว้ที่ไหล่ของหรงจิ่งหลิน
หน้าที่นี้ถึงแม้ว่าจะหนักอึ้ง แต่หรงจิ่งหลินก็ไม่ท้อถอย
เขาพยักหน้าแล้วพูด:"ลูกทราบดีว่าจะทำยังไง ลูกจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ไม่ให้เสด็จแม่เป็นกังวลพ่ะย่ะค่ะ"
"อืม"
หรงเยี่ยจากไปแล้ว เขาไม่อนุญาตให้หรงจิ่งหลินไปส่งเขา
เขาพาหลวนอี๋ออกจากตระกูลกู้
เพียงแต่หลวนอี๋นั้นลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่จวนตระกูลกู้ไปแล้ว เพราะเวลาที่เธออาการกำเริบ ก็จะทำให้เธอลืมเรื่องวันนั้นไปหมดสิ้น
ตอนนี้เธอฟื้นสติแล้ว จำได้แค่เคยไปเยี่ยมไป๋ชิงหลิง
"พี่เจ็ด ท้องของพี่สะใภ้เจ็ดใหญ่ขึ้นทุกวัน ข้าแทบรอวันที่พี่สะใภ้เจ็ดคลอดไม่ไหวแล้ว" สีหน้าหลวนอี๋เต็มไปด้วยความดีใจ
หวู่โป๋หย่วนหันมาเหลือบมองหรงเยี่ย หรงเยี่ยส่ายหน้าให้เขา บอกเป็ยนัยว่าเขาไม่ต้องพูดอะไรกับหลวนอี๋
เธอจะรับได้อย่างไร ถ้ารู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับการตายของเสด็จย่า......
"ข้า......"
"เสด็จย่าพึ่งจะจากไป อาการป่วยของเสด็จพ่อก็ยังไม่มั่นคง ในวังนี้คงจะต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะจัดงานมงคลได้" หลวนอี๋ปล่อยมือเขา แต่กลับไปลูบที่ใบหูเขาแทน:"คุณชายหวู่ ขอบใจเจ้ามาก"
"องค์หญิง ไม่ต้องขอบใจหรอก เจ้าพักผ่อนเถอะ" หวู่โป๋หย่วนรีบถอยออกมา ปิดประตูวัง แล้วรีบจากไป
และในเวลาที่เขาออกมานั้น ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของหลวนอี๋อีกด้วย
ทำให้ในใจหวู่โป๋หย่วนเต้นอย่างบ้าคลั่ง ทำไมองค์หญิงต้องพูดเช่นนั้นกับเขา ต่อให้เขาต้องรอทั้งชีวิต เขาก็เต็มใจ
หวู่โป๋หย่วนออกจากวังแล้วไปหาหมอเทวดาซูที่จวนตระกูลกู้
ส่วนหรงเยี่ยหลังจากที่กลับมาถึงตำหนักเจาหยาง ก็เห็นหลานวานเอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักเจาหยาง นางกำนัลด้านหลังกำลังถืออาหารมื้อดึก
หรงเยี่ยเหลือบมองด้วยสายตาเรียบเฉย แล้วเดินผ่านหน้าเธอไป ข้ามธรณีประตู ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
หลานวานเอ๋อร์รีบเรียกเขาไว้:"ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันปรนนิบัติฝ่าบาทเถอะเพคะ"
เขาหยุดฝีเท้าลง แล้วพูด:"ให้พระชายาองค์รัชทายาทเข้ามา"
พูดจบ หรงเยี่ยก็เดินเข้าไปในตำหนัก
หลานวานเอ๋อร์ยกอาหาร แล้วเดินตามหรงเยี่ยอย่างรวดเร็ว
เขานั่งลงบนเตียงมังกร หลานวานเอ๋อร์วางอาหารตรงหน้าเขา หลังจากที่จัดวางเสร็จ เธอก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ แล้วพูด:"ฝ่าบาท เชิญเสวยเพคะ"
"อืม" เขาหยิบตะเกียบขึ้น สายตากวาดมองอาหาร หรี่ตาทั้งสองแล้วพูด:"ใครเป็นคนทำ?"
หลานวานเอ๋อร์รีบหดมือทั้งสองของตัวเองไว้
เขามองท่าทางของเธอ แล้วถาม:"เจ้าทำหรือ?"
"หม่อมฉันเห็นว่าช่วงไม่กี่วันนี้ฝ่าบาทไม่อยากอาหาร เลยเรียนรู้จากนางสนมไป๋ ลงมือทำเองเพคะ เพียงแต่รสมือหม่อมฉันอาจจะไม่สู้นางสนมไป๋ ทำได้ไม่ตรงตามรสชาติที่นางสนมไป๋ทำให้ฝ่าบาทเพคะ" หลานวานเอ๋อร์พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
หรงเยี่ยไม่ได้ปฏิเสธ เลยชิมไปสองสามคำต่อหน้าเธอ
และแค่สองสามคำนี้ ทำให้หลานวานเอ๋อร์ดีใจอย่างมาก:"ฝ่าบาท ถูกปากหรือไม่เพคะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...