ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 839

หรงเชินเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คว้าปกคอเสื้อชุดของหลานวานเอ๋อร์ เขายกเธอขึ้นเหนือพื้น แล้วตวาดลั่นว่า "เจ้าทำอะไรกับหลวนอี๋!"

“อ๊า...อย่า...อย่าฆ่าหม่อมฉันเลย หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งสิ้น ฝ่าบาท ได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด...” หลานวานเอ๋อร์ตะโกนด้วยความตื่นตระหนก

หรงเชินลากนางไปหาหญิงชรา จากนั้นจับใบหน้าของหลานวานเอ๋อร์ขึ้นมาและกดหน้าของเธอไปที่ใบหน้าที่มีรอยย่นของหญิงชรา

“หลานวานเอ๋อร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนอะไรทั้งสิ้น สิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เจ้าทำ ท่านพี่เจ็ดของข้ารับรู้ดี วันนี้ข้าให้ทางรอดเจ้าเพียงแค่หนึ่งทาง ให้เจ้ากล่าวมันออกมาเสีย”

"อ๊า..." หลานวานเอ๋อร์กรีดร้องเมื่อเห็นใบหน้าที่แก่และน่าเกลียดนั่น

ไม่ ไม่!

เธอไม่อยากกลายเป็นแบบนั้น

เธอยังสาวอยู่เลย

“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งสิ้น เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิง? ฝ่าบาท…” หลานวานเอ๋อร์มองไปที่หรงเยี่ย และขอความช่วยเหลือจากเขา แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่ไม่แยแสของหรงเยี่ย หลานวานเอ๋อร์ก็รู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย

เธอหันหน้าไปมองจักรพรรดิเหยาที่นอนอยู่บนเตียงมังกร จากนั้นก็ร้องเสียงดังว่า “เสด็จพ่อ ลูกปฏิบัติตามคำของท่านทุกประการ คอยปรนนิบัติรับใช้ฝ่าพระบาทอย่างสุดหัวใจ แล้วลูกมีอันใดผิดงั้นหรือ?”

“แต่ถึงแม้ว่าลูกจะผิด แต่นั่นก็เพราะโดนบังคับ องค์รัชทายาท ท่านมองหม่อมฉัน หม่อมฉันเข้ามาในพระราชวังตั้งกี่เดือนแล้ว ท่านมิเคยชายตาแลหม่อมฉันเลย”

“ในที่สุดหม่อมฉันก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับท่าน หม่อมฉันแค่...อยากบำเรอแก่ท่าน หม่อมฉันหวังว่าฝ่าบาทจะแบ่งความรักที่ท่านเหลือไว้ให้กับนางสนมไป๋มาให้หม่อมฉันสักน้อยนิด”

“แม้ว่าจะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่นก็ตาม หม่อมฉันมีความผิดงั้นหรือ? หม่อมฉันเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเช่นนี้ก็เพื่อท่าน หม่อมฉัน หลานวานเอ๋อร์...ไม่เคยต้องต่ำต้อยเฉกเช่นนี้มาก่อน เพราะหม่อมฉันคือพระชายาองค์รัชทายาท!”

เมื่อหรงเชินได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ เขาก็จำเสิ่นโหรวเม่ยเมื่อก่อนได้

เขาผลักหลานวานเอ๋อร์ออกไปอย่างแรง เขาหายใจยากลำบาก

เสิ่นโหรวเม่ย, หลานวานเอ๋อร์...

ทั้งสองคนนี้ที่ใกล้ชิดกับผู้หญิงของท่านพี่เจ็ด ต่างก็บ้าไปแล้วทั้งนั้น

แต่หรงเยี่ยไม่เคยชายตามองเธอเลย ตั้งแต่เธอเข้าไปในพระราชวัง

จื่ออีกล่าวว่า "หลานวานเอ๋อร์ อย่าใช้การบำเรอของเจ้าทำให้ผู้อื่นสับสน เจ้าน่าจะรู้ดีว่าที่อ๋องเฉินถามเจ้าเมื่อครู่นั้น คือเรื่องอะไร?"

หลานวานเอ๋อร์ส่ายหัวและกล่าวว่า "เรื่องอะไรงั้นหรือ? ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรที่ละอายใจตนเองสักนิด แต่หากท่านต้องการกำหนดข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จำเป็นที่ต้องยอมรับ"

“เหอะ!” จื่ออีหัวเราะ

หมอเทวดาซูเดินเข้ามาจากข้างนอก

เขาเดินมาหาหรงเยี่ย หยิบโถลายครามสีขาวออกมาแล้วส่งให้หรงเยี่ย "ฝ่าบาท ผงยาที่อยู่ภายในนั้นได้มาจากดอกหอมหมื่นลี้"

ดอกหอมหมื่นลี้!

หลานวานเอ๋อร์ก้มหัวลงด้วยความตกใจ

เป็นไปไม่ได้!

ของแบบนั้นจะได้มาได้ยังไง?

หญิงชราเคยบอกไว้...

“ฮ่าๆๆ...” หญิงชราที่ปิดปากเงียบมาตลอดหัวเราะ “ฮ่าๆ” ออกมา “ฮ่าๆ” : “ยายเฒ่าซู ยายเฒ่าซู เจ้ากับข้าทะเลาะกันมาครึ่งชีวิตแล้วไม่คาดคิดมาก่อนเลย... "

หมอซูหน้าบูดบึ้งและจ้องมองหญิงชราด้วยสายตาเย็นชา "ยาพิษที่เจ้าทำขึ้นมานั้นอาจจะซ่อนเร้นสายตาผู้อื่นได้ แต่ก็ไม่สามารถซ่อนให้พ้นจากสายตาของข้าได้ ดอกหอมหมื่นลี้ที่วางไว้ในห้องของไทเฮาล้วนก็เป็ณดอกไม้อาบพิษ และสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมนางสนมไป๋ถึงแท้งทั้งสองครั้ง”

สีหน้าของจักรพรรดิเหยาเปลี่ยนไปทันที "เจ้ากล่าวว่าอะไร?"

หมอซูหันกลับไปทำความเคารพและกล่าวว่า “ฝ่าบาท คำกล่าวที่ว่าพระราชโอรสทั้งสี่พิชิตไทเฮาและฝ่าบาทได้นั้น เป็นคำกล่าวที่ไร้สาระสิ้นดี การสิ้นพระชนม์ของไทเฮาเกี่ยวข้องกับผงยาพิษในขวดนี้ เด็กน้อยที่ยังไม่ทันได้ออกมาลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ จะฆ่าไทเฮาได้อย่างไร อาการป่วยของฝ่าบาทเรื้อรังไม่มีวันหาย เพราะในวัง มีคนใช้ประโยชน์จากหญิงชั่วร้ายผู้นี้ กระทำการลับหลังวางยายาพิษต้องสาปกับไทเฮาและฝ่าบาท!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น