ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ดูสีหน้าของไทเฮาเต๋อออก ในใจก็รู้สึกโมโหมากขึ้น แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำเหมือนกับไทเฮาที่ชี้นิ้วด่าฮองเฮา
ท้ายที่สุดแล้ว ไทเฮาก็เป็นลูกสาวของเธอ ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ที่รู้เรื่องนี้ถึงได้กล้าทำแบบนี้กับไทเฮา
แต่มันต่างกับฮองเฮานะสิ
ฮองเฮาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ ถ้าเธอทำให้ฮองเฮาอารมณ์เสีย ตระกูลสวี่จบแน่ๆ
เรื่องแบบนี้ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่มั่นใจมาก
ดวงตาของกวนปี้อวี้มีแต่น้ำตา เธอเงยหน้ามองฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
ในขณะนี้เธอรู้สึกกดดันมากๆ
ณ เวลานี้ ไป๋ชิงหลิงเห็นว่าทุกคนเงียบและบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี เธอจึงทำเป็นรู้สึกสับสน "ทำไมกัน มีเรื่องอะไรเหรอ ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรเหรอ มีผิดปกติ มีปัญหาอะไร? ไม่เป็นไร ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าสวี่รู้สึกไม่พอใจก็พูดออกมาได้ อันที่จริงก็เป็นเสด็จแม่และท่านแม่ใหญ่ด้วย ราชวงศ์ของเราไม่ปล่อยไว้แน่นอน”
ไทเฮาเต๋อกระแอมในลำคอและพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะพูด”
“เสด็จแม่พูดได้เลย” ไป๋ชิงหลิงมองไปที่ไทเฮาเต๋อด้วยท่าทางใสสื่อ
ไทเฮาเต๋อพูด "องค์รัชทายาทแค่เจ็ดขวบเองและปี้อวี้ก็เพิ่งจะสิบห้า ถ้าจะให้ปี้อวี้เป็นนางสนมขององค์รัชทายาท มันจะรู้สึกผิดต่อปี้อวี้ อีกอย่างกว่าองค์รัชทายาทจะโตก่อนก็อีกหลายปี”
“ถึงตอนนั้นแล้วองค์รัชทายาทอยู่ในช่วงที่กำลังไปได้ดี แต่ว่าผู้หญิงนั้น...จะรอถึงเจ็ดปีได้สักกี่คน ถ้าเกิดแต่งงานช้าไปก็ไม่สามารถมีลูกได้ง่าย ข้าคิดว่าให้ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่พาคุณหนูกลับตระกูลสวี่ก่อน”
“ค่อยว่ากัน ยังต้องรบกวนให้ฮองเฮาหาครอบครัวที่ดีคุณหนูกวน ท่านฮองเฮาคิดว่าอย่างไร”
“ในเมื่อเสด็จแม่พูดแบบนี้แล้ว เรื่องของคุณหนูกวนก็ฝากให้หม่อมฉันได้” ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองกวนปี้อวี้ด้วยสายตาที่เย็นขา
กวนปี้อวี้อยู่ตรงนั้นมาพักหนึ่งแล้ว ไม่ได้ก้าวออกมาแล้วพูดอะไรเลย แต่เธอกลับอยู่ตรงนั้นและร้องไห้ออกมา
ดูเหมือนว่าไทเฮาและฮองเฮาจะรังแกเธอ
เพราะแบบนี้เธอจึงไม่ชอบกวนปี้อวี้
เธอเป็นคนไม่เอื้อเฟื้อและไม่มีมารยาทเหมือนลูกสาวของเธอ
เธอก็ไม่ได้อยากจะรบกวนฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ เธอโบกมือแล้วพูดว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ ท่านพาคุณหนูกวนกลับตระกูลสวี่ก่อน"
คำในใจของฮูหยินผู้เฒ่าสวี่นั้นอยู่แต่ในลำคอไม่กล้าที่จะพูดเรื่องที่จะส่งกวนปี้อวี้ไปหาหาจักรพรรดิ
กวนปี้อวี้ได้มอบของขวัญและเดินออกจากตำหนักฮุ่ยหนิงพร้อมกับหลานสะใภ้สองคน
แม่นางจังถามอย่างไม่พอใจ "ท่านแม่ ทำไมเราถึงได้ยอมถอยออกมาแบบนี้ ดูเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ท่านแม่ใส่สิ มันมีค่าตั้งหลายพันเหรียญ"
แม่นางหลิวก็พยักหน้าและพูดว่า "ครั้งนี้ที่พวกเราเข้าตำหนัก ทำไมฮองเฮาไม่เตรียมอะไรให้เราเลย ฮองเฮาเปลี่ยนไปแล้ว"
พอฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ได้ยินสิ่งที่หลานสะใภ้สองคนพูด หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสนและสีหน้าของเธอเริ่มไม่ดี
“พอได้เป็นไทเฮาแล้วก็ทำเป็นไม่รู้จักครอบครัวตัวเองแล้ว มาทำตัวแบบนี้ก็ฝันไปเถอะ นางได้เจอดีแน่”
พอลงจากบันไดแล้ว คนของตระกูลสวี่ที่อยู่ไกลๆ ก็รีบเดินเข้ามาหา
แม่นางจังผลักฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ "ท่านแม่ ดูนั้นสิ คนนั้นเขาเป็นใครกัน เขาดูหล่อมากเลย"
“ห่ะ นั่นไม่ใช่อ๋องเฉินที่เพิ่งได้ขึ้นเป็นท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง?” แม่นางหลิวจำหรงเฉินได้ในทันที
ข้างหลังของหรงเฉินนั้นเต็มไปด้วยคนในวังและองครักษ์ ก่อนที่จะไปเดินพวกเขา เขาก็เดินขึ้นบันไดไปขั้นหนึ่งแล้ว
กวนปี้อวี้เงยหน้ามองหรงเฉินที่กำลังเดินขึ้นไปบนตำหนัก เธอรู้สึกว่า... ผู้ชายคนนี้ถูกขับไล่ตกจากสวรรค์โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาหล่อจนไม่มีใครสามารถเทียบได้
กวนปี้อวี้สามารถเลือกคนที่ต้องการได้ทันที!
ท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง......
มีแค่ท่านอ๋องเซ่อเจิ้งเท่านั้นที่คู่ควรกับเธอ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...