เมื่อหมอหลวงเจินกำลังจะตรวจชีพจรของหรงเยี่ย หรงเยี่ยก็ดึงแขนกลับอย่างแรง พร้อมกับใช้สายตาเตือนเขา :“หมอหลวงเจิน ร่างกายของข้าเป็นยังไงบ้าง?”
หมอหลวงเจินสบตากับหรงเยี่ย แล้วหัวใจของเขาก็ตกตะลึง
จะกล้าพูดกำกวมได้อย่างไร
เขารีบคุกเข่าลง และตอบว่า :“ฝ่าบาท ร่างกายของท่านไม่ควรเกิดความโกรธ ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อบาดแผลของท่าน”
สีหน้าของหรงเยี่ยผ่อนคลายลง :“ออกไปเถอะ ข้าไม่เป็นไร”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง? เมื่อกี้ท่านอาเจียนออกมาเลือดเยอะมาก” ฉินซานหลิงไม่อยากให้เขาละความสำคัญต่อร่างกายตัวเอง คว้าข้อมือของเขาแล้วพูดว่า :“ให้หมอหลวงเจินตรวจให้ท่นอีกครั้ง.........”
ก่อนที่ฉินซานหลิงจะพูดจบ หรงเยี่ยก็ดึงมือของตัวเอง ออกจากมือของนาง หลับตาแล้วพูดเบาๆว่า :“เจ้าก็ออกไปเถอะ!”
ฉินซานหลิงจ้องมองที่มือของตัวเองด้วยความผิดหวัง จากนั้นนางก็รีบปรับอารมณ์ และพูดว่า :“ได้ ข้าออกไปก่อน แต่ให้หมอหลวงอยู่เฝ้าท่าน หากมีอะไรเกิดขึ้น หมอหลวงจะได้ช่วยได้ทันท่วงที!”
หลังจากพูดจบ ฉินซานหลิงก็ยืนขึ้น ทำความเคารพหรงเยี่ย แล้วเดินออกไปจากห้องนอน
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงเดินออกมาจากบ้านนายผู้เฒ่าฉิน ก็มีลูกธนูดอกหนึ่งยิงใส่เธอด้วยความเร็ว
เธอรีบหมอบลงอย่างรวดเร็ว ลูกธนูยิงผ่านศีรษะของเธอไป ยิงลงที่บานประตูด้านหลังเธอ
เมื่อเธอหันกลับไปมองยังฝั่งตรงข้าม คนที่ยิงธนูก็หายตัวไปแล้ว
ไป๋ชิงหลิงหันกลับไปมองลูกธนูบนบานประตู ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไป แล้วดึงลูกธนูออกมา
บนธนูมีกระดาษที่มีข้อความ เขียนไว้ว่า :ถ้าต้องการช่วยนายผู้เฒ่าฉิน ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองซูโจว!
ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้ว และพึมพำในใจ :ดูเหมือนว่านายผู้เฒ่าฉินจะถูกจับตัวไปแล้ว
และเมืองซูโจวเป็นเขตปกครองของท่านอ๋องหราว
เธอคิดว่าเธอรู้ว่าคนที่หรงเยี่ยพูดถึงนั้นคือใคร
ท่านอ๋องหราวไม่เคยแพ้เรื่องแย่งบัลลังก์ คราวนี้จับตัวนายผู้เฒ่าฉินก็เพื่อล่อให้หรงเยี่ยไปเมืองซูโจว และต้องการฆ่าหรงเยี่ย
เธอจะปล่อยให้หรงเยี่ยเสี่ยงไปเมืองซูโจวได้อย่างไร!
ไป๋ชิงหลิงยืนอยู่กับที่เป็นเวลานาน และในที่สุด เธอก็มีความคิดอื่นผุดขึ้นในใจ
ณ เมืองซูโจว ในจวนอ๋องหราว
เมื่อนายผู้เฒ่าฉินเห็นฉินหย่วนอี้กับลูกชายคนโต และลูกสะใภ้คนโต เขาก็โกรธจนแทบบ้า
“พวกเจ้า.......พวกเจ้าไม่ใช่........” เมื่อเขาได้ยินว่าบ้านของลูกชายคนโตถูกไฟไหม้ จึงรีบส่งคนไปช่วยดับไฟทันที แต่เมื่อเขาไปถึงที่นั่น กลับถูกคนตีจนสลบไป
เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็มาถึงสถานที่แปลกประหลาด และบ้านหลังใหญ่ที่เขาไม่รู้จักแห่งนี้
ส่วนลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้ และหลานชายคนโตที่เขาเป็นห่วง ยืนอยู่ตรงหน้า ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หากเขายังไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการวางแผน เจ็ดสิบกว่าปีนี้เขาก็ใช้ชีวิตมาเปล่าประโยชน์
นายท่านฉินพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด :“ท่านพ่อ ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก แต่ท่านไม่ต้องกังวล เมื่อมาถึงที่นี่ไม่มีใครกล้ารังแกท่าน ท่านสามารถทำธุรกิจได้เหมือนเดิม”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ท่านพ่อ เมืองซูโจวใหญ่กว่าและกว้างกว่าเมืองจิงโจว ต่อไปเราก็เป็นคนของท่านอ๋องหราวแล้ว”
“แม่นางหลัว เจ้าคนไร้ยางอาย คนของท่านอ๋องหราวอะไรกัน ตอนอยู่แคว้นหรง พวกเจ้าเป็นประชาชนของจักรพรรดิ นี่พวกเจ้ากำลังจะก่อกบฎหรือ” นายผู้เฒ่าฉินพยายามดิ้นรน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...