ฉางเล่อเหยียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง :“นางสนมชั้นต่ำกวนปี้อวี้?”
“เพคะ ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้นำตัวนางกลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่สวนอี้!” แม่นมเถียนสุภาพพูดจาอ่อนโยนและเคารพนางมาก
ฉางเล่อเหยียนพยักหน้าแล้วพูดว่า :“ดี งั้นข้าจะไปพบนาง”
หลังจากพูดจบ แม่นมเถียนก็รีบเดินเข้ามา พยุงฉางเล่อเหยียนไปที่สวนอี้
นางสาวชุดแต่งงานสีแดงสด เดินเข้าไปในสวนอี้
กวนปี้อวี้ได้สติแล้ว ตอนนี้นางคุกเข่าอยู่ที่ลานสวนอี้ บนร่างของนางสวมชุดสีขาวธรรมดา และผูกผ้าสีขาวไว้บนหัว ดูเหมือนกำลังไว้ทุกข์
ส่วนไป๋ชิงหลิงนั่งอยู่ใต้ชายคาด้านข้าง สวนเสื้อคลุมสีม่วง เปล่งรัศมีของฮองเฮาแห่งราชวงศ์
ฉางเล่อเหยียนรีบเดินเข้าไป และทำความเคารพไป๋ชิงหลิง :“หม่อมฉันถวายบังคมฮองเฮาเหนียงเหนียง!”
“หาเก้าอี้ให้พระชายาท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
คนรับใช้รีบเข้าไปเข้าในแล้วนำเก้าอี้ออกมา แม่นมเถียนพยุงนางขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง นั่งลงบนเก้าอี้ข้างไป๋ชิงหลิง
กวนปี้อวี้เงยหน้าขึ้น มองฉางเล่อเหยียนด้วยน้ำตาคลอเบ้า
ใบหน้าของฉางเล่อเหยียนจะแต่งเต็มไปด้วยเครื่องสำอาง ปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนาง แต่ถึงกระนั้น การแต่งหน้าที่หนาก็สร้างรูปลักษณ์ใหม่บนใบหน้าของฉางเล่อเหยียน ซึ่งทำให้นางดูคล้ายกับผู้หญิงที่น่าสนใจ
กวนปี้อวี้เพียงแค่แอบเหลือบมอง ก็ร้องไห้และร้องขอว่า :“นางสนมชั้นต่ำถวายบังคมพระชายาท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง ขอร้องพระชายา เห็นแก่ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อยเก็บเลือดเนื้อในครรภ์ไว้ด้วยเถิด เพื่อรักษาสายเลือดของจวนอ๋องเซ่อเจิ้งที่ร่อยหรอไว้ เมื่อคลอดลูกแล้ว น้อยยินดีที่จะให้พระชายาเลี้ยงดูลูก ข้าน้อยจะไม่มีวันร้องทุกข์ ขอร้องพระชายา..........เก็บเด็กในครรภ์ของข้าน้อยไว้ด้วยเถิด”
นางก้มคำนับขณะที่พูด
หลังจากนั้นไม่นาน หน้าผากที่ขาวเนียนของนาง ก็เปื้อนเลือด
ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองวั่นฝู
วั่นฝูรีบเดินเข้าไป คว้าไหล่ของกวนปี้อวี้ ห้ามปรามไม่ให้นางทำร้ายตัวเอง
ฉางเล่อเหยียนทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งต่ำต้อยขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม กวนปี้อวี้พูดบางอย่าง ที่โดนใจนาง
ทายาทของจวนอ๋องเซ่อเจิ้งนั้นร่อยหรอ
เลือดเนื้อในครรภ์ของนาง เป็นของท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง
นางไม่ชอบพฤติกรรมของนางสนมชั้นต่ำ แต่เด็กที่ไร้เดียงสาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
อาจเป็นเพราะนางเองก็ตั้งครรภ์เจ็ดเดือนแล้ว ความเป็นแม่จึงล้นหลาม!
ไป๋ชิงหลิงหันมามองฉางเล่อเหยียน แล้วพูดว่า :“เจ้าต้องคิดให้ดีนะ การเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ จวนอ๋องกว้างใหญ่ทุกคนต่างจับตาดูเจ้าอยู่ หากเจ้าปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้ ต่อไปเกรงว่าคนในจวนอ๋อง จะไม่เคารพพระชายาอย่างเจ้า”
ไป๋ชิงหลิงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา กวนปี้อวี้ที่คุกเข่าอยู่ไม่มีทางได้ยินสิ่งที่เธอพูด
หลังจากที่ฉางเล่อเหยียนได้ฟังสิ่งนี้ ร่างกายของนางก็สั่นเทา และหันกลับไปมองไป๋ชิงหลิง ความคิดแย่ๆที่อยู่ในใจของนาง ก็หายไปทันที
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ฉางเล่อเหยียนตอบกลับเธอ แล้วหันไปมองกวนปี้อวี้ :“แม่นางกวน ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเข้ามาในจวนอ๋องเซ่อเจิ้งได้อย่างไร แต่ในเมื่อเจ้าเป็นนางสนมชั้นต่ำของท่านอ๋องเซ่อเจิ้งแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของจวนอ๋อง จวนอ๋องไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าอยากมาก็มา อยากไปก็ไป ถ้าคนรับใช้ในจวนมาเห็นเข้า จะคิดว่าจวนอ๋องเซ่อเจิ้งไม่มีกฎระเบียบ”
ทันใดนั้นดวงตาของกวนปี้อวี้เบิกกว้าง ไม่คาดคิดว่าฉางเล่อเหยียนจะพูดแบบนี้ :“พระชายา ข้าน้อยเข้าใจแล้ว แต่ข้าน้อยตั้งครรภ์ลูกของท่านอ๋อง พระชายาก็คิดเสียว่าทำความดีเพื่อเด็กในท้องของท่าน ให้ข้าน้อยให้กำเนิดลูกของท่านอ๋องด้วยเถิด!”
แม่นมเถียนสุดจะทนกับพฤติกรรมหน้าซื่อใจคดของกวนปี้อวี้ ใครจะไปรู้ว่านางจะหันกลับมาแทงข้างหลังเมื่อใด
ฉางเล่อเหยียนโบกมือแล้วพูดว่า :“ขังนางไว้ก่อน ห้ามนางออกจากสวนอี้แม้แต่ก้าวเดียว รอข้าปรึกษากับท่านอ๋องก่อนว่าจะเก็บเด็กในครรภ์ของแม่นางกวนไว้ไหมแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“นี่.......... ” แม่นมเถียนไม่คิดว่าบทสรุปจะออกมาเป็นเช่นนี้ นางเหลือบมองกวนปี้อวี้อีกครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร :“เพคะ”
กวนปี้อวี้ขอบคุณนางอย่างสุดซึ้ง :“ขอบคุณพระชายา ขอบคุณพระชายา!”
ฉางเล่อเหยียนอุ้มท้องและลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า :“แม่นางกวน จะเก็บเด็กในครรภ์เจ้าไว้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจของท่านอ๋อง ข้าให้เจ้าอยู่ที่สวนอี้ ดังนั้นเจ้าก็ควรวางตัวให้ดี บางทีท่านอ๋องเห็นว่าเจ้ากลับตัวแล้ว อาจจะเก็บเด็กในครรภ์ของเจ้าไว้ก็ได้!”
ฉางเล่อเหยียนไม่ต้องการให้กวนปี้อวี้เป็นอุปสรรคและช่องว่างระหว่างนางและหรงเฉิน
แม้ว่าการเก็บลูกของกวนปี้อวี้ไว้ จะทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็ยังดีกว่าทำให้ทั้งคู่เกิดความไม่ลงรอยกันจากเรื่องนี้ในอนาคต
หากหรงเฉินเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง ต่อไปเขาก็จะตำหนินางไม่ได้
นางต้องการให้เขาจัดการเรื่องของแม่นางกวนด้วยความเต็มใจ
หลังจากที่ฉางเล่อเหยียนจากไป กวนปี้อวี้ก็ถูกขังไว้
ในตอนกลางคืน จู่ๆก็มีเงาร่างดำปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ากวนปี้อวี้
“อวี้เอ๋อร์!”
เงาร่างดำเดินไปหากวนปี้อวี้อย่างรวดเร็ว และเรียกนางอย่างอ่อนโยน
กวนปี้อวี้หันกลับมา รีบวิ่งไปหาเขาด้วยความประหลาดใจ แล้วเรียกว่า :“พี่เกาเหยียน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...