บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1006

บทที่ 1006 เต๋าแห่งสวรรค์แตกสลาย

บทที่ 1006 เต๋าแห่งสวรรค์แตกสลาย

ภูเขาลูกนี้สูงเสียดฟ้าทะยานไปถึงจักรวาล

และชายหนุ่มกำลังยืนอยู่บนยอด มันให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่นอกโลกและเดินเข้าสู่จักรวาลอันไกลโพ้น ดวงดาวมากมายเรียงร้อยเป็นประกาย ตะวันและจันทราส่องแสง เป็นภาพอันยิ่งใหญ่ตระการตา

เฉินซีไม่คิดเลยว่าจะมีภูเขาเช่นนี้อยู่ในแดนภวังค์ทมิฬ มันสูงเหมือนเสาตั้งตระหง่านเสียดฟ้า เมื่อยืนอยู่ข้างบนแล้วมองลงมาก็จะเห็นหมู่เมฆ ฟ้าใส ภูเขา ธารน้ำ ทะเลสาบ มหาสมุทร และโลกทั้งใบ …มันเป็นความรู้สึกแปลกพิลึกเช่นเดียวกันกับภาพเบื้องหน้าชายหนุ่มในขณะนี้

“นี่คือยอดเขาเดียวดายในเขตแดนไร้นาม ตามตำนานเล่าไว้ว่า มันเกิดขึ้นจากโลหะหนาชิ้นหนึ่งเมื่อครั้งบรรพกาล โดยนับจากกาลก่อนก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถขึ้นมาถึงยอดเขาได้ ข้าบังเอิญได้อ่านบันทึกเรื่องนี้ในตำราเล่มหนึ่งของนิกายเรา” ชุดของหลียางสะบัดปลิว นัยน์ตาของนางใสกระจ่าง “หากเราดูการต่อสู้จากตรงนี้ก็จะเห็นได้ทุกอย่าง”

ว่าแล้ว นางก็นั่งลงบนหินก้อนหนึ่งแล้วตบที่ว่างข้าง ๆ เป็นสัญญาณให้เฉินซีนั่งลงเช่นกัน

“แดนไร้นาม ยอดเขาเดียวดาย…” เมื่อนั่งลงข้างหลียางแล้ว เฉินซีก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ชั่วพริบตาเดียวเขาก็มาถึงแดนไร้นาม ซึ่งเป็นสถานที่ลึกลับที่สุดในแดนภวังค์ทมิฬแล้ว วิชาเคลื่อนมิตินี้เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้จริง ๆ

“ศิษย์พี่หญิงเล็ก เรื่องของภัยพิบัตินี้…” เฉินซีพูดยังไม่ทันจบ หลียางก็ขัดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ภัยพิบัตินี้มีผลกระทบเป็นวงกว้าง เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันแล้ว เพราะอย่างไรเจ้าก็ไม่เข้าใจ พอผู้ยิ่งใหญ่พวกนั้นปะทะกันเมื่อใดเจ้าถึงจะเข้าใจเอง”

เฉินซีอึ้งไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เขาเก็บความคิดตนเองไว้แล้วมองไปไกล ๆ เห็นภาพท้องฟ้าเหนือแดนภวังค์ทมิฬที่เต็มไปด้วยพลังผันผวนอันไม่สามารถอธิบายได้

เหมือนว่าพลังอันน่าเกรงขามกำลังคุกรุ่นอยู่…

ซึ่งพลังผันผวนนี้ดำเนินอยู่นานสามวันสามคืน ยิ่งนานก็ยิ่งดูมืดมนเรื่อย ๆ ทำให้มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทำเอาคนใจสั่นออกมา

ไม่เพียงเฉินซีที่สังเกตเห็นภาพนี้ ผู้บ่มเพาะหลายคนในแดนภวังค์ทมิฬเองก็เห็นเช่นกัน ทุกคนเกิดความกังวลอยู่ชั่วขณะ สัมผัสได้ว่าอีกไม่นานคงเกิดความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจขึ้น

“ภัยพิบัติกำลังมาถึงแล้ว!”

“ไม่คิดเลยว่าภัยพิบัติจะมาถึงเร็วเช่นนี้”

“รังแตกเช่นนี้ไข่ในรังก็ไม่รอด มีแต่ต้องสู้เท่านั้น!”

ภายในแดนภวังค์ทมิฬ ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสที่เร้นกายหรือผู้ละทิ้งสวรรค์ทั้งหลาย หากมีพละกำลังเหนือกว่าพลังในขอบเขตภพมนุษย์ล้วนแต่มีสีหน้าตึงเครียดด้วยกันทั้งสิ้น

“ศิษย์พี่หญิง สหายของข้าจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่ขอรับ?” ในวันนี้ เมื่อเฉินซีนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ อีกทั้งยังมีหลียางอยู่ข้างกายเขา ดังนั้นชายหนุ่มย่อมไม่ต้องเกรงกลัวภัยอันใด แต่หั่วโม่เลย หลิงไป๋ และคนอื่น ๆ เล่า?

“พวกเขาน่ะหรือ?” หลียางลืมตาขึ้นพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องห่วง การต่อสู้นี้ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าร่วมได้”

เฉินซีได้ยินแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่หลียางกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ได้ ชายหนุ่มก็เป็นต้องตกใจอีกครั้ง ‘กองกำลังบางกลุ่มที่ไม่ควรมีอยู่ในภพมนุษย์จะถูกกำจัดหายไปในภัยพิบัตินี้ และไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้…’

คำเหล่านี้หมายความว่ายังไง?

หรือว่า…

เฉินซียังไม่ทันทำความเข้าใจ เขาก็ได้ยินเสียงฟ้าลั่นดังก้องไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ มันรุนแรงมากราวกับฟ้าดินจะแยกออกจากกัน ทำให้ทุกคนสั่นกลัวขึ้นมา

จากนั้นท้องฟ้าทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬก็กรีดออกเหมือนผ้าไหมถูกฉีก เกิดเป็นรอยแยกปรากฏขึ้นมากมาย คล้ายว่าฟ้ากำลังจะถล่ม

พร้อมกันนั้น สายฟ้าหลายเส้นที่หนาพอ ๆ กับแขนคนก็ซัดลงมาจากรอยแยกเหล่านั้น มันสว่างวาบและส่งเสียงคำรามไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ

แทบจะในพริบตา ฟ้าดินก็เต็มไปด้วยพลังผันผวนที่แผ่กลิ่นอายทำลายล้างออกมา!

จังหวะนั้นผู้บ่มเพาะทั้งหลายต่างพากันแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ก่อนพวกเขาจะพร้อมใจกันตกใจจนหน้าซีดขาว ตัวคนสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ เกือบจะล้มหงายหลังลงกับพื้น

ไม่เพียงแต่ฟ้าเท่านั้นที่เหมือนจะถล่มลงมา แม้กระทั่งพลังกฎแห่งเต๋าสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ยังใกล้จะล่มสลายเช่นกัน!

“สวรรค์โปรด! โลกกำลังจะถึงการอวสานอย่างนั้นหรือ?”

“นี่มัน…นี่…นี่…”

“ฟ้ากำลังถล่ม เต๋าแห่งสวรรค์ถูกทำลายแล้ว แดนภวังค์ทมิฬกำลังประสบมหาภัยพิบัติหรืออย่างไร?” ผู้บ่มเพาะทั้งหลายในแดนภวังค์ทมิฬพากันไม่สบายใจและหวาดกลัว ร้องตกใจขึ้นมาพร้อมกันหรือไม่ก็หลบอยู่ในเรือนอาศัยแล้วใช้วิชาป้องกันหลากหลายอย่างที่ตนมี และแต่ละคนก็ล้วนดูตื่นตระหนกตกใจกันมากทีเดียว

“จะเริ่มแล้ว” หลียางพลันผุดลุกขึ้นแล้วมองไปยังท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาเปล่งประกายของนางส่องแสงสะท้อนราวกับภาพฝันลวงตา

พร้อมกันนั้นก็มีเงาร่างอันสูงส่งทั้งสามพุ่งออกมาจากภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง พวกเขาพุ่งขึ้นฟ้าเหมือนทวยเทพทยาน เป็นสามปราชญ์แห่งเก้าเรืองรอง เฟิงถิง เติ้งเฉิน และเฟยหลิงนั่นเอง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]