บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 109

บทที่ 109 ไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดารา
บทที่ 109 ไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดารา

บุปผาผลิบานและร่วงหล่น ฤดูวสันต์ผันผ่านเข้าสู่สารทฤดู

สำหรับผู้บ่มเพาะ เวลาก็เหมือนน้ำที่ไม่มีวันย้อนหลับ …เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว

เนื่องจากกฎของเวลาที่แตกต่างกัน ภายในพื้นที่ระดับที่หนึ่งของบททดสอบสรวงสวรรค์ได้ผ่านไปแล้วถึงหนึ่งปีครึ่ง

ในช่วงเวลานี้ เฉินซีดำเนินกิจวัตรไปตามปกติ คือการบ่มเพาะปราณ การจินตภาพ การขัดเกลากายา การฝึกฝนกระบี่… เมื่อความคิดเริ่มฟุ้งซ่าน เขาจะใช้นิ้วเป็นพู่กันและใช้ผืนดินแทนแผ่นยันต์ จากนั้นวาดยันต์และเขียนคำลงไป สิ่งนี้ทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

เขาได้แผ่นหยกเคล็ดวิชาสร้างแผ่นยันต์อักขระสิบสามแผ่น มาจากที่พำนักของเซียนกระบี่ในดินแดนรกร้างใต้พิภพ และในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เขาได้ใช้ความทุ่มเทเพื่อศึกษา ทำให้เขามีความก้าวหน้าไปอย่างมาก

อักขระยันต์ที่เขาวาดลงบนพื้นอย่างลวก ๆ ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับเก้าแล้ว และอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะสามารถสร้างค่ายกลยันต์อักขระและกลายเป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระ

ยันต์อักขระแบ่งออกเป็นเก้าระดับ และยันต์ระดับแรกถูกเรียกว่ายันต์พื้นฐาน

นักสร้างยันต์ทุกคนจำเป็นต้องเชี่ยวชาญการสร้างยันต์พื้นฐาน เพื่อที่จะสามารถสร้างยันต์ขั้นสูงได้

ยันต์อักขระยังแบ่งออกเป็นหยินและหยาง โดยยึดตามลักษณะของพวกมัน หากแยกรายละเอียดออกก็สามารถแบ่งได้อีกห้าธาตุ นั้นคือ โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ และดิน

การสร้างยันต์ใด ๆ ก็ตามไม่อาจหลีกหนีจากหยินหยางหรือธาตุทั้งห้าได้ กระทั่งยันต์พื้นฐานก็ไม่มีข้อยกเว้น

การเรียนรู้โครงสร้างของอักขระยันต์เริ่มต้นจากยันต์พื้นฐาน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ยันต์พื้นฐานทุกประเภทเป็นตัวแทนของโครงสร้างอักขระยันต์ ในขณะที่ยันต์พื้นฐานมีความแตกต่างกันตามธาตุทั้งห้า และโครงสร้างของแต่ละธาตุก็ต่างกัน อาจกล่าวได้ว่ามีโครงสร้างมากมายนับไม่ถ้วน

สิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ยันต์ที่สมบูรณ์แบบนั้นมีจำนวนนับล้าน และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความรู้เกี่ยวกับการสร้างยันต์พื้นฐานทั้งหมด

แต่ตราบใดที่สามารถวาดโครงสร้างอักขระยันต์ลงบนกระดาษยันต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นยันต์ระดับหนึ่ง การวาดอักขระยันต์ทั้งสองรูปแบบและปล่อยให้พวกมันส่งเสริมกันจะเรียกว่ายันต์ระดับสอง หากสามารถวาดโครงสร้างอักขระยันต์ทั้งเก้าบนกระดาษยันต์แผ่นเดียวและปล่อยให้พวกมันเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเรียกได้ว่าเป็นยันต์ระดับเก้า!

หลังจากเก้าก็หวนคืนสู่หนึ่ง

หากสามารถนำยันต์ระดับเก้าที่สมบูรณ์ทั้งสองแผ่นมาซ้อนทับกันและสร้างการเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน…

คนผู้นั้นจะถูกเรียกว่าปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระ และแผ่นยันต์ที่สร้างขึ้นโดยคนผู้นั้นจะมีค่ายกลขั้นต้นอยู่ภายใน

ยิ่งกว่านั้น เมื่อบรรลุถึงระดับของปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระแล้ว ก็สามารถจารึกโครงสร้างอักขระยันต์ต่าง ๆ ไว้บนวัตถุที่ใช้สำหรับค่ายกล เช่น ธงค่ายกล จานค่ายกล ศิลาค่ายกล ฯลฯ

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถใช้พลังของค่ายกลได้อย่างเต็มที่

สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยันต์อักขระหรือค่ายกล โครงสร้างของอักขระยันต์เป็นพื้นฐานและแก่นแท้ของการสร้างยันต์อักขระ

เต๋าแห่งยันต์อักขระเป็นการควบคุมโครงสร้างของอักขระยันต์ เพื่อพัฒนาความลึกซึ้งของสวรรค์และโลก มันเป็นส่วนหนึ่งของมหาเต๋า

นับจากสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่ใช้เต๋าแห่งยันต์เพื่อบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์!

ความเข้าใจของเฉินซีเกี่ยวกับเต๋าแห่งสวรรค์ได้บรรลุขอบเขตเต๋าแห่งการรู้แจ้งแล้ว และเชี่ยวชาญเต๋าแห่งสายลมได้อย่างถ่องแท้ ควบคู่ไปกับดวงวิญญาณของเขาได้ทำจินตภาพถึงรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีอยู่ทุกวัน

ความเข้าใจของเขาที่มีต่อเต๋าแห่งยันต์อักขระ ได้ก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดดโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากสักเท่าไร และคงใช้เวลาอีกไม่นานที่จะกลายเป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระ

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดก็คือความเข้าใจในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ทำให้เข้าใจความลึกซึ้งและสามารถเชี่ยวชาญในแก่นแท้ของวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพได้อย่างง่ายดายในขณะที่บ่มเพาะอยู่

เช่นเดียวกับเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อการขัดเกลากายาบรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นที่สองกับอักขระจ้าววิญญาณขั้นพฤกษาที่สองอันคลุมเครือและหนาแน่นแต่ก่อน กลับสามารถควบแน่นได้อย่างง่ายดายในตอนนี้

ความรู้สึกที่ปราศจากอุปสรรคยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำจนทุกวันนี้

อักขระจ้าววิญญาณนั้นช่างลี้ลับและลึกซึ้ง ราวกับว่าพวกมันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่นี่คงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสวรรค์และโลกหรือ?

ด้วยความรู้เช่นนี้เป็นรากฐาน ไม่ว่าจะเป็นการขัดเกลากายาหรือการบ่มเพาะฝ่ามือมหาดาราอย่างไร เฉินซีก็ได้ใช้ความรู้เกี่ยวกับเต๋าแห่งยันต์อักขระเพื่อไตร่ตรองและทำความเข้าใจโดยไม่รู้ตัว มันทำให้เขาเข้าใจความลึกซึ้งของมันมากขึ้น

คำถามมากมายที่ติดค้างอยู่ในใจก็ได้รู้แจ้งในทันที และเส้นทางแห่งการบ่มเพาะก็ถูกยกระดับขึ้น

ผลประโยชน์จากความก้าวหน้าในเต๋าแห่งยันต์อักขระไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นี้

ในขณะที่ขัดเกลาค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแส และบ่มเพาะเคล็ดวาตะลอยละล่อง มันได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าตกตะลึง ทั้งยังทำให้ความรู้ความเข้าใจในเต๋าแห่งกระบี่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

อานุภาพของค่ายกลกระบี่และเคล็ดวิชากระบี่ ยามที่เขาใช้ออกไปก็ทรงพลังมากขึ้นเช่นกัน

ตามคำกล่าวที่ว่า …จงเรียนรู้สิ่งหนึ่งและเจ้าจะสามารถสรุปส่วนที่เหลือได้

บุคคลผู้ยิ่งใหญ่บางคนในสมัยโบราณได้เข้าใจเต๋าแห่งการรู้แจ้งนับพันนับหมื่น และในท้ายที่สุดก็นำเต๋าแห่งการรู้แจ้งทั้งหมดมารวมกันเพื่อทำความเข้าใจอย่างละเอียด ก่อนที่จะหลอมรวมพวกมันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้พวกเขาเข้าใจความลึกซึ้งขั้นสุดท้ายของสวรรค์และโลก จากนั้นก็บรรลุไปสู่มหาเต๋า!

ในปัจจุบัน เฉินซีเชี่ยวชาญเต๋าแห่งสายลมเพียงอย่างเดียว ความเข้าใจต่อเต๋าแห่งยันต์อักขระกับเต๋าแห่งกระบี่ยังคงน้อยนิดเท่านั้น เส้นทางของชายหนุ่มผู้นี้ยังคงอีกยาวไกล…

แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยอายุกับความแข็งแกร่งในยามนี้ แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มอัจฉริยะ ตัวตนของเขากลับทรงพลังยิ่งกว่า ชายหนุ่มไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์สายตรงของนิกายโบราณเลยแม้แต่น้อย และถือว่าเหนือกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ!

ในวันนี้ เฉินซีตื่นจากการทำสมาธิและเงยหน้ามองดูกำแพงหินที่อยู่ใกล้เคียง ที่ถูกสลักด้วยลายเส้นไว้ซึ่งแสดงถึงวันเวลา

หนึ่งปีครึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดั่งคำโบราณที่กล่าวไว้ กาลเวลาเปรียบเหมือนกระสวยที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และมีเพียงคำอธิบายดังกล่าวเท่านั้นที่สามารถอธิบายร่องรอยของแก่นแท้ของมหาเต๋าแห่งกาลเวลาได้

เช่นเดียวกับปรมาจารย์เคหาบ่มเพาะ เขาได้เชี่ยวชาญมหาเต๋าแห่งกาลเวลาขั้นสูงสุดอย่างแน่นอน จึงสามารถควบคุมการเวลาให้ย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ในอดีตหรือเปลี่ยนแปลงความเร็วของกระแสแห่งกาลเวลาได้

…เฉินซีถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะลุกยืนขึ้น ร่างสูงโปร่งดูสง่างามยิ่งขึ้น ชายหนุ่มแลดูผ่อนคลายและไร้ความกังวล กาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้กับเขา ใบหน้าที่หล่อเหลานี้ยังคงเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]