บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 111

บทที่ 111 ต้านทานเพียงลำพัง
บทที่ 111 ต้านทานเพียงลำพัง

ฟิ้ววว!

กระบี่บินแปรเป็นกระบี่บินถึงห้าเล่มขณะทะยานฝ่าไปในท้องฟ้า

กระบี่บินที่ปรากฏล้วนมีสีสันต่างกันประกอบด้วยสีแดง สีเขียว สีคราม สีเหลืองและสีม่วง หลังจากทะยานออกไป กระบี่ได้ก็แปรขบวนเป็นค่ายกลบงกชห้าสีลอยอยู่กลางอากาศทันที ทั้งปลดปล่อยกลิ่นอายพิฆาตอันน่าสะพรึงกลัวกระจายวาบ มีเสียงกรีดแหลมเกิดขึ้นในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ทั้งเศษกระดูก โต๊ะ ม้านั่งและเสาหินที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ถูกทำลายกลายเป็นฝุ่นผง

ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องโถงที่แต่เดิมว่างโล่งกลายเป็นภาพของนรกน่าสยองขวัญสั่นประสาท เสียงโหยหวนของกระบี่ที่แหลมคมเสียดแทงแก้วหูดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ประหนึ่งเสียงคร่ำครวญของภูตผีฟังดูวังเวงอย่างน่าเหลือเชื่อ

“กระบี่ผสานปัญจอสุรี!” ความตกตะลึงฉายวาบในแววตาของหลิงไป๋ทันทีที่เห็นค่ายกลบงกชห้าสี ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความขึ้งโกรธ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินนายเก่ากล่าวถึงผู้ฝึกเต๋าวิถีมารที่มีการฝึกทักษะกระบี่ชนิดนี้ มันถูกขัดเกลาขึ้นจากวิญญาณพยาบาทของคนที่ตายพร้อมกับกิเลสห้าประการ โกรธ ทะนงตน ปรารถนา ริษยาและอวิชชา

กระบี่ทุกชนิดต้องใช้วิญญาณห้าหมื่นดวงนำมาขัดเกลาเป็นกระบี่มารทั้งห้าเล่ม และเมื่อมารวมกันก็จะได้กระบี่ผสานปัญจอสุรี เมื่อใดที่ขัดเกลากระบี่สำเร็จจะสามารถกลั่นพลังเทพแห่งมาร ซึ่งเทียบได้กับสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ขั้นสุดยอด

เมื่อมองเห็นซูเหลิ่งใช้กระบี่นี้ แล้วจะไม่ให้หลิงไป๋รู้ได้อย่างไรว่ามีชีวิตที่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานแล้วถึงสองแสนห้าหมื่นชีวิตเพราะชายผู้นี้!

“เฉินซี ปล่อยให้ข้าจัดการทางนี้เอง!” หลิงไป๋ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดสุดเสียงก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉับพลันนั้นเองพลังนิพพานที่ปกคลุมอยู่รอบร่างกายได้แผ่กระจายไป จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ ที่มีความกว้างกว่าสิบจั้งฟาดลงไปยังเบื้องล่างอย่างรุนแรง!

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด เฉินซีก็เคลื่อนไหวไปทางซูติงอี้กับพวกที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระบี่ท่องปรภพทั้งแปดที่ลอยละล่องไปมาเหมือนรอจังหวะที่จะตอบโต้อยู่แล้ว

ไม่ว่าหลิงไป๋หรือเฉินซีก็มีปฏิกิริยาตอบสนองฉับไวเหมือนกับว่าได้ตกลงกันมาก่อน และทันทีที่ซูเหลิ่งออกคลื่อนไหว พวกเขาก็เลือกคู่ต่อสู้ของตัวเองตามความถนัดได้โดยปริยาย

นี่แหละคือการต่อสู้!

การต่อสู้ที่ชี้เป็นชี้ตาย!

ไม่มีเวลาพูดพล่ามทำเพลง ไม่มีเวลาคิดพิจารณา มันคือบททดสอบประสบการณ์ในการต่อสู้ รวมทั้งความรวดเร็วในการตอบสนอง การออกตัวช้าไปเพียงก้าวเดียวอาจหมายถึงทั้งชีวิต!

หลิงไป๋นั้นเมื่อได้หลอมรวมกับกระบี่ไผ่ทองคำนิล พลังบ่มเพาะก็เทียบได้กับพลังขอบเขตเคหาทองคำทีเดียว อีกทั้งภายในยังมีกระบี่แดนนิพพานขั้นสูง เมื่อต้องประมือกับซูเหลิ่งที่มีพลังขอบเขตเคหาทองคำ เขาจะไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน

และข้าจะต้องจัดการกับพวกซูติงอี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นค่อยไปช่วยหลิงไป๋จัดการกับซูเหลิ่ง! เวลานี้เฉินซีรู้สึกว่าเจตนาสังหารพลุ่งพล่านขึ้น และตั้งใจแน่วแน่ที่จะยุติการต่อสู้ให้จบเร็วที่สุด

ฆ่ามัน!

เสียงกระบี่ท่องปรภพแปดเล่มครางกระหึ่มดังกังวาน ขณะที่กลายเป็นธารประทีปเจิดจ้า แรงกระเพื่อมดั่งกระแสน้ำที่ซัดสาดในยามพุ่งเข้าหาซูติงเยวี่ยนผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุด

กระนั้นพวกซูติงอี้ทั้งหกก็ตอบสนองรวดเร็วไม่ต่างกัน พวกเขาหยิบสมบัติวิเศษของตัวเองออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นกระบี่บินเตรียมรับมือทันทีหากซูเหลิ่งถูกโจมตี

ทั้งหกคนเป็นผู้ฝึกบ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำทั้งสิ้น ถึงแม้พลังความแข็งแกร่งของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน แต่พวกเขาล้วนผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน ทำให้การร่วมมือร่วมใจในการต่อสู้เกิดขึ้นโดยปริยาย

ในเวลาที่เห็นเฉินซีพุ่งตัวเข้าจู่โจม สิ่งนี้ก็เป็นไปดั่งที่พวกเขาคาดเดาไว้ กระบี่บินฉีกท้องฟ้าทั้งหกเล่มพร้อมด้วยเสียงกรีดก้องดังสนั่นตามมา

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ทันใดนั้นพลังแห่งกระบี่ก็พุ่งทะยานออกไป กระบี่บินแต่ละเล่มมีความแตกต่างกัน ทั้งทรงพลังดั่งมังกร ทะยานดุจคลื่นลม เยือกเย็นประหนึ่งสายฝนหรือร้อนระอุดั่งเปลวเพลิง ขณะที่เหินทะยานในลักษณะสอดส่ายไขว้กันก็ปลดปล่อยลำแสงกระบี่ออกมามหาศาล เป็นกระแสธารกวัดแกว่งไปมาทั่วทุกทิศทาง และเมื่อทะยานเข้าฟาดฟันเฉินซีก็เปรียบเสมือนแหยักษ์จนยากที่ผู้ใดจะหลีกเลี่ยง

เจ้าเด็กนั่นตายแน่!

ซูติงอี้และคนอื่นมั่นใจในการร่วมมือในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ต่อให้ต้องสู้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง พวกเขาก็สามารถยืนหยัดได้ระยะหนึ่ง นับประสาอะไรกับเฉินซีที่มีพลังขอบเขตตำหนักอินทนิลที่ด้อยกว่ามากโข ฮ่า ๆ สังหารเจ้านี่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก!

ขณะนั้นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น…

บัดนี้ร่างของเฉินซีที่มีกระบี่ท่องปรภพแปดเล่มห้อมล้อม พลันพุ่งเข้าปะทะกับลำแสงกระบี่เหล่านั้นอีกด้วย ร่างของชายหนุ่มนั้นรวดเร็วยิ่งยวดจนเกือบจะมองเห็นแค่เงาโปร่งแสง แทบเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกับสายลม เขาเคลื่อนตัวกลับไปกลับมาระหว่างช่องว่างเล็ก ๆ ของลำแสงกระบี่มากมาย และมุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูงสุด!

“รวดเร็วอะไรเช่นนี้!”

“เต๋าแห่งสายลม!”

“ทักษะนี้มันคืออะไรกันแน่”

ม่านตาของพวกซูติงอี้หดเกร็ง กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวช้าลงแต่อย่างใด ต่างคนต่างควบคุมกระบี่บินฟาดลงไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง มันถาโถมลงมาดั่งพายุ ทำให้เกิดลำแสงกระบี่หนาแน่นขึ้น

ฟู่! ฟู่!

สิ่งนั้นทำให้บนร่างกายของเฉินซีปรากฏรอยบาดแผลฉกรรจ์ กระทั่งโลหิตสดไหลซึมออกมา!

เจ้าโง่! คิดหรือว่าการเข้าถึงเต๋าแห่งสายลมแล้วจะใช้ความเร็วของตัวเองตั้งหน้าบุกตะลุยเข้ามาได้ เจ้ารนหายที่ตายเอง!

ซูติงอี้และพวกมองเห็นเช่นนั้นจึงพากันเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย แต่ต่อมาก็ได้เห็นกับตาว่าร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเฉินซี กลับฟื้นคืนสภาพเดิมจนแทบไม่เหลือร่องรอย ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพลวงตา

ความสามารถในการสร้างแขนขาขึ้นได้ใหม่… เจ้าหนุ่มคนนี้มันใช้ทักษะแปรสภาพกายาขอบเขตตำหนักอินทนิลจริง ๆ!

“ตายเสียเถอะ!” ทันใดนั้นเฉินซีก็เข้ามาประชิดข้างตัวซูติงเยวี่ยน อีกทั้งกระบี่ท่องปรภพได้ก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสขั้นหนึ่ง พร้อมฟาดลงไปยังคนที่อยู่เบื้องหน้าโดยตรง

“ปราการแยกภูผาทลายฟ้าดิน” ซูติงเยวี่ยนไม่คาดคิดเลยว่าจู่ ๆ เฉินซีจะฝ่าวงล้อมเข้ามาประชิดตัวเองจริง ๆ ทว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ว่องไวยิ่งนัก ทันใดนั้นปราการใหญ่ที่มีความสูงกว่าหนึ่งจั้งก็ปรากฏต่อหน้าคนผู้นั้น พร้อมเสียงระเบิดดังอึกทึกขึ้นมาทันที

เหนือปราการประหลาดมีอักขระยันต์ปกคลุมและได้ปลดปล่อยแสงสีเหลืองหม่นแผ่ซ่านออกไป ด้วยพลังภูตผีทุกข์เข็ญที่สิงสถิตอยู่ข้างใน เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้คือสมบัติวิเศษอันน่าเกรงขามพร้อมกับอำนาจป้องกันอย่างน่าตกใจ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหนือความคาดหมายของซูติงเยวี่ยนคือแปดกระบี่ท่องปรภพพร้อมใจกันหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน จากนั้นก็พุ่งเป้าไปที่ซูติงหลงด้วยเสียงดังเสียดหู

“เจ้านั่นมันฉลาด มันรู้แก่ใจว่าไม่มีทางเคลื่อนย้ายพลังอำนาจแห่งปราการแยกภูผาทลายฟ้าดินของข้าได้… อ๊ากกกกก!” พลันกระแสแห่งความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่จิตวิญญาณของซูติงเยวี่ยน มันทวีความรุนแรงขึ้นไปถึงศีรษะ ขณะเดียวกันเจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว

“ระวัง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]