บทที่ 1127 อสรพิษหมอกโลหิต
บทที่ 1127 อสรพิษหมอกโลหิต
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดดำมืด ผู้มีเบ้าตาลึก นัยน์ตานกอินทรี และคิ้วคมดั่งดาบ แผ่กลิ่นอายเย็นชาและเข้มงวด เขาเป็นผู้นำรุ่นเยาว์ของตระกูลจั่วชิว จั่วชิวอิน
เมื่อได้ยินคำสั่งของชายหนุ่ม เจียงจูหลิวและอินเหมียวเมี่ยว ก็เหลือบมองกันและกันก่อนที่จะพยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไป
“พี่อิน เด็กคนนั้นอยู่ในอันดับที่เก้าในการทดสอบรอบแรก ข้าเกรงว่าการจัดการกับมันคงไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลังจากที่เจียงจูหลิวและอินเหมียวเมี่ยวจากไป ชายหนุ่มร่างเตี้ยและอ้วนข้างจั่วชิวอิน ก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น “สมาชิกตระกูลจั่วชิวของเรา ทั้งหมดเจ็ดสิบหกคนล้วนติดหนึ่งในพันอันดับแรก แต่มีเพียงสิบหกคนเท่านั้นที่ติดในร้อยอันดับแรก และทุกครั้งที่มีคนหายไป ก็เท่ากับสิทธิ์เข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของตระกูลจั่วชิวเราลดลงไปหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เราต้องจัดการอย่างระมัดระวัง”
จั่วชิวอินพูดอย่างเฉยเมย “พี่สิบสามมิต้องกังวล คนตระกูลจั่วชิวที่สอนในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว เราแค่ต้องดำเนินการตามสถานการณ์เท่านั้น แน่นอนว่าเงื่อนไขเบื้องต้นคือการรับประกันว่าศิษย์ของตระกูลจั่วชิวทุกคน จะผ่านการทดสอบรอบที่สอง”
ในขณะที่พูด จั่วชิวอินก็เหลือบมองไปยังศิษย์ของตระกูลจั่วชิวทุกคน ที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นชายหนุ่มก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพูดว่า “ไปได้แล้ว!”
ทันใดนั้นกลุ่มศิษย์ของตระกูลจั่วชิวก็เข้าไปในประตูลึกลับอย่างพร้อมเพรียง
…
“โอ๊ย เจ็บจัง พี่ใหญ่หลิงหลงขอให้เราดูแลเฉินซี นางไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำว่านอกจากพี่ใหญ่อวี่ชงแล้ว ไม่มีใครในตระกูลมู่ของเราที่มีอันดับสูงกว่าสหายผู้นี้เลย” ในอีกด้านหนึ่ง มู่เซียวหลิวขมวดคิ้วอย่างขมขื่น เขามองไปที่ชายหนุ่มในชุดเขียวเข้มข้าง ๆ จากนั้นส่ายหัวและถอนหายใจยาวเหยียด
ชายหนุ่มในชุดสีเขียวเข้มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาและบรรยากาศอ่อนโยน ผู้นี้คือ มู่อวี่ชง ผู้รั้งอยู่ในอันดับที่เจ็ด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ผู้อาวุโสมักจะรู้สึกว่าตนเป็นหนี้หลิงหลงมากเกินไปอยู่เสมอ ก่อนที่เขาจะจากไป พี่ใหญ่จวินหลินก็ฝากดูแลหลิงหลงให้ดี ในเมื่อนางร้องขอเช่นนั้น เราก็เพียงได้แค่ทำตามที่นางบอก”
“อืม นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่เราจะทำได้ ลืมเรื่องนี้ไปซะแล้วเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ” มู่เซียวหลิวเม้มริมฝีปาก แล้วเดินไปทางประตูลึกลับ
มู่อวี่ชงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ชายหนุ่มชี้ไปที่ศิษย์ของตระกูลมู่ ที่อยู่ข้างเคียงก่อนจะตามมู่เซียวหลิวไป
…
ในเวลาไม่นาน ศิษย์ทุกคนที่ผ่านการทดสอบรอบแรกก็ได้เข้าสู่ประตูลึกลับนั่นไปทีละคน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หวังต้าวหลูก็สะบัดแขนเสื้อ ปล่อยคลื่นผันผวนไร้รูปร่างปิดตายประตูไว้อย่างสมบูรณ์ “พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่หรือ…”
ยังไม่ทันพูดจบ เซียนปราชญ์ทั้งหกก็พูดขึ้นพร้อมกัน “ใช่ เราจะอยู่ที่นี่”
หวังต้าวหลูชำเลืองมองทั้งหก จากนั้นส่ายหัว “ในความคิดของข้า ครั้งนี้โอกาสของพวกเจ้ามีไม่มากนัก คนรุ่นเยาว์ในปีนี้โดดเด่นมากกว่าปีก่อน ๆ นัก ข้าเกรงว่าพวกเขาจะดึงดูดความสนใจของผู้เฒ่าคนอื่น ๆ ในสำนักศึกษาไปหมดแน่”
เซียนปราชญ์ทั้งหกตกตะลึง แต่ถึงอย่างไรก็ยังตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ
เห็นเช่นนั้น หวังต้าวหลูก็รู้ว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ จึงไม่พูดสิ่งใด พลางส่ายหัวและหันหลังจากไป
อันที่จริง ชายวัยกลางคนก็ต้องการที่จะรั้งอยู่เช่นกัน ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถเห็นเด็กที่โดดเด่นที่สุดในการทดสอบรอบที่สองเป็นคนแรกได้ และมันก็จะสะดวกที่จะรับพวกเขามาอยู่ภายใต้การควบคุมของตน
น่าเสียดายที่หวังต้าวหลูเพิ่งรับศิษย์สายตรงเมื่อไม่นานมานี้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
…
ที่จัตุรัสหน้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เมื่อศิษย์คนสุดท้ายเข้าสู่แดนโลหิต กำแพงลอยแห่งแสงก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในทันที
ทันใดนั้น แถวรายชื่อก็ปรากฏขึ้น
เจิ่นลู่ สองพันแต้มดารา
จี้เซวียนปิง หนึ่งพันแต้มดารา
จ้าวเมิงลี่ หนึ่งพันแต้มดารา
ชื่อบนกำแพงลอยแห่งแสงกระจายตามการจัดอันดับเมื่อสิ้นสุดการทดสอบรอบแรก และที่ด้านหลังชื่อคือ แต้มดาราที่พวกเขาครอบครอง
หลังจากการทดสอบรอบที่สองเริ่มขึ้น จำนวนแต้มดาราก็จะสะท้อนถึงผลงานในแดนโลหิตของศิษย์คนนั้นโดยตรง
ในทางกลับกัน ถ้าชื่อของใครจางลง แสดงว่าคนคนนั้นถูกกำจัดไปแล้ว
ในรอบแรกของทดสอบรอบที่สอง มีสามร้อยคนถูกคัดออก แต่มันไม่ได้หมายความว่าการทดสอบจะสิ้นสุดลง ผลลัพธ์สุดท้ายขึ้นอยู่กับจำนวนแต้มดาราที่ศิษย์คนนั้นได้รับภายในแดนโลหิต
ยิ่งแต้มดาราสูงก็ยิ่งดีต่อการจัดอันดับ ผลลัพธ์เหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับโดยรวมหลังจากการทดสอบทั้งสามรอบสิ้นสุดลง
“มันเริ่มแล้ว!”
“ครั้งนี้ การทดสอบเป็นการต่อสู้นองเลือดจริง ๆ สภาพแวดล้อมซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา พวกเจ้าไม่เพียงแต่จะสามารถลอบโจมตีและใช้ยาพิษได้เท่านั้น แต่ยังสามารถรวมพลังกับกองกำลังอื่น ๆ เพื่อต่อสู้ร่วมกันได้อีกด้วย มันเป็นสนามรบที่แท้จริงซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ”
“แน่นอนว่า สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้จับสัตว์อสูรจักรวาลและผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพจำนวนมากไว้ ก่อนที่จะเนรเทศพวกเขาไปยังแดนโลหิต ดังนั้นในการทดสอบนี้ ไม่เพียงแต่จะต้องระวังคู่แข่งรายอื่นเท่านั้น แต่ยังต้องตื่นตัวระมัดระวังการโจมตีของสัตว์อสูรจักรวาล และผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่มีอยู่ทั่วแดนโลหิตด้วย”
ที่ด้านหน้าของจัตุรัส ฝูงชนที่จ้องมองแถวชื่อบนกำแพงลอยแห่งแสง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...