บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 115

บทที่ 115 การต่อสู้ท่ามกลางป่าลึก
บทที่ 115 การต่อสู้ท่ามกลางป่าลึก

เรือเหาะสมบัติได้บดขยี้มวลเมฆบนท้องฟ้าขณะที่บินไปทางเหนือด้วยความเร็วสูง

เฉินซียืนอยู่ที่หัวเรือ ในมือถือน้ำเต้าสุราและยกขึ้นจิบอยู่เป็นระยะ ๆ เรือนผมยาวปลิวไสวตามสายลม ดูเหมือนเป็นอิสระและปราศจากการผูกมัด เขาไม่ใช่ชายหนุ่มอ่อนแอที่สงบเสงี่ยมอีกต่อไป

‘ท่านปู่ได้รับการแก้แค้นแล้ว เป้าหมายต่อไปคือตระกูลซู…’ หัวใจของเฉินซีเต้นเป็นจังหวะขณะที่นึกไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว การทำลายล้างตระกูลหลี่ไม่ได้ทำให้เขาคลายความระมัดระวัง เนื่องจากตระกูลหลี่เป็นเพียงลูกกระจ๊อกที่มีตระกูลซูคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง!

เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดตระกูลซูถึงส่งผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำมาเพื่อฉีกสัญญาการแต่งงานของเขาเมื่อตอนที่อายุสี่ขวบ

…และยังไม่เข้าใจว่าไยตระกูลซูถึงสั่งให้ตระกูลหลี่ดูหมิ่นเขา อีกทั้งยังมาคอยสร้างความยากลำบากให้ตลอด มิหนำซ้ำยังฆ่าปู่ของเขาและทำให้มือขวาของเฉินฮ่าวต้องพิการ

‘ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนี้คืออะไร? มันเกี่ยวข้องกับการทำลายล้างตระกูลเฉินของข้าหรือไม่?’

เฉินซียังคงจำสิ่งที่ผู้เป็นมารดาจั่วชิวเสวี่ยเคยบอกไว้ได้อย่างชัดเจน นางถูกลุงของเขาพาตัวไป เนื่องจากตระกูลจั่วชิวไม่เห็นด้วยกับการที่นางจะแต่งงานกับพ่อของเขา เพื่อประโยชน์ในการลบล้างความอัปยศและเพื่อให้ได้เคหาที่อยู่ในจี้หยกที่มารดาเหลือทิ้งไว้ ตระกูลเฉินจึงได้กลายเป็นเครื่องสังเวยรายสุดท้าย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตระกูลจั่วชิวที่มารดาจากมาเป็นหนึ่งในฆาตกรทำลายล้างตระกูลเฉินทั้งหมด!

เหตุนี้จึงเป็นความบาดหมางที่ไม่อาจแก้ไข!

โชคดีที่จั่วชิวเสวี่ยได้ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลจั่วชิว และชดใช้ด้วยค่าตอบแทนที่เหมาะสม แต่ตระกูลจั่วชิวก็ไม่มีวันปล่อยนางไป…

เป็นเพราะเหตุนี้เอง เฉินซีจึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อหาทางแก้แค้นตระกูลจั่วชิว แต่ประเด็นสำคัญคือแม่ของเขาถูกพรากไป!

ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางจะทอดทิ้งเขาที่ยังเด็กกับน้องชายที่ยังเป็นทารกอยู่หรือ?

นางจะไม่ทำเด็ดขาด!

เซียนสวรรค์… เหตุใดข้าต้องกลายเป็นเซียนสวรรค์ก่อนถึงจะมีโอกาสได้พบมารดาอีกครั้ง? เป็นไปได้หรือไม่ว่าพลังของตระกูลจั่วชิวนั้นน่าสะพรึงกลัวกว่าเซียนสวรรค์?

เฉินซีครุ่นคิดถึงคำถามนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังไม่พบคำตอบ แม้จะผ่านไปเนิ่นนาน บางทีคำถามทั้งหมดนี้จะกระจ่างได้ก็ต่อเมื่อบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้น

“เฮ้ เฉินซี เจ้าอยากเข้าร่วมการประลองจัดอันดับมังกรซ่อนจริง ๆ หรือ?” ห่างออกไป หลิงไป๋น้อยผู้มีความสูงสี่ชุ่นกำลังขี่ไป๋คุยที่มีขนาดเท่ากำปั้นบินไปมา

เจ้าตัวเล็กทั้งสองมีนิสัยชอบกินสมบัติวิเศษและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสหายเก่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ก็สนิทสนมกลมเกลียว และนี่คือมิตรภาพระหว่างคนตะกละ

“ใช่ ข้าต้องการเข้าร่วมอย่างแน่นอน” เฉินซีพยักหน้า การท่องไปรอบ ๆ โลกแห่งการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง หากสามารถเข้าร่วมนิกายได้แล้วละก็ มันย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

การบ่มเพาะไม่สามารถหลีกหนีจากหลักคำสี่คำนั้นคือ ความมั่งคั่ง มิตรสหาย เคล็ดวิชา และสถานที่บ่มเพาะได้

ความมั่งคั่งย่อมหมายถึง โอสถ วารีวิญญาณ วัตถุวิญญาณ สมบัติวิเศษ และสิ่งอื่น ๆ เช่นเงินทองในโลกมนุษย์ หากไม่มีพวกมันก็คงทำอะไรได้ยาก

มิตรสหายนั้นไม่ได้เป็นแค่เพียงคู่บำเพ็ญเพียร แต่ยังเป็นศิษย์พี่หรืออาจารย์ ยังรวมถึงผู้ที่คอยชี้นำเส้นทางที่ถูกต้อง หรืออาจจะเป็นศิษย์พี่ชายหรือศิษย์น้องหญิงที่คอยช่วยแก้ปัญหา ที่ทำให้สับสนในระหว่างการบ่มเพาะ ดังคำกล่าวที่ว่า …การบ่มเพาะอย่างขมขื่นเป็นเวลาสิบปีนั้นด้อยกว่าคำแนะนำคำเดียวของอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ และเมื่อคนทั้งสามเดินไปในเส้นทางเดียวกัน หนึ่งในสามคนนั้นย่อมเป็นครูของอีกคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน

เคล็ดวิชาหมายถึง เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ เคล็ดวิชาการต่อสู้ พลังอิทธิฤทธิ์ และอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะทุกคนต้องมี

สถานที่บ่มเพาะหมายถึง ภูเขาเซียน เส้นชีพจรวิญญาณ และแดนเซียนศักดิ์สิทธิ์ การบ่มเพาะในสถานที่ที่มีปราณวิญญาณมากมายนั้นย่อมดีกว่าการบ่มเพาะในพื้นที่ทั่วไปนับร้อยนับพันเท่า

หากสามารถเข้าร่วมกับนิกายได้ มันจะเทียบเท่ากับการครอบครองความมั่งคั่ง มิตรสหาย เคล็ดวิชา และสถานที่ได้ในเวลาเดียวกัน และนี่คือประโยชน์ของการเข้าร่วมนิกาย

ผู้บ่มเพาะคนใดในโลกจะไม่ต้องการหลุดพ้นจากการเป็นผู้บ่มเพาะไร้สังกัด และคว้าเอาโอกาสเพื่อเป็นศิษย์ของนิกายกัน?

“โอ้ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หลังจากที่เข้าร่วมกับนิกายแล้ว หากมีผู้ใดสร้างปัญหาให้แก่เจ้า ผู้อาวุโสในนิกายย่อมเป็นคนแรกที่ไม่ยินยอม” หลิงไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เพียงแค่นั้น หลังจากที่เข้าร่วมนิกายแล้ว ข้าสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาต่าง ๆ ได้มากมาย และเป็นไปได้ที่จะได้รับพลังอิทธิฤทธิ์บางอย่างมา ยิ่งไปกว่านั้นวิสัยทัศน์ยังกว้างไกลมากกว่าแต่ก่อน”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เฉินซีก็หัวเราะเยาะเย้ยตนเอง “ในอดีต ข้ารู้สึกว่าเมืองหมอกสนช่างยิ่งใหญ่ และผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นช่างน่าอัศจรรย์ แต่ตอนนี้คนเหล่านั้นกลับดูธรรมดา หากข้าอยากจะพัฒนาความแข็งแกร่ง ข้าควรออกไปท่องโลกที่กว้างใหญ่ให้มากขึ้น”

“กล่าวได้ดี!” หลิงไป๋ปรบมือกล่าวชมเชย “เมื่อหลายปีก่อน อาจารย์ของข้าก็เป็นเช่นนี้ หยิ่งทะนง แข็งกร้าว ไม่พอใจกับสภาวะของตน และเพื่อเต๋าแห่งกระบี่ ยังมีสถานที่อันตรายใดบ้างที่เขาไม่ได้ไป?”

เฉินซียิ้มเมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยยกประสบการณ์ขึ้นมาเพื่อชื่นชม และเขาก็ยื่นมือออกไปลูบหัวเล็ก ๆ ของหลิงไป๋ จากนั้นกล่าวว่า “เห็นว่ากล่าวถึงอาจารย์ของเจ้าตลอดเวลา เขาเป็นใครกันแน่?”

หลิงไป๋ส่ายศีรษะ “ข้าไม่อาจบอกได้ เพราะถ้าเจ้ารู้ หายนะครั้งใหญ่จะอยู่ไม่ไกลตัวเจ้า”

เฉินซีไม่ได้บังคับหลิงไป๋อีกต่อไป เนื่องจากตอนนี้เจ้าตัวเล็กได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมากับเขา

หลิงไป๋ทำสิ่งนี้เพื่อปกป้องเขาอย่างแน่นอน และเขาสามารถเข้าใจมันได้

ฟิ้ว!

เรือเหาะสมบัติแล่นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และเจ็ดวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ยิ่งอยู่ใกล้เมืองทะเลสาบมังกรมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งเห็นผู้บ่มเพาะมากขึ้นเท่านั้น มีทั้งผู้ที่ขี่ม้าหรือนกกระเรียนศักดิ์สิทธิ์ บ้างก็ยืนอยู่บนกระบี่บิน และบางคนนั่งอยู่บนเรือเหาะสมบัติเช่นเดียวกับเฉินซี

และยังเห็นผู้บ่มเพาะที่เหยียบกงล้อเพลิง อีกทั้งความเร็วของมันก็รวดเร็วยิ่งนัก จนทำให้ผู้พบเห็นต่างทอดถอนใจไม่รู้ตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]