ฟู่!
โลหิตพวยพุ่งไปทั่วท้องฟ้า ดวงตาของชายผู้นั้นเบิกโพลงด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะจดจ้องไปยังชายหนุ่มที่จู่ ๆ ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า เขาไม่อยากเชื่อและไม่ยินยอม… แต่ในท้ายที่สุดก็ล้มลงกับพื้นและขาดใจตาย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป มันแทบจะในพริบตา เมื่อชายร่างกำยำล้มลงไปกับพื้น ชายชุดขาวสองคนจึงได้สติจากอาการตกตะลึง
“เร็วมาก!”
“เป็นไปได้อย่างไร”
ขณะที่จ้องมองไปที่ร่างสูงที่ดูไม่ธรรมดาคนนี้ ใบหน้าของชายสองคนในชุดขาวก็ดำคล้ำ และสายตาฉายแววสับสน พวกเขาไม่อาจคาดเดาความแข็งแกร่งของเฉินซีได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ
ด้านข้างศิษย์พี่หญิงเริ่มรู้สึกตัวเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กวิ่งมาที่เบื้องหน้า นางก็รีบโผเข้ากอดเขาก่อนจะร้องไห้ออกมา
นางกลัวจริง ๆ นางไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรหากต้องสูญเสียน้องชาย และตอนนี้เมื่อเห็นเขาไม่เป็นอันตรายใด ความเดือดดาล ความคับข้อง และความเจ็บปวดในหัวใจก็พรั่งพรูออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลริน
“ท่านพี่ ข้าไม่เป็นไรแล้ว ท่านอย่าร้องไห้เลย” เด็กชายปลอบโยน
“อืม” หญิงสาวปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างลวก ๆ แล้วหันไปมองที่เกิดเหตุ
นางเห็นผู้ช่วยชีวิตตัวเองกับน้องชายเป็นชายหนุ่มรูปงาม ตรงเท้าของเขามีศิษย์ของพระราชวังข่ายดาราเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ และโลหิตยังคงหลั่งไหลออกมาจากคอไม่ขาดสาย
“ไอ้หนู บอกนามของเจ้ามา! กล้าดีอย่างไรถึงกล้าฆ่าน้องชายข้า รู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นศิษย์พระราชวังข่ายดารา?” ชายที่มีตาเรียวรีกล่าวอย่างเดือดดาล
“ถูกต้อง บอกนามของเจ้ามาซะ!” สหายของเขาตะโกนออกมาด้วยโทสะ
แม้ว่าท่าทางของทั้งสองจะมืดมนและดุร้าย น้ำเสียงดูแข็งกระด้าง แต่ภายในกลับอ่อนแอ เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของเฉินซีสร้างความกดดันต่อพวกเขามาก
“ผู้อาวุโส รีบหนีไปซะ พวกเขาเป็นศิษย์ของพระราชวังข่ายดาราจริง ๆ ท่านสังหารสหายของพวกเขา พระราชวังข่ายดาราย่อมไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่นอน” หญิงสาวร้องอย่างกระวนกระวายมาแต่ไกล
“อ๋อ พระราชวังข่ายดารา?” เฉินซีกล่าวด้วยความประหลาดใจและจมอยู่ในความคิด เขาจำได้ว่าไฉ่เล่อเทียนที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขาอย่างน่าอนาถก็เป็นศิษย์ของพระราชวังข่ายดาราเช่นกัน!
เมื่อเห็นเฉินซีตระหนกตกใจ ชายที่มีตาเรียวรีก็รู้สึกยินดีและยืดอกกล่าวอย่างถือดี “ฮึ่ม! กลัวแล้วหรืออย่างไร? จงคุกเข่าลงก้มหัวขอโทษโดยเร็ว และมอบสมบัติบางอย่างเพื่อแสดงความเคารพต่อพวกเราพี่น้อง แล้วเราจะปล่อยเจ้าไปในครั้งนี้ มิฉะนั้น…”
“อย่างอื่นล่ะ?” เฉินซียกยิ้มเจ้าเล่ห์
“มิฉะนั้น…” ชายที่มีตาเรียวรีตะลึงงัน เขารับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงตะคอกกลับ “อะไรนะ? เจ้ากล้าขัดขืนหรือ? เจ้าควรรู้ว่าพวกข้าเป็นศิษย์ของพระราชวังข่ายดารา ที่เป็นหนึ่งในแปดนิกายอันยิ่งใหญ่แห่งเมืองทะเลสาบมังกร คนที่ไร้การหนุนหลังเยี่ยงเจ้ากล้าที่จะต่อต้านพวกข้าอย่างนั้นหรือ?”
จู่ ๆ เฉินซีก็รู้สึกเบื่อหน่าย คนเหล่านี้แขวนคำว่า ‘พระราชวังข่ายดารา’ ไว้ข้างปากไม่ว่าจะกล่าวอะไร อย่างมากพวกมันก็เป็นเพียงเบี้ยที่อาศัยร่มเงาของนิกายรังแกผู้อื่น สุนัขที่หวังพึ่งพาการหนุนหลังจากนิกาย และพวกมันก็เป็นคนเช่นเดียวกับไฉ่เล่อเทียน ที่มักอ้างนามของบรรพชนเพื่อข่มเหงคนอื่นเสมอ
สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือในฐานะศิษย์ของพระราชวังข่ายดารา คนสามคนนี้กลับกระทำเรื่องต่ำช้าเช่นการข่มขืน ถ้าเขาไม่รีบมา พี่น้องคู่นี้จะไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกมันหรอกหรือ?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เฉินซีก็ไม่มีอะไรจะกล่าว และด้วยการเอ่ยคำสั่งในใจ กระบี่ท่องปรภพก็พุ่งออกไปอย่างรุนแรงราวกับสายฟ้า
ฟึบ! ฟึบ!
ชายชุดขาวสองคนนี้มีเพียงการบ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิด ดังนั้นจะเป็นคู่มือของเฉินซีได้อย่างไร? พวกมันถูกฆ่าด้วยกระบี่ท่องปรภพก่อนที่จะทันได้ตอบโต้ด้วยซ้ำ จนกระทั่งตายไปก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฉินซีถึงลงมือ
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่รู้ว่าพวกมันเป็นศิษย์พระราชวังข่ายดารา และการที่ลงมือฆ่าพวกมันจะทำให้พระราชวังข่ายดาราเป็นศัตรูกับตนเอง?
หากคนพวกนี้รู้ว่าเฉินซีฆ่านายน้อยไฉ่เล่อเทียนที่เฝ้าเคารพบูชานักหนา พวกมันจะตายตาหลับหรือไม่?
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตพวกเรา” หญิงสาวจับมือน้องชายคนเล็กและกำลังจะคุกเข่าเพื่อกราบไหว้ แต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยพลังไร้ลักษณ์
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี เจ้าสามคนนี้น่ารังเกียจ ไร้ยางอาย และกระทำผิดศีลธรรม พวกมันได้สิ่งที่สมควรได้รับแล้ว” เฉินซียิ้มและโบกมืออย่างสบาย ๆ
ปัง!
เปลวไฟปรากฏขึ้นจากอากาศในบริเวณโดยรอบ ศพทั้งสามบนพื้นดินถูกเผาจนไม่เหลือซากในทันที
พี่น้องคู่นี้ตกตะลึงอยู่ในใจ เมื่อเห็นเฉินซีมีท่าทางเฉยเมยและเผาศพอย่างใจเย็นเพื่อทำลายหลักฐานต่อหน้า แววตาสองคู่นี้ก็แฝงไปด้วยความเคารพ
“ข้าน้อยคือมู่เหยา ส่วนคนที่อยู่ข้าง ๆ คือมู่เหวินเฟยน้องชายคนเล็ก ข้าขอทราบนามของผู้อาวุโสได้หรือไม่” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เสียงของนางกระจ่างและไพเราะช่างรื่นหูน่าฟังยิ่งนัก
เฉินซีตกตะลึงมาก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหญิงสาวที่ผอมเพรียวจะมีน้ำเสียงที่ไพเราะและน่าดึงดูดเช่นนี้ ตอนนี้เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าถึงแม้เสื้อผ้าของมู่เหยาจะดูซอมซ่อ แต่รูปร่างหน้าตาช่างสวนทาง มันทั้งสง่าและงดงามราวกับดอกยี่หุบที่ยังเยาว์วัย และให้ความรู้สึกบริสุทธิ์ผุดผ่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่สว่างไสวราวกับดวงดารายามราตรีและมีเสน่ห์สุดจะพรรณนา เพียงได้ชำเลืองมองก็ต้องจมดิ่งลงไปในมนต์เสน่ห์
ไม่น่าแปลกใจที่ศิษย์ทั้งสามจากพระราชวังข่ายดาราจะปรารถนาในตัวนาง แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะมีอายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปี แต่รูปร่างหน้าตาดั่งสวรรค์สร้าง เฉินซีรู้สึกชื่นชมอยู่ไม่น้อย เขากล่าวว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าผู้อาวุโสหรอก อายุของข้าก็ไม่ได้มากไปกว่าเจ้าทั้งคู่ ข้าชื่อเฉินซีและกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองทะเลสาบมังกร”
“พี่ใหญ่เฉินซีกำลังจะไปที่เมืองทะเลสาบมังกรด้วยหรือ?” มู่เหวินเฟยกล่าวอย่างมีความสุข “พี่สาวกับข้าก็อยากไปเมืองทะเลสาบมังกรเหมือนกัน”
“อย่างนั้นหรือ” เฉินซีพยักหน้ารับ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าทั้งคู่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“พี่สาวกับข้าเดินเท้าออกจากเมืองทะเลสาบหิมะโปรยอยู่ครึ่งปีเต็ม เมื่อใกล้จะถึงจุดหมายกลับถูกเจ้าพวกระยำสามคนนั่นหยุดไว้เสียก่อน และพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีเข้าไปในป่าแห่งนี้” มู่เหวินเฟยคิ้วขมวดกล่าวอย่างโกรธเคือง
“พวกเจ้าทั้งคู่ออกเดินทางด้วยการเดินเท้าหรือ”
“ใช่แล้ว” มู่เหยาพยักหน้าและก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย “การบ่มเพาะของข้าและน้องชายนั้นตื้นเขิน ดังนั้นจึงทำได้เพียงแต่เดินเท้าเท่านั้น”
เฉินซีอ้าปากค้าง…
เท่าที่ทราบมา เมืองทะเลสาบหิมะโปรยอยู่ห่างจากเมืองทะเลสาบมังกรไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันลี้ มีเมืองเจ็ดหรือแปดเมืองและมีทิวเขาทอดยาวระหว่างเมืองทั้งสองมากมาย ภายในเทือกเขาเหล่านั้นมีสัตว์อสูรนานาชนิด เรียกได้ว่าอันตรายถึงขีดสุด
ในบรรดาพี่น้องคู่นี้ พี่สาวมีการบ่มเพาะที่ขอบเขตก่อกำเนิดและน้องชายยังคงติดอยู่ในขอบเขตสร้างรากฐาน หากต้องเผชิญกับการจู่โจมจากสัตว์อสูรก็เพียงพอที่จะฉีกทั้งสองเป็นชิ้น ๆ ในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...