บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 117

บทที่ 117 เข้าสู่สนามแข่งขัน
บทที่ 117 เข้าสู่สนามแข่งขัน

เมืองทะเลสาบมังกร

ห่างไปล้านลี้ในภูมิภาคตอนกลางของเขตแดนทางใต้ เป็นที่รวมของกองกำลังที่ยิ่งใหญ่แปดนิกาย สามสำนักและหกตระกูลใหญ่ กองกำลังเหล่านี้มีทั้งอำนาจและเป็นที่กักเก็บทรัพยากรมากมาย อีกทั้งมีความเก่าแก่ดำรงอยู่มาช้านาน

เนื่องจากเป็นที่ตั้งของกองกำลังขนาดใหญ่หลายแห่งอยู่ในเมืองเดียว คงจะจินตนาการได้ว่าอาณาเขตของเมืองนั้นจะกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด ระดับของความเลิศหรูอลังการจะสักแค่ไหน

เพียงแค่เฉินซีเดินเข้าประตูเมืองก็เห็นถนนอิฐเรียบเป็นเงาวับปราศจากเศษผงธุลี ทุกแห่งหนถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม อาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมเรียงรายเต็มไปหมด บนถนนที่กว้างกว่าร้อยจั้งคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกบ่มเพาะมากหน้าหลายตาที่หลั่งไหลไปทั่วทุกสารทิศ ทว่าไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าแออัดแต่อย่างใด

ร้านรวงภายในเมืองสูงใหญ่กว้างขวาง และแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมความงดงามอย่างยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งเกินกว่าสายตาจะกวาดมองได้ครบทุกร้าน

ที่นี่มีผู้บ่มเพาะเหลือคณานับ!

เวลานี้ญาณจิตของเฉินซีสังเกตเห็นว่า ตลอดทางที่เดินผ่านมามีผู้บ่มเพาะเคหาทองคำแล้วนับสิบคน แต่ละคนสวมเครื่องแต่งกายปักด้วยตราสัญลักษณ์หลากหลายแสดงให้เห็นว่ามาต่างกองกำลัง

อีกอย่างในจำนวนคนที่เดินสวนกันไปมา เฉินซีพบเห็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางที่ส่องประกายผ่านมาสักสองสามคน ผ้าคลุมที่สวมไว้สะบัดพลิ้วไปตามกระแสลมยิ่งเพิ่มความภูมิฐานและสง่างาม ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด คนที่พบเห็นจะให้ความเคารพนบนอบอย่างยิ่ง

ณ เมืองทะเลสาบมังกร ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางจัดว่ามีฐานะสูงส่งเป็นลำดับต้น ๆ มันแตกต่างกับเมืองหมอกสนที่จัดลำดับมาตรฐานสูงสุดไว้เพียงแค่ขอบเขตตำหนักอินทนิล ซึ่งเป็นพลังที่ด้อยกว่าขอบเขตเคหาทองคำ และไม่ต้องพูดถึงผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเลย!

เดินมาครึ่งวันเฉินซีก็ได้ประเมินเมืองนี้ไว้ในใจคร่าว ๆ ทันใดนั้นเองเขาก็ชะงักฝีเท้าและเอ่ยทักผู้บ่มเพาะพลังคนหนึ่งที่กำลังจะเดินเลยไป

“มีอะไร!” ผู้บ่มเพาะคนนี้เป็นหนุ่มน้อยรูปร่างกำยำ ซ้ำพลังก็ไม่ได้สูงกว่าขอบเขตตำหนักอินทนิลและคงอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดเท่านั้น แต่ตราสัญลักษณ์กระบี่ที่ติดอยู่บนผ้าคลุมนั่น บ่งบอกว่าเป็นศิษย์ของกองกำลังทรงพลังสักที่หนึ่ง

และเมื่อถูกเฉินซีรั้งไว้ คนผู้นั้นพลันชักสีหน้าไม่พอใจ ทว่าเขาก็รีบระงับโทสะลงทันที่เมื่อรับรู้พลังของเฉินซี

เป็นเพราะว่าเขาสามารถแยกแยะได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เหมือนจะมีกลิ่นอายในระดับที่ไม่แตกต่างกัน ทั้งยังให้ความรู้สึกดั่งห้วงสมุทรกว้างใหญ่ ดังนั้นพลังอย่างน้อย ๆ ต้องถึงขอบเขตตำหนักอินทนิล!

“ผู้อาวุโสมาขวางทางข้าด้วยเหตุใด” หนุ่มน้อยร่างกำยำเปลี่ยนท่าทีไป

“หามิได้ ข้าเพียงอยากจะถามว่าถ้าจะไปลงสมัครเพื่อเทียบอันดับมังกรซ่อนได้ที่ไหน” เฉินซีถามพลางยิ้มน้อย ๆ

“อย่างนี้เอง” หนุ่มน้อยกำยำผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก “การแข่งขันเทียบอันดับมังกรซ่อนจะจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือนนับจากนี้ หากต้องการลงสมัครจะต้องไปที่กองเทพองครักษ์ต้าซ่ง ซึ่งห่างจากเมืองทะเลสาบมังกรแปดร้อยลี้ทางตะวันตก”

“อ้อ! ขอบใจมาก” เฉินซีกล่าวตอบแล้วร่างของเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะเร้นกายลับไป

“รวดเร็วอะไรเช่นนี้!” ม่านตาของหนุ่มน้อยหดเกร็งขณะเขม้นมองเฉินซีที่หายไปแล้ว จากนั้นก็มีเสียงคนที่ยังอยู่พึมพำกับตนเอง “การเทียบอันดับมังกรซ่อนเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วม เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลที่มีอายุต่ำกว่าสามสิบปี ชายหนุ่มคนนี้ดูท่ามันจะอายุไม่เกินยี่สิบปี แต่กลับมีพลังน่าเกรงขาม! สงสัยว่าปีนี้เขาน่าจะได้รับการจัดอันดับในเทียบอันดับมังกรซ่อนล่ะกระมัง…”

คำเตือนว่ามีข้อห้ามเหินบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้าของเมืองทะเลสาบมังกร แต่เฉินซีใช้วิชาแปดก้าวมังกรสวรรค์จึงทำให้แค่ก้าวเดียวก็เคลื่อนที่ไปได้ไกลกว่าสามสิบจั้ง ไม่ทันไรก็ผ่านไปแปดร้อยลี้แล้ว ขณะนี้ชายหนุ่มพลันหยุดนิ่งอยู่กับที่

ห่างไปเบื้องหน้าร้อยจั้งมีจวนหลังมหึมาสีดำสนิทที่สร้างจากหินภูเขาไฟ มันส่องประกายแวววาวและสูงตระหง่านขึ้นไปพันจั้ง ตรงกลางแขวนด้วยแผ่นทองคำมันวาวและมีอักขระเขียนไว้ว่า ‘กองเทพองครักษ์ต้าซ่ง!’

กองเทพองครักษ์ต้าซ่งเป็นองค์กรของผู้บ่มเพาะที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของราชวงศ์ซ่ง หากจะมีใครกล่าวขานก็คงเป็นเรื่องพลังความแข็งแกร่งน่าเกรงขาม จนชื่อเสียงขจรขจายไปทุกแว่นแคว้น อีกทั้งคนของกองเทพองครักษ์ต้าซ่งล้วนมีพละกำลังแกร่งกล้าอย่างน้อย ๆ ก็ขอบเขตตำหนักอินทนิลกันทุกคน!

แน่นอนว่าเมืองทะเลสาบมังกรแห่งนี้ เป็นแค่สาขาย่อยของกองเทพองครักษ์ต้าซ่ง แต่ถึงกระนั้นความแข็งแกร่งก็ยังน่าเกรงขามอย่างยิ่ง และไม่ได้ด้อยไปกว่ากลุ่มที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ระดับเดียวกันกับอีกแปดนิกายเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าการจัดเทียบอันดับมังกรซ่อนจะเกิดจากความร่วมมือของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งแปดนิกาย สามสำนักและหกตระกูลใหญ่ แต่ผู้บ่มเพาะที่มาจากต่างเมืองต้องลงชื่อ และเข้าเป็นสมาชิกกองเทพองครักษ์ต้าซ่งเสียก่อน

ขณะนี้มีจำนวนผู้บ่มเพาะเดินเข้าออกขวักไขว่ และผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่เป็นคนในขอบเขตตำหนักอินทนิลเกือบทั้งหมด!

“ให้ตายเถอะ! ต้องจ่ายค่าลงชื่อด้วยวารีวิญญาณถึงร้อยชั่ง พวกกองเทพองครักษ์ต้าซ่งมันหน้าเลือดจริง ๆ”

“เฮ้อ แล้วพวกเราจะทำอย่างไร เราไม่ใช่ศิษย์ของพวกกองกำลังใหญ่เมืองทะเลสาบมังกรนี่ซะหน่อย เจ้าพวกนั้นแค่หายใจก็เป็นสมาชิกแล้ว ทั้งยังได้เปรียบในฐานะที่เป็นเมืองเหย้าอีกด้วย พวกเขาไม่ยอมให้ผู้บ่มเพาะจากต่างเมืองอย่างเราเข้าเป็นสมาชิกได้ง่าย ๆ แน่ ๆ”

“ถุย! พวกศิษย์จากกองกำลังใหญ่แห่งเมืองทะเลสาบมังกร มันจะแน่สักแค่ไหนเชียว คอยดูปีนี้ข้าจะต้องติดหนึ่งในร้อยของเทียบอันดับมังกรซ่อนให้ได้!”

“เอาน่า ในอดีตคนที่ติดหนึ่งในสิบลำดับต้นของเทียบอันดับมังกรซ่อน ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของกองกำลังมหาอำนาจ ซึ่งอยู่ระดับเดียวกับแปดนิกายใหญ่แห่งเมืองทะเลสาบมังกรทั้งสิ้น มีผู้บ่มเพาะที่มาจากต่างถิ่นไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำสำเร็จ”

เสียงของกลุ่มผู้บ่มเพาะเดินออกมาจากโถงใหญ่พลางพูดคุยเอ็ดตะโรเสียงดัง หัวข้อสนทนาก็เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เทียบอันดับมังกรซ่อนที่กำลังจะมีขึ้นอีกราวครึ่งเดือนถัดไป ทำให้เกิดความครึกครื้นกันมาก

‘การจะติดในร้อยอันดับแรกนั้นยากมากอย่างนั้นหรือ? เห็นทีข้าจะประมาทไม่ได้แล้ว’ เฉินซีนิ่งคิดชั่วขณะ จากนั้นก็เดินเข้าไปโดยไม่ลังเลอีกต่อไป

ทันทีที่ก้าวเข้าไปภายในโถงดำทะมึน เฉินซีสังเกตเห็นว่าข้างในนั้นมีพื้นที่กว้างขวางมาก ให้ความรู้สึกเคร่งขรึมจริงจังประหนึ่งกำลังเข้าไปในวังหลวง อีกทั้งบรรยากาศยังเงียบสงบ

บรรดาศิษย์สวมชุดดำและสะพายกระบี่ไว้ที่ด้านหลังยืนอย่างมีระเบียบอยู่รอบ ๆ โถงใหญ่ ขณะนั้นปรากฏคลื่นพลังอำมหิตแผ่ซ่านออกมาอย่างน่ากลัว แสดงว่าคนสวมชุดดำเหล่านี้เป็นศิษย์กองเทพองครักษ์ต้าซ่ง!

“เตรียมวารีวิญญาณร้อยชั่งให้พร้อม จากนั้นก็ไปเข้าแถวรอลงชื่อตรงโน้น” คนของกองเทพองครักษ์ต้าซ่งเห็นเฉินซีที่กำลังเดินเข้ามา จึงชี้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]