บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 118

บทที่ 118 ศาลาชุมนุมเซียน
บทที่ 118 ศาลาชุมนุมเซียน

ขนาดของเมืองทะเลสาบมังกรนั้นกว้างใหญ่เพียงใด

มาถึงวันแรกก็ได้พบกับพวกตู้ชิงซีทั้งสาม มันค่อนข้างจะบังเอิญเกินไปกระมัง

หลังจากนิ่งงันด้วยตกตะลึง เฉินซีก็ได้สติและเอ่ยถามขึ้น “แสดงว่าพวกเจ้าทุกคนรู้มาก่อนแล้วสิว่าข้าจะมาที่นี่”

ต้วนมู่เจ๋อเดินเข้ามาหาทั้งรอยยิ้ม “พวกเราก็เพิ่งเจอกันนี่แหละ ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” คนพูดดึงแขนเฉินซีเข้าไปยังข้างทาง

เบื้องหน้ามีรถลากโดยหกกิเลนเกล็ดฟ้าที่มีลักษณะเหมือนป้อมปราการเคลื่อนที่ มันถูกประดับประดาด้วยไข่มุกเรียงรายสวยงาม รถลากนี้มีรูปสลักยันต์อักขระหนาทึบและมีแสงสว่างเปล่งประกาย

รถลากมีความยาวกว่าหกจั้ง ผนังทั้งสี่ด้านแขวนฉากบังตาที่ปักลวดลายทองคำและหยก มันประทับด้วยปราณวิญญาณที่สามารถกำจัดพวกที่ลักลอบเข้ามาได้ เบาะรองนั่งหุ้มด้วยขนเพียงพอนสีม่วงจึงมีความหนานุ่มเป็นพิเศษ พื้นที่ตรงกลางวางโต๊ะที่ทำจากหยกขาวผสมไม้เนื้อทอง บนนั้นมีถาดวางอยู่ราวสิบถาดซึ่งมีทั้งขนมหวาน ผลไม้วิเศษ อาหารชั้นเลิศและสุรารสเยี่ยม ล้วนแล้วแต่เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากทั้งนั้น

หลังจากนั้นเฉินซีก็ถูกต้วนมู่เจ๋อลากตัวเข้าไปในรถลาก ตู้ชิงซีกับซ่งหลินก็เดินตามมา

“ปราณวิญญาณหนาแน่นอะไรเช่นนี้” ทันทีที่หย่อนตัวลงบนม้านั่งนุ่ม ๆ เฉินซีก็รู้สึกประหลาดใจที่ในรถลากมีการตั้งค่ายกลวิถีวิญญาณ อีกทั้งยังอุดมด้วยปราณวิญญาณมหาศาล

“เฮ้ ในรถลากเทพหกกิเลนไม่ได้มีเรื่องที่น่าพิศวงแค่อย่างเดียวเท่านั้นหรอกนะ” ต้วนมู่เจ๋อกล่าวพลางยกยิ้มที่มุมปาก จากนั้นหันไปออกคำสั่งกับคนด้านนอก “ไปศาลาชุมนุมเซียน”

“ขอรับ!” เสียงชายชราที่เป็นสารถีขานตอบ จากนั้นรถลากเทพหกกิเลนก็พุ่งออกไปอย่างเร่งด่วน หากคนบนรถลากไม่ได้ระวังตัวขณะโดยสารอยู่แล้ว คนคนนั้นจะไม่รู้สึกเลยว่ารถลากกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อออกจากโถงใหญ่ของกองเทพองครักษ์ต้าซ่งไปเพียงไม่นาน ต้วนมู่เจ๋อก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งก่อนจะหันไปทำหน้าถมึงทึงใส่อีกฝ่าย “เจ้ากล้ามากนะ วิ่งไปหากองเทพองครักษ์ต้าซ่งเองถึงที่ ไม่กลัวหรือว่าพวกตระกูลซูจะมาจับตัวน่ะ”

เฉินซีสังเกตว่าทั้งตู้ชิงซี ซ่งหลินและต้วนมู่เจ๋อมีสีหน้าผ่อนคลายลง ทำให้เขาอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “มันเป็นอย่างไรหรือ ข้าก็แค่ไปลงชื่อเข้าร่วมการเทียบอันดับมังกรซ่อนเท่านั้น ตระกูลซูจะมาหาเรื่องข้าทำไม”

“เอ๋” ต้วนมู่เจ๋อถึงกับตะลึงงัน ก่อนจะถามกลับด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ กองกำลังมหาอำนาจทั้งหมดในเมืองทะเลสาบมังกรต่างรู้จักนามเฉินซี ชื่อเสียงของเจ้าตอนนี้แสบสันยิ่งกว่าพระอาทิตย์เที่ยงวันเสียอีก!”

แต่คนฟังยังคงทำหน้าฉงน

“เจ้าฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำตั้งหกคน และยังฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางของตระกูลซูอีกคนจริง ๆ หรือ” ตู้ชิงซีถาม ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเฉินซีอย่างคาดคั้น

ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่ยอมรับง่าย ๆ แต่เมื่อเป็นสามคนนี้ เขากลับไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด แน่นอนว่าพอพูดถึงเรื่องที่เขากังวล จึงไม่สมควรที่จะปิดบังอีกต่อไป ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับ

“โอ๊ะ! ตายโหง! เป็นฝีมือเจ้าจริงหรือนี่” ต้วนมู่เจ๋อสะดุ้งโหยงพลันตัวแข็งอ้าปากค้าง เขามองเฉินซีอย่างไม่เชื่อสายตา

แม้จะได้ยินมานานแล้วว่าเฉินซีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่พอมาได้ยินอีกฝ่ายยอมรับกับหูตัวเอง ต้วนมู่เจ๋อก็ยังคงตกใจแทบสิ้นสติ

ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำหกคน ไหนจะผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางอีกคน! ในเมืองทะเลสาบมังกรจะมีผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลคนใดที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อีก

ท่าทางของตู้ชิงซีกับซ่งหลินแสดงออกให้เห็นว่าตกใจไม่น้อยเช่นกัน ทุกคนมองเฉินซีราวกับเห็นตัวประหลาดอย่างไรอย่างนั้น

“อันที่จริง ข้าโชคดีต่างหาก เพราะถ้าสู้กันตัวต่อตัวคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเหลิ่งเช่นกัน” คนพูดขมวดคิ้วพลางหยุดคิด “ถ้าเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว อย่างมากที่สุดข้าจะสามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำ”

“เจ้าบ้า!” ต้วนมู่เจ๋อสบถเสียงดังลั่นอย่างเหลืออด

เมื่อตู้ชิงซีกับซ่งหลินได้ยินดังนั้น ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างหนักแน่น สำหรับพวกเขา ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิล การจะเอาชนะผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำยังนับว่าเกินกว่าจะกล้าจินตนาการเสียด้วยซ้ำ

“เออจริงสิ พวกเจ้าทุกคนหาข้าเจอได้อย่างไร” เฉินซีชักไหวตัวขึ้นมา เขาไม่นึกมาก่อนว่าเรื่องที่ตนสังหารซูเหลิ่งและพวกจะถูกกล่าวขานไปทั่วเมืองทะเลสาบมังกรอย่างรวดเร็ว และอาจส่งผลเสียต่อสถานะในปัจจุบันก็ได้ ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองทะเลสาบมังกรซึ่งเท่ากับเคลื่อนเข้ามาใกล้ฐานที่มั่นของตระกูลซู หากประมาทเพียงนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิตของตัวเอง!

“ตอนนั้นพวกเราอยู่ในโถงใหญ่ของกองเทพองครักษ์ต้าซ่ง แต่อยู่ในห้องลับ เจ้าจึงมองไม่เห็นพวกเรา” คนตอบเป็นต้วนมู่เจ๋อ

เมื่อเห็นสีหน้าฉงนไม่หายของเฉินซี เขาจึงพูดอีกว่า “ไม่ใช่แค่พวกเรา พวกศิษย์ของกองกำลังใหญ่แปดนิกาย สามสำนักและหกตระกูลล้วนอยู่ที่นั่นด้วย เพราะทุกครั้งที่มีการเทียบอันดับมังกรซ่อน บรรดาคนหนุ่มสาวที่มีแววจะเป็นที่หมายตาของกองกำลังใหญ่ ผู้บ่มเพาะจากต่างเมืองที่มาลงชื่อที่กองเทพองครักษ์ต้าซ่ง ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลที่มีอายุไม่เกินสามสิบปีทั้งสิ้น คนเหล่านี้มีทั้งพรสวรรค์ที่ติดตัวและพรแสวงจากการฝึกบ่มเพาะอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นพวกนี้จึงตกเป็นเป้าความสนใจของกองกำลังมหาอำนาจทั้งหลายอย่างไรล่ะ”

“นี่กำลังจะบอกว่า พวกเจ้าทุกคนก็เห็นข้าตั้งแต่ที่เพิ่งเข้าไปในโถงใหญ่ของกองเทพองครักษ์ต้าซ่งอย่างนั้นหรือ” เฉินซีโพลงถามด้วยความตกใจ ขณะเดียวกันเขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าที่นั่นจะมีกองกำลังใหญ่อยู่ด้วย

“แน่นอน” ตู้ชิงซีพยักหน้าก่อนกล่าวต่อ “เจ้าควรจะระมัดระวังให้มากกว่านี้ เจ้าสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางของตระกูลซูไปคนหนึ่ง และผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำถึงหกคนในคราวเดียว ซึ่งส่งผลให้ตระกูลซูประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการกำจัดเจ้าให้ได้”

“แต่เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก” ต้วนมู่เจ๋อพูดออกมาพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจขณะกล่าวว่า “ตอนนี้ตระกูลซูอ่อนแอลงเป็นอันมาก ตอนนี้เทียบกับกองกำลังของพวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ ดูสิว่าใครหน้าไหนจะอาจหาญมารังแกเจ้า!”

“ใช่ ถูกต้อง” ตั้งแต่ขึ้นมาบนรถลากซ่งหลินที่กินไม่หยุด ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งเสียงอู้อี้สนับสนุนแข็งขัน ราวกับว่าทุกคนกำลังเผชิญกับอันตรายอยู่เบื้องหน้า

เฉินซีพยักหน้ารับและรู้สึกตื้นตันในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]