บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1194

สรุปบท บทที่ 1194 คำเชิญ: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1194 คำเชิญ – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1194 คำเชิญ ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1194 คำเชิญ

บทที่ 1194 คำเชิญ

“คนผู้นี้… ไม่มีความภาคภูมิใจและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของคนหนุ่มเลยจริง ๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าของถังอิงหายไปทันทีเมื่อเฉินซีกลับเข้าไปในเคหา สีหน้ามืดมนห่างเหิน ในขณะที่ส่ายศีรษะก่อนจะจากไปเช่นกัน

ฟิ่ว!

ภายในที่พำนักท่ามกลางภูเขาอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ร่างของถังอิงทะยานเข้ามา

“ศิษย์พี่ถังอิง!”

“ศิษย์พี่ถังอิง เป็นอย่างไรบ้าง? เฉินซีตกลงหรือไม่”

ภายในที่พำนัก ชายหญิงสองสามคนรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เมื่อสังเกตเห็นถังอิงกลับมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็เดินเข้ามา และเอ่ยปากสอบถามทันที

“ไม่ เจ้าเด็กนั่นไม่สนใจคำเชิญของข้าแม้แต่นิดเดียว” ถังอิงส่ายศีรษะและหัวเราะเยาะตัวเอง

“อะไรกัน? ศิษย์พี่ถังอิงเป็นถึงศิษย์ที่อาวุโสที่สุดในบรรดาศิษย์ของสำนักศึกษาฝ่ายนอก แต่เจ้าเฉินซีกลับไม่ไว้หน้าท่านเลยสักนิด? เขาช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวอย่างฉุนเฉียว

“ศิษย์ที่อาวุโสที่สุด?” รอยยิ้มเยาะเย้ยตนเองปรากฏบนมุมปากของถังอิง เขายิ่งจมลึกมากขึ้น “ความอาวุโสไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งหรือ สหายร่วมรุ่นของข้าทุกคนที่เข้ามาในสำนักศึกษาพร้อมกัน ตอนนี้ล้วนบรรลุขอบเขตเซียนทองคำแล้ว!”

น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงความหดหู่ใจอย่างถึงที่สุด

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็อับจนหนทาง ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร

ถังอิงเป็นศิษย์อาวุโสที่สุดในสำนักศึกษาฝ่ายนอก เขาเข้าสู่สำนักศึกษาฝ่ายนอกเมื่อพันปีก่อน แต่การบ่มเพาะยังคงอยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด ก็ไม่สามารถบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้

ทว่าเขามีไหวพริบและมีทักษะในการติดต่อกับผู้คน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเยาะเย้ย ประกอบกับอยู่ในสำนักศึกษาฝ่ายนอกมาหลายปี จึงมีโอกาสผูกมิตรกับบุคคลน่าเกรงขามมากมาย แม้ว่าตนจะไม่สามารถบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้ แต่การอยู่ในสำนักศึกษาฝ่ายนอกก็ไม่เลว

“ศิษย์พี่ถังอิง ท่านอย่าได้ดูถูกตัวเอง ถ้าในแง่ของพลังฝีมือแล้ว ในหมู่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับ นอกจากหนิงเมิ่งและอีกสองสามคน ก็ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงท่านได้” ในขณะเดียวกัน หลิวอี่หมิง ผู้งดงามก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ในเมื่อเฉินซีปฏิเสธ เราจะใช้วิธีอื่น”

“การมีพลังฝีมือน่าเกรงขามในขอบเขตเซียนลึกลับจะมีประโยชน์อันใด ข้าแค่ได้รับความนับถือจากระยะเวลาที่ข้าได้บ่มเพาะเท่านั้น” ถังอิงส่ายศีรษะ แต่สีหน้าผ่อนคลายลงอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าคำปลอบใจของหลิวอี่หมิง ทำให้เขาสบายใจขึ้น

“ศิษย์พี่หญิงอี่หมิง เราควรทำอย่างไรต่อไป” ชายชุดดำกล่าว

คนอื่น ๆ จ้องมองไปที่หญิงสาวเป็นตาเดียว

หลิวอี่หมิงรู้สึกพอใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ นางสนุกกับการเป็นศูนย์กลางความสนใจ และเพื่อแสดงภูมิปัญญาของตน นางจึงไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานาน ก่อนจะกล่าวถึงแผนการที่คิดไว้นานแล้ว

“ข้าได้ยินมาว่า เฉินซีมาจากทวีปทักษิณา เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงก็มาที่สำนักศึกษาพร้อมกับเขา นอกจากนี้ ทั้งสามยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เนื่องจากเราไม่สามารถทำให้เฉินซีตอบรับคำเชิญของเราได้ ดังนั้นเราจะเชิญสองคนนั้นมาหารือเกี่ยวกับเต๋าแทน” หลิวอี่หมิงกล่าวช้า ๆ ในขณะที่เผยความมั่นใจออกมา “เมื่อสองคนนั้นพ่ายแพ้และเสียหน้า เราจะแจ้งข่าวนี้แก่เฉินซี ถ้ายังเห็นแก่มิตรภาพที่มี เจ้าเด็กนั่นจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน”

สิ้นคำ ดวงตาของคนอื่น ๆ ก็สว่างวาบ แผนการนี้ไม่เลวเลย

“แต่ข้าได้ยินมาว่า เฉินซีมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลมู่และตระกูลเซวียนหยวนเช่นกัน ดังนั้นหากเราทำเช่นนี้ แล้วเกิด…” หนึ่งในนั้นกล่าวอย่างลังเล

คิ้วของหลิวอี่หมิงขมวดเข้าหากัน จากนั้นโบกมือและกล่าวว่า “อย่าได้กังวล เราเพียงแค่ ‘หารือเกี่ยวกับเต๋า’ ในฝ่ายบำเพ็ญเต๋าเท่านั้น มันไม่ใช่การต่อสู้ นี่เป็นกฎของสำนักศึกษาที่รับรู้โดยทั่วกัน ทุกครั้งที่มีศิษย์ใหม่เข้ามาในสำนักศึกษา พวกเขาจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประมือกับศิษย์อาวุโส”

คนอื่น ๆ พยักหน้าตามกันเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“ศิษย์น้องหูไห่และหยวนเจิ้น ข้าคงต้องรบกวนเจ้าทั้งสองแล้ว ช่วยไปเชิญเหลียงเริ่นกับกู่เยวหมิงให้ที จำไว้ว่า อย่าให้ใครรู้ถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะเฉินซี” หลิวอี่หมิงสั่ง

“วางใจได้ศิษย์พี่หญิงอี่หมิง” ชายหนุ่มสองคนก้าวออกมายืนข้างหน้าและรับคำสั่ง ก่อนจะจากไป

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลิวอี่หมิงกวาดสายตามองไปยังถังอิงและศิษย์อีกสองคน “ศิษย์พี่ ถ้าเราสามารถเชิญเฉินซีมาได้สำเร็จ ข้าจะมอบหน้าที่จัดการเขาให้พวกท่าน”

ถังอิงพยักหน้า

“ได้เลย ได้เลย” ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงในชุดสีเขียวพยักหน้าอย่างสำรวม คนผู้นี้คือ ซิงเยวียนหัง เป็นหนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับของสำนักศึกษาฝ่ายนอก

“อันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์ใหม่ ข้าอยากรู้ว่าเขาคู่ควรกับชื่อเสียงนี้หรือไม่?” ชายหนุ่มอีกคนเลียริมฝีปาก และกล่าวพลางหัวเราะแผ่วเบา คนผู้นี้คือ กงหยางหลงเฟ่ย เป็นหนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับเช่นเดียวกับซิงเยวียนหัง

เมื่อนางได้ยินสิ่งนี้ หลิวอี่หมิงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น จึงเผยรอยยิ้มงดงาม เย้ายวนใจเป็นอย่างยิ่ง

ถังอิง ซิงเยวียนหัง และกงหยางหลงเฟ่ย ล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่นางเชิญมาเพื่อจัดการกับเฉินซีโดยเฉพาะ สาเหตุที่ต้องมีถึงสามคน เป็นเพราะชื่อเสียงของเฉินซีนั้นยิ่งใหญ่เกินไป หลิวอี่หมิงเกรงว่าอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น จึงเชิญผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งสามคนมาพร้อมกัน

“หากมันยังไม่พอ ข้าคงได้แต่พึ่งแผนฉุกเฉินของตระกูลจั่วชิว… แต่เขาเป็นเพียงศิษย์ใหม่เท่านั้น ดังนั้นแค่ถังอิงและคนอื่น ๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว” หลิวอี่หมิงครุ่นคิดสั้น ๆ จากนั้นก็ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ เมื่อรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติกับแผนการของตน

โชคดีเฉินซีไม่เหมือนจั่วชิวจวิน และไม่ใช่คนจากกองกำลังชั้นนำ มิฉะนั้นนางคงไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะขวัญกล้าเพียงใดก็ตาม

ขณะเดียวกัน เหตุการณ์คล้ายกันก็เกิดขึ้นกับที่พำนักของเหลียงเริ่น

แตกต่างจากกู้เยวหมิงเล็กน้อย ตรงที่เหลียงเริ่นรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล แม้ตอบรับคำเแต่ก็ยังมีท่าทีคลางแคลงใจ จึงตั้งใจจะไปเยือนฝ่ายบำเพ็ญเต๋า แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมการประลอง และหารือเกี่ยวกับเต๋าหรือไม่

ณ ฝ่ายบำเพ็ญเต๋า

ที่แห่งนี้แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ของสำนักศึกษา ฝ่ายบำเพ็ญเต๋าเป็นสถานที่ซึ่งศิษย์ของสำนักได้มาประลองและหารือเกี่ยวกับเต๋า ซึ่งการต่อสู้มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดในสำนัก

ในลานบำเพ็ญเต๋าแห่งหนึ่งในขณะนี้ ผมของกู่เยวหมิงยุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเซียว ความโกรธที่ไม่สามารถปกปิดได้ปรากฏขึ้นที่ระหว่างคิ้ว

มีบาดแผลฉกรรจ์จำนวนมากบนร่างกายของเขา เลือดสีแดงฉานไหลซิบ เขามีสภาพที่ไม่สู้ดีนัก และน่าสังเวชอย่างยิ่ง

“แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…” กู่เยวหมิงหอบหายใจอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายอยู่ในความปั่นป่วน ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้าด้วยความเดือดดาล เขาจ้องเขม็งไปที่กลุ่มคนกว่าสิบคนที่อยู่ตรงหน้า

ศิษย์ชายและศิษย์หญิงกว่าสิบคนตรงหน้า พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์อาวุโสของสำนักศึกษาฝ่ายนอก หลายคนแสดงความดูถูกและเหยียดหยาม ขณะมองสภาพของกู่เยวหมิง

“ประเสริฐมาก พวกเจ้าตั้งใจหลอกข้า!” กู่เยวหมิงกัดฟันแน่น ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างสมบูรณ์ คนเหล่านี้ตั้งใจจัดฉากเพื่อรังแกศิษย์ใหม่อย่างตน!

หูไห่ซึ่งอยู่ภายในกลุ่มส่ายศีรษะ “ศิษย์น้องกู่ อันที่จริงเจ้าไม่สามารถตำหนิพวกเราได้ เพราะในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ศิษย์ใหม่ทุกคนจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมฝ่ายบำเพ็ญเต๋า และศิษย์อาวุโสจะบดขยี้ความภาคภูมิใจของพวกเขา สิ่งนี้ได้กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว”

“แล้วเหตุใดพวกเจ้าไม่มองหาคนอื่น แล้วเลือกข้าล่ะ” คิ้วของกู่เยวหมิงขมวดเข้าหากัน น้ำเสียงที่กล่าวเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

ทันใดนั้น หลิวอี่หมิงก็หัวเราะเบา ๆ “ผิดแล้ว เราไม่ได้แค่เลือกเจ้า แต่เหลียงเริ่นสหายของเจ้าก็ได้รับการอบรมอยู่ที่ลานบำเพ็ญเต๋าอีกแห่งเช่นกัน”

“เจ้าว่าอะไรนะ!?” กู่เยวหมิงตกตะลึง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม่ชอบมาพากล

“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องคุยกับขยะ ศิษย์พี่หญิงอี่หมิง เดิมทีข้าคิดว่าทวีปทักษิณาจะมีผู้แข็งแกร่งอยู่มาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เป็นดั่งที่คิด”

“ใช่แล้ว ศิษย์น้องกู่เจ้ายังเด็ก และเส้นทางของเจ้ายังอีกยาวไกล อย่าได้ถือโทษโกรธเราเลย เข้าใจหรือไม่? การได้รับแต้มดาราหนึ่งพันแต้มจากเจ้า ถือได้ว่าเป็นบทเรียนที่ดี นี่เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยแต้มดารา ไม่ว่าจะจำนวนเท่าใดก็ตาม เจ้าควรขอบคุณเราด้วยซ้ำ เพราะ ไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจจะชี้แนะเจ้าเช่นนี้”

คนอื่น ๆ ต่างเย้ยหยันด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยการเสียดสี

ใบหน้าของกู่เยวหมิงกลายเป็นซีดเผือด มือกำหมัดแน่น เขากัดฟันจนเสียงแตกดังเล็ดลอดออกมา หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความเดือดดาลอย่างถึงที่สุด!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]