บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1206

บทที่ 1206 ภูติคัมภีร์ เปิ่นจี่

บทที่ 1206 ภูติคัมภีร์ เปิ่นจี่

ณ ฝ่ายสงวนคัมภีร์

เป็นครั้งแรกที่เฉินซีก้าวเท้าเข้ามาในนี้ ทุกที่ที่กวาดสายตาสอดส่องไปถึง ล้วนเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่และใหญ่โตอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง

อาคารเหล่านี้ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา ในขณะที่บางหลังตั้งตระหง่านเหนือทะเลสาบ และบางหลังลอยอยู่เหนือเมฆ ปรากฏเป็นทิวทัศน์งดงามจับตา

ยิ่งกว่านั้น ทันทีที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงข้อจำกัดแต่ละชั้นกระจายอยู่ทั่วฟ้าดิน และแม้จะมีความรู้ความเข้าใจในเต๋าแห่งยันต์อักขระ เฉินซีก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายร้ายแรงจากข้อจำกัดเหล่านี้

ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าหากตนทำผิดกฎแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา

“เฮ้ พ่อหนุ่มตรงนั้นน่ะ! ใช่แล้ว ข้ากำลังกล่าวกับเจ้า เจ้าต้องการภูติคัมภีร์เพื่อแนะนำเส้นทางที่เหมาะกับเจ้าหรือไม่? มันไม่แพงเลย เพียงจ่ายแค่หนึ่งพันแต้มดารา ข้าสามารถช่วยเจ้าค้นหาคัมภีร์ที่เจ้าต้องการได้” ทันใดนั้น อากาศก็สั่นสะเทือน ก่อนคนแคระที่สูงราวสี่ฉื่อจะลอยเข้ามา เขามีผมสีขาวราวกับหิมะ ดวงตาสุกใสและลุ่มลึก ท่าทางดูปราดเปรียวมีไหวพริบ และรอยยิ้มแต่งแต้มริมฝีปากไม่เสื่อมคลาย

ภูติคัมภีร์!

เฉินซีรู้ว่าคัมภีร์บางเล่มภายในฝ่ายสงวนคัมภีร์ มีความลึกล้ำสูงสุดในเต๋าและได้รับการชำระล้างด้วยปราณเซียนทั้งวันทั้งคืน ทำให้วิญญาณบางดวงถือกำเนิดขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปนาน และวิญญาณเหล่านี้ถูกเรียกว่าภูติคัมภีร์

ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของภูติคัมภีร์เหล่านี้ ไม่ถือว่าน่าเกรงขาม แต่ความรู้นั้นมากมายมหาศาล คัมภีร์ส่วนใหญ่ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในฝ่ายสงวนคัมภีร์ ล้วนแล้วแต่ได้รับการจัดระเบียบและดูแลโดยภูติคัมภีร์เหล่านี้

“คารวะ ผู้อาวุโส” เฉินซีประสานมือคำนับ

ตนทราบดีว่า ภูติคัมภีร์ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน บางตนเป็นภูติคัมภีร์ที่กำเนิดขึ้นในยุคบรรพกาล ถึงขนาดที่อาจารย์ของสำนักเรียกพวกเขาด้วยความเคารพในฐานะผู้อาวุโส และไม่กล้าดูหมิ่นเลยแม้แต่น้อย

“โอ้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เจ้ามาฝ่ายสงวนคัมภีร์ เจ้าคงไม่รู้จักข้า ข้าชื่อเปิ่นจี่ ข้ามีชีวิตอยู่มากกว่า 367,321 ปีแล้ว ฉะนั้นจะเรียกข้าว่าผู้อาวุโสก็ไม่ผิดเลย” คนแคระสูงสี่ฉื่อกล่าวอย่างมั่นใจและสงบนิ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวพอใจกับท่าทีสำรวมของคนหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย

“ให้ข้าเดา เจ้าคงอยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูง และน่าจะเป็นศิษย์ของสำนักฝ่ายนอก ในขณะที่การสอบของสำนักฝ่ายในจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งปีนับจากนี้ ดังนั้นเจ้าจึงมาที่ฝ่ายสงวนคัมภีร์เพื่อค้นหาวิธีทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำอย่างแน่นอน”

“แม้ว่าฝ่ายสงวนคัมภีร์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจะเก็บรวมรวมคัมภีร์ของทั้งสามภพเอาไว้ โดยปกติแล้ว มันย่อมไม่ขาดแคลนคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำ แต่หากเจ้าต้องค้นหาพวกมันด้วยตนเอง เจ้าคงไม่มีทางทำได้สำเร็จ แม้จะผ่านไปหนึ่งปีแล้วก็ตาม”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เปิ่นจี่ก็ชี้ไปยังอาคารโบราณที่ตั้งเรียงรายอยู่ในระยะไกล “ดูสิ อาคารเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นหอเก็บคัมภีร์ และทุกหลังล้วนเก็บคัมภีร์อย่างน้อยหมื่นเล่ม บางหลังก็เก็บมากกว่าล้านเล่ม เรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาลราวกับมหาสมุทรแห่งดวงดาว หากเจ้าไม่ได้รับการชี้แนะใด ๆ การอ่านคัมภีร์เพียงอย่างเดียว จะทำให้เจ้าเสียเวลาเป็นอย่างมาก”

เปิ่นจี่อธิบายสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่รู้จบ ในขณะที่คำตอบของเฉินซีนั้นกลับเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแทน ชายหนุ่มหยิบตราดาราม่วงออกมา “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะข้าด้วย”

เปิ่นจี่แสดงสีหน้าราวกับเฉินซีมีแนวโน้มที่ดี คู่ควรกับการชี้แนะ จากนั้นด้วยการสะบัดนิ้วเบา ๆ เสียงฉวัดเฉวียนก็ดังขึ้น พลันแต้มดาราหนึ่งพันแต้มถูกหักออกจากตราดาราม่วงทันที

“มาเถอะ เจ้าหนู ชั้นสามของหอคัมภีร์ที่ 37 มีคัมภีร์เกี่ยวข้องกับขอบเขตเซียนทองคำ แต่ข้าต้องเตือนเจ้าก่อนว่า คัมภีร์ในนั้นได้บันทึกประสบการณ์ที่สรุปโดยผู้คนนับไม่ถ้วนในอดีต เจ้าต้องทำความเข้าใจมันด้วยตนเอง” เปิ่นจี่ยิ้มขณะอธิบาย

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ” เฉินซีประสานมือคารวะ ก่อนจะบินจากไป

“เจ้าหนูคนนี้ไม่เลวเลย ไม่แปลกใจที่เจ้าเด็กหัวเจี้ยนคงจะมอบกระบี่ตะขอดาราให้กับเขา…” เปิ่นจี่มองเฉินซีจากไป พลางพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหายตัวไปเช่นกัน

ภายในห้องโถงโบราณสีดำสนิทในฝ่ายสงวนคัมภีร์

ชู่ว!

เปิ่นจี่ปรากฏตัวขึ้น รูปร่างสูงเพียงสี่ฉื่อดูเล็กมาก เมื่ออยู่ในห้องโถงกว้างขวางและโอ่อ่านี้

ในขณะนี้ การแสดงออกของเขามีร่องรอยของความเคารพนบนอบอยู่เต็มเปี่ยม

“เป็นอย่างไรบ้าง” ทันใดนั้น เสียงเก่าแก่ไร้คลื่นอารมณ์ ซึ่งเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีอันสูงส่ง ดังก้องอยู่ในห้องโถงนี้

“ชะตาของเขาถูกปกปิดไว้ด้วยความลับแห่งสวรรค์ ข้าไม่อาจหยั่งรู้ได้” เปิ่นจี่ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “ตัวข้าเป็นวิญญาณที่กำเนิดจาก ‘คัมภีร์กำเนิดเต๋าแห่งความเงียบ’ ที่จักรพรรดิเต๋าเขียนขึ้นด้วยตนเอง ดังนั้นข้าจึงสามารถมองเห็นชะตาและวาสนาของสิ่งมีชีวิตมากมายได้ แต่กับเจ้าหนูน้อยคนนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่ง”

“เพราะเหตุใด” เสียงที่เก่าแก่และสง่างามเงียบไปนาน ก่อนจะดังก้องอีกครั้ง

“มีหลากหลายเหตุผล แต่ข้ารู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่มากที่สุดคือ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ธรรมดาได้ใช้พลังแห่งความลับของสวรรค์เพื่อปกปิดชะตาของเขา” เปิ่นจี่ขมวดคิ้วมากขึ้นขณะกล่าว “หรือเขาอาจครอบครองสมบัตินิรนามลึกลับที่สามารถปกปิดชะตาของตนได้ แต่สถานการณ์เช่นนี้ไม่น่าเป็นไปได้นัก อย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ยุคบรรพกาลจวบจนปัจจุบัน มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นได้”

“ความจริงเบื้องหลังชะตามาจากการเคลื่อนไหวของเต๋าแห่งสวรรค์ และในภพทั้งสาม มีไม่กี่คนที่สามารถใช้พลังของความลับแห่งสวรรค์ได้ หากกล่าวเช่นนี้ ก็คงไม่มีสิ่งใดเทียบได้ กับเจ้าสำนักที่ยืนอยู่ข้างหลังของชายหนุ่มคนนั้นหรอกหรือ?” เสียงเก่าแก่สง่างามนั้นทุ้มต่ำ และหนักอึ้งเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในความรู้สึกที่ยากจะหยั่งถึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]