ทั่วบริเวณเข้าสู่ความเงียบโดยพลัน!
เหล่าผู้บ่มเพาะต่างตกตะลึงกับเคล็ดวิชาตัวเบาของเฉินซีที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด และมีบางคนที่พอจะมีสายตาเฉียบแหลมก็สังเกตได้ว่าเคล็ดวิชานั้นบรรลุถึงขอบเขตเต๋าแห่งการรู้แจ้งแล้ว!
เต๋าแห่งการรู้แจ้งคือความเข้าใจและการรับรู้ถึงเต๋าแห่งสวรรค์
ในเส้นทางของการบ่มเพาะ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเกิดมาพร้อมกับสถานะหรือภูมิหลังเลิศล้ำเพียงใด และไม่ว่าอาจารย์จะทุ่มเทในการชี้แนะและถ่ายทอดความรู้เพียงใด หากคนผู้นั้นไม่สามารถเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์อย่างลึกซึ้ง การบ่มเพาะไม่เพียงแต่จะถดถอยเท่านั้น แต่ยังไม่อาจกลายเป็นเซียนสวรรค์ไปตลอดชีวิต
เพราะถ้าใครต้องการเป็นเซียนสวรรค์ คนนั้นจะต้องผ่านการทดสอบของทัณฑ์สวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และยิ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋ามากเท่าใด โอกาสที่จะเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ไม่ต้องกล่าวถึงคนบางคนที่เป็นอัจฉริยะ กล่าวตามปกติ ความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งสวรรค์ของผู้บ่มเพาะทั้งหมดในโลกสามารถเห็นได้จากบางแง่มุม
ผู้บ่มเพาะขอบเขตสร้างรากฐานบ่มเพาะอย่างยากลำบากและหมั่นเพียร เพื่อที่จะทะลวงอุปสรรคในตัวเองและได้รับความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับของเต๋าแห่งสวรรค์ สิ่งนี้เรียกว่าขั้นพื้นฐาน
ผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดดูดซับปราณวิญญาณจากสวรรค์และโลก จากนั้นทำความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับแหล่งที่มาของปราณวิญญาณ และนี่เป็นขั้นสูง
ผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลได้สร้างรากฐานของมหาเต๋า โดยหลอมรวมเข้ากับโลก และขอบเขตที่พวกเขาไล่ตามคือขั้นเอกภาพ
ในขณะที่เต๋าแห่งการรู้แจ้งถูกแทนที่ด้วยขอบเขตเต๋าแห่งการต่อสู้ ที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำต่างแสวงหา!
เป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อเห็นว่าเฉินซีเข้าใจขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นเต๋าแห่งการรู้แจ้งแล้ว จึงทำให้ผู้บ่มเพาะเหล่านั้นต่างตกตะลึง
“ผู้เยาว์คนนี้คือใครกัน?”
“อนาคตของเด็กคนนี้ต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน!”
“จงรีบไปสืบมา สืบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเด็กคนนี้ไม่ว่าจะสำคัญหรือเล็กน้อยแค่ไหน อัจฉริยะเช่นนี้ควรค่าแก่การที่พวกเราจะทุ่มสุดตัว!”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง บนที่นั่งระแวกสนามประลองก็ระเบิดความโกลาหลทันที ผู้คนถกเถียงกัน และมุ่งความสนใจไปที่เฉินซีที่อยู่ในสนามประลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนจะต้องการดูให้ชัดเจนว่าเขาเป็นคนแบบไหน
“ขอบเขตเต๋าแห่งการรู้แจ้ง! ดูเหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะทำเรื่องโง่เขลาลงไป…” บนที่นั่ง เหยียนชิงหนี่รู้สึกแปลก ๆ นางบ่นพึมพำขณะที่มองไปที่เฉินซี
“เจ้าเฉินซีคนนี้ผิดปกติเกินไป เหตุใดข้าถึงรู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขาทุกครั้งที่ได้พบ ให้ตายเถอะ พวกเราที่เหลือจะเอาตัวรอดได้อย่างไรเมื่อเขาเป็นเช่นนี้!” ต้วนมู่เจ๋อกัดฟันขณะกล่าว
“เขาผิดปกติจริง ๆ นั่นแล” ตู้ชิงซีและซ่งหลินเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าทั้งสามคนจะกล่าวเช่นนี้ แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี ถึงแม้ชัยชนะของเฉินซีจะทำให้พวกตนรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่สิ่งนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติ
“พี่สาว! ข้าต้องการคำนับพี่ใหญ่เฉินซีเป็นอาจารย์!” จู่ ๆ มู่เหวินเฟยก็กล่าวด้วยท่าทางแน่วแน่
“อ่า… เจ้าไม่อยากไปที่นิกายกระบี่เมฆาพเนจรแล้วหรือ?” มู่เหยาตกตะลึง จากนั้นก็ครุ่นคิดขณะที่กล่าวว่า “หากพี่ใหญ่เฉินซีเต็มใจรับเจ้าเป็นศิษย์ก็ถือเป็นพรจากสวรรค์อย่างแท้จริง อนิจจา พวกเราไม่รู้ว่าพี่ใหญ่เฉินซีจะเต็มใจหรือไม่”
“เจ้าโง่! เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังของอีกฝ่ายเป็นเช่นไร แต่กลับเป็นคนเริ่มที่จะโจมตีก่อน นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ” ที่อีกด้านหนึ่งของสนามประลอง เซี่ยจ้านคำรามด้วยเสียงต่ำ “ถังสวี่ จงไปจัดการซะ! เจ้าเด็กคนนั้นแค่รวดเร็วเพียงเล็กน้อย จงระมัดระวังให้ดีและเมื่อรวมกับทักษะแปรสภาพกายาของขอบเขตตำหนักอินทนิลระดับสามของเจ้า ย่อมฆ่ามันได้อย่างแน่นอน!”
ถังสวี่พยักหน้าที่ยังคงสงบนิ่ง ดูเหมือนว่าสถานการณ์รอบข้างจะไม่ส่งผลต่ออารมณ์ของเขาแต่อย่างใด
“ข้า… ข้ายอมรับ… ยอมรับความพ่ายแพ้!” บนสนามประลอง หลินเส้าฉีที่ถูกบีบคอรวบรวมกำลังเพื่อเปล่งเสียงที่ขาด ๆ หาย ๆ
“ไสหัวไปซะ! ถ้าเห็นเจ้าช่วยคนชั่วกดขี่คนอื่นอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน” เฉินซีโยนหลินเส้าฉีลงจากสนามประลองราวกับทิ้งขยะ
“ฝ่ายของนายน้อยเซี่ยจ้านเป็นผู้แพ้ในรอบแรก” ข้ารับใช้หญิงผู้งดงามเดินขึ้นไปบนสนามประลอง สายตาที่นางจ้องมองไปที่เฉินซีกำลังสั่นไหว “นายน้อย ขอแสดงความยินดีสำหรับชัยชนะในรอบแรก”
ชายหนุ่มยิ้มตอบและกล่าวว่า “มาเริ่มรอบที่สองกันเถอะ”
“อ้อ นายน้อยหมดความอดทนแล้ว” ข้ารับใช้หญิงยิ้มอ่อนหวาน ทำให้นางดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก จากนั้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ลานประลองและกล่าวด้วยเสียงชัดเจน “รอบที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว”
ตึก! ตึก! ตึก!
ทันทีที่ข้ารับใช้หญิงเดินลงมาจากสนามประลอง ก็มีเสียงฝีเท้าที่ดูเหมือนช้าแต่เร็วราวกับเสียงกลองประหลาดก้าวไปยังสนามประลอง
ตึก! ตึก! ตึก!
ทันใดนั้น บริเวณโดยรอบของสนามประลองก็เงียบสงัดลง เมื่อทุกคนรู้สึกว่าหัวใจเต้นพ้องไปกับเสียงฝีเท้านี้ จนถึงจุดที่ปราณแท้ พลังชีวิต และเลือดในกายพลุ่งพล่าน ทำให้ดวงจิตแห่งเต๋าแทบจะสูญเสียการควบคุม
สำหรับผู้ที่มีความแข็งแกร่งและค่อนข้างอ่อนแอ ใบหน้าของพวกเขาวูบไหวด้วยความเศร้าโศก ยิ้มแย้ม และงุนงงราวกับตกอยู่ในสภาวะที่ผิดปกติ
ท่ามกลางเสียงฝีเท้าที่แปลกประหลาดนี้ ชายในชุดขนนกถังสวี่กำลังเดินขึ้นไปที่สนามประลอง และเมื่อหยุดการเคลื่อนไหว เสียงฝีเท้าแปลกประหลาดก็หายไป ทำให้ผู้คนที่กำลังเฝ้าดูอยู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจโล่งอก
ต่อจากนั้น การจ้องมองของทุกคนก็พุ่งไปที่ถังสวี่ เนื่องจากคำถามมากมายผุดขึ้นมาว่า …คนผู้นี้คือใคร? เขามาจากที่แห่งใด? บ่มเพาะเคล็ดวิชาอะไร? แค่เพียงเสียงฝีเท้าของเขาเท่านั้น แต่กลับทำให้ผู้อื่นสูญเสียการควบคุมตนเองได้?
หวือ!
มหาค่ายกลสมดุลลึกล้ำของสนามประลองถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง และมันก่อตัวเป็นม่านแสงเข้าปกคลุมเฉินซีและถังสวี่ไว้
“ข้าบ่มเพาะวิชากายาวารีทศทิพย์ เมื่อตอนแปดขวบ ข้านั่งสมาธิเป็นเวลาเก้าปีภายในสถานที่อันมืดมิดและหนาวเหน็บแห่งดินแดนทางเหนือสุด และใช้วารีทิพย์เก้าอนธการเพื่อขัดเกลาร่างกายจนบรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลระดับสาม ร่างกายนี้อ่อนนุ่มเหมือนสายน้ำ แต่แข็งดั่งเหล็กกล้า ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะเร็วแค่ไหน แต่ถ้าไม่แข็งแกร่งพอ มันก็ไร้ประโยชน์” ใบหน้าเรียบเฉยของถังสวี่ไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย
“ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้บ่มเพาะพลังอิทธิฤทธิ์ ร่างแปลงสวรรค์ และกระบี่เทพเก้าหยิน เมื่อทั้งสองรวมกันก็สามารถ…”
เฉินซีโบกมือขึ้นขัดจังหวะ “เจ้ามาเพื่อคุยกับข้าหรือ?”
เขารู้โดยทันทีว่าถังสวี่ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้จิตใจของเขาหวาดกลัวและก่อเกิดมารในใจ ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...