บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 122

บทที่ 122 การยืนกรานของเฉินซี
บทที่ 122 การยืนกรานของเฉินซี

ฟิ้ว!

เนื่องจากการปกป้องของม่านแสงที่ปกคลุมอยู่ในสนามประลอง มันจึงเหมือนสระน้ำที่ถูกปิดสนิทกำลังพวยพุ่งอย่างไม่รู้จบ และในไม่ช้าก็จะเต็มด้วยวารีทิพย์เก้าอนธการที่หนาวเหน็บถึงกระดูก

ขาของถังสวี่ถูกมวลน้ำท่วมมิด แต่ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง กระบี่เทพเก้าหยินในมือของเขาเคลื่อนตามคลื่นที่ซัดสาดไปโดยรอบ ทำให้ม่านแสงรอบ ๆ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและส่งเสียงครั่นคร้าม

คลื่นที่น่าตกตะลึงได้โหมกระหน่ำและพวยพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า

ในขณะนี้ ถังสวี่เป็นเหมือนเทพแห่งวารีที่ปลดปล่อยพลังทำลายล้างอันไร้ขอบเขต ทำให้ผู้ชมทั้งหมดบนที่นั่งต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก

“จงเลิกต่อต้านซะ อย่างที่ข้าเคยบอก เจ้ามันไม่คณามือข้า!!” ในขณะที่มองไปยังเฉินซีที่กำลังถูกธารน้ำถาโถมและกำลังจะจมในไม่ช้า ใบหน้าอันแสนธรรมดาของถังสวี่เผยความพึงพอใจออกมา ความขมขื่นที่เฝ้าบ่มเพาะมากว่าสิบปีในดินแดนมืดมิดและหนาวเย็น ซ้ำยังต้องทนต่อความเจ็บปวดอันแสนสาหัสถึงเก้าปี ก็เพื่อต้องการแสดงความสามารถท่ามกลางความสนใจของผู้คนไม่ใช่หรือ?

กึก!

ในขณะนี้เองที่ร่างของเฉินซีหยุดนิ่งกะทันหัน จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงไปในมวลน้ำ สายตาที่จับจ้องอยู่ของถังสวี่ฉายแววประหลาดใจ

“คนผู้นี้คิดฆ่าตัวตายหรือ? วารีทิพย์เก้าอนธการเป็นถึงแก่นแท้ของวารีที่อยู่ลึกลงไปถึงสองพันจั้ง ภายใต้ดินแดนที่เยือกเย็นและมืดมิดจนเสียดกระดูก ตราบใดที่ผู้บ่มเพาะปราณภายในสัมผัสมันเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะถูกแช่เป็นน้ำแข็งและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมด คนผู้นี้กำลังรนหาที่ตายหรือ”

ถังสวี่รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเย็นชาขณะก้าวไปข้างหน้า และกระบี่เทพเก้าหยินที่ดุร้ายก็พุ่งเข้าหามวลน้ำ

ตู้ม!

ธารน้ำที่ไหลเชี่ยวพุ่งออกมาจากก้นสระ ขณะที่วังน้ำวนขนาดมหึมาทั้งแปดสายซัดสาดเข้าหากัน จนเกิดเสียงคำรามของมังกรร้ายทะยานออกมาจากภายใน แรงดูดและแรงหมุนของวังน้ำวนทั้งแปดสายได้ประสานเข้าด้วยกัน จนก่อตัวเป็นพลังทะลุทะลวงอันแหลมคมที่ทำให้ใจสั่นไหวและรู้สึกหวาดกลัว

ภายในใจกลางของวังน้ำวนมีกระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเล่มอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกมันเป็นเหมือนทวยเทพที่ควบคุมวังน้ำวน และปราณกระบี่อันแหลมคมที่พวยพุ่งออกมาจากมันก็อยู่ในระดับที่น่าตกตะลึง

แรงดูด!

แรงหมุน!

ปราณกระบี่อันแหลมคม!

เมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว พวกมันก็กลายเป็นพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งสามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และโจมตีถังสวี่จากทุกทิศทุกทาง

ถังสวี่ตกตะลึงในทันใด เมื่อพบว่าตนเองสูญเสียการควบคุมวารีทิพย์เก้าอนธการ ขณะที่พวกมันกลับถูกควบแน่นเป็นวังวนโดยกระแสปราณที่น่าสะพรึงกลัวทั้งแปดสายเพื่อโจมตีเขา!

ปัง! ปัง! ปัง!

เมื่อวังน้ำวนแรกโจมตีเขา กระบี่เทพเก้าหยินขนาดมหึมาราวกับตกอยู่ในมือของอสูร มันแตกออกทีละนิดก่อนที่จะกลายเป็นวารีทิพย์เก้าอนธการที่ถูกกลืนหายไปทั้งหมด ทำให้พลังของวังน้ำวนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้” ถังสวี่คำรามด้วยความโกรธ เขารีบหมุนเวียนปราณจ้าววิญญาณไปทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกายที่สูงสิบจั้งของเขาโปร่งแสง และปลดปล่อยพลังอันน่าเกรงขามออกมา ด้วยการถูฝ่ามือของเขา ทำให้กระบี่เทพเก้าหยินก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นชายหนุ่มก็ฟันไปยังวังวนที่กำลังโจมตีเขา

ปัง!

กระบี่เทพเก้าหยินแตกเป็นเสี่ยง ๆ และถูกกำจัดออกไป ก่อนที่ถังสวี่จะต้านทานได้อีกครั้ง วังวนทั้งแปดก็ถาโถมลงมาราวกับสัตว์ร้ายที่กระหายเลือดจนกลืนกินร่างของถังสวี่จากศีรษะไปถึงเท้า

ฟ่อ! ฟ่อ! ฟ่อ!

กระแสปราณทั้งแปดหมุนวนในทิศทางตรงกันข้ามขณะที่บดเข้าหากัน และแรงกดดันที่เกิดจากพวกมันได้บดขยี้ร่างของถังสวี่ ให้กลายเป็นผุยผงจนสลายไปอย่างสมบูรณ์

ตราบใดที่ศีรษะและหัวใจของผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลที่ฝึกฝนทักษะขัดเกลากายาเทพอสูรไม่ได้ถูกแทงทะลุ ผู้บ่มเพาะก็สามารถงอกแขนขาได้ใหม่และฟื้นตัวได้

ในระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เฉินซีได้สังเกตเห็นบางอย่าง …หลังจากที่กระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเล่มสับศีรษะของถังสวี่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่คนผู้นี้กลับฟื้นฟูร่างกายของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้เฉินซีจะไม่เข้าใจถึงความลับที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ แต่เฉินซีก็ยังคอยเฝ้าหาจุดอ่อนของมันอยู่ตลอดเวลา

วิธีการใช้วังวนเพื่อทำลายถังสวี่ในตอนนี้ คือวิธีการกำจัดศัตรูที่เฉินซีคิดออกเป็นอย่างแรก กระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเล่มถูกใช้ออกด้วยกระบวนท่าวายุทลายสุญญะ ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนท่าอันทรงพลังที่สุดของเคล็ดวิชากระบี่หยั่งรู้วาตะลอยละล่อง และมันได้ตัดการเชื่อมต่อระหว่างถังสวี่กับวังวนวารี จากนั้นเขาก็รวบรวมวังวนทั้งแปดที่มีเต๋าแห่งสายลม ให้พวกมันบดขยี้ร่างกายของถังสวี่เป็นผุยผง!

ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ หากถังสวี่ยังรอดไปได้ เฉินซีคงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเปิดเผยตัวตนในฐานะผู้ขัดเกลากายาและใช้กระบวนท่าฝ่ามือมหาดาราออกไป

โชคดีที่ทุกอย่างที่เฉินซีกังวลไม่ได้เกิดขึ้น

บนสนามประลอง วังวนและธารน้ำสลายไปแล้ว กระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเล่มต่างลอยคว้างอยู่ข้างชายหนุ่ม ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีย่ามใบหนึ่งหล่นลงมาที่พื้นและร่างของถังสวี่ที่ถูกบดขยี้เป็นผุยผงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ชนะสองในสามยก ตอนนี้ข้าชนะไปแล้วสองยก เซี่ยจ้าน เจ้าไม่คิดจะคุกเข่าขอโทษหรือ?” เฉินซีเก็บย่ามที่อยู่บนพื้นขึ้นมา จากนั้นหันกลับมาเผชิญหน้ากับเซี่ยจ้านที่อยู่ด้านล่างสนามประลอง

เนื่องจากการตายของถังสวี่ ทั่วสนามประลองจึงตกอยู่ในความเงียบงัน ในขณะนี้แม้ว่าเสียงของเฉินซีจะแผ่วเบา แต่ยังคงดังก้องอยู่ในหูผู้ชม

“ผู้บ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพอสูรตายแล้วจริง ๆ หรือ?”

“วิชากระบี่ของเด็กคนนี้ทรงพลังยิ่งนัก! พลังของวังวนทั้งแปดสายในตอนท้ายน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน…”

“วิเศษ! วิเศษมาก! ผู้บ่มเพาะปราณภายในสามารถฆ่าผู้บ่มเพาะกายาได้! การต่อสู้เช่นนี้หาได้ยากในรอบร้อยปี!”

“เยี่ยมมาก!” ต้วนมู่เจ๋อตบมืออย่างดุเดือด เขารู้สึกตื่นเต้นจนใบหน้แดงก่ำและคำรามออกมาเสียงดัง จนผู้บ่มเพาะที่อยู่รอบข้างต่างหันมามอง

“ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเฉินซีจะกลายเป็นคนที่ทรงพลังได้ขนาดนี้ ทันทีที่ออกเคลื่อนไหว มันก็กลายเป็นกระบวนท่าสังหาร” แววตามุ่งมั่นของตู้ชิงซีส่องประกายผิดปกติ และมุมปากที่เย็นชาของนางก็ยกยิ้มด้วยความยินดี

“เจ้าคงไม่ตกหลุมรักเขาใช่ไหม” ซ่งหลินหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม

“ไสหัวไปซะ!” ต้วนมู่เจ๋อกับตู้ชิงซีกล่าวออกมาพร้อมกัน เพียงแต่คนหนึ่งมีความขมขื่นซ่อนอยู่และไม่เต็มใจ ส่วนอีกคนเขินอายและไม่สบายใจ เพียงเท่านั้น ซ่งหลิงก็เข้าใจและไม่ได้กล่าวอะไรอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]