คำถามนั้นทำให้เซี่ยเหมิงถึงกับตกตะลึง และถามตัวเองว่าถ้าเขาเป็นเฉินซีและตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ …เขาคงไม่ให้อภัยกับสิ่งที่เซี่ยจ้านทำลงไป
แต่เขายอมไม่ได้!
เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเซี่ยที่เป็นหนึ่งในหกตระกูลใหญ่แห่งเมืองทะเลสาบมังกร เหตุใดถึงเทียบตัวเองกับเฉินซี และยังต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราเช่นนี้
น่าขันสิ้นดี!
ใครเคยเห็นศิษย์ของกองกำลังมหาอำนาจมาผูกมิตรกับขอทานข้างถนนบ้างเล่า
ใครเคยเห็นพญาอินทรีที่ผงาดบนท้องฟ้ากังวลว่ามดน้อยจะรู้สึกอย่างไร
ด้วยสถานะของเขา ตัวตน และเกียรติยศของตระกูลจะไม่ยินยอมให้เซี่ยจ้านทำเช่นนี้ ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะคิด จึงเอ่ยถามเสียงเย็นชา “เจ้าต้องการอะไร”
“คุกเข่าลงและโขกศีรษะ ทำอย่างที่รับปากไว้” เฉินซีเน้นคำพูดทีละคำ
เซี่ยเหมิงหัวเราะเย้ยหยัน จนแผลเป็นรอยตะขาบบนใบหน้าซีกซ้ายบิดเบี้ยว “แน่ใจแล้วหรือว่าจะทำอย่างนี้”
“เฉินซี! ช่างมันเถอะ เจ้าก็ชนะแล้ว… ขืนเอาเรื่องต่อไปจะไม่เกิดผลดีแก่ตัวเจ้าเอง แต่หากยังยืนยันที่จะเอาเรื่อง พวกเราพร้อมที่จะสนับสนุนเจ้าเต็มที่” ตู้ชิงซีและอีกสองคนพลันก้าวขึ้นไปบนลานประลองทันที
การปรากฏตัวของคนทั้งสามทำให้ผู้บ่มเพาะที่มาสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณนั้นต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฉินซีก็มีความสัมพันธ์กับสามคนนี้!
“ตู้ชิงซี ต้วนมู่เจ๋อและซ่งหลิน ฐานะทางสังคมของทั้งสามคนไม่ได้ด้อยไปกว่าเซี่ยเหมิงเลยแม้แต่น้อย!”
“น่าสนใจจริง ๆ! วันนี้มีแต่เรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นทั้งนั้น! แค่ช่วงประเดี๋ยวเดียวสี่คนจากหกตระกูลใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้การประลองครั้งนี้กลายเป็นเรื่องยากในรอบพันปีทีเดียว”
“ไม่แปลกใจเลยที่เด็กนั่นจะกล้าพูดกับเซี่ยเหมิงเช่นนั้น เขาก็มีคนหนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยเช่นกันนี่เอง!”
ในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ทุกคนตะลึงงันมากกว่าที่เห็น เหยียนชิงหนี่แห่งนิกายกระบี่เมฆาพเนจรเป็นผู้แรกที่ออกมาไกล่เกลี่ยเพื่อช่วยเหลือน้องชายกับพี่สาวที่ไม่มีคนหนุนหลังคู่หนึ่ง จากนั้นเฉินซีก็เข้ามาพัวพัน หลังจากที่ได้รับชมการปะทะคารมระหว่างทั้งสองฝ่าย ทุกคนต่างก็คิดเหมือนกันว่านี่น่าจะเป็นจุดสำคัญของเหตุการณ์ในครั้งนี้
ทว่าเซี่ยเหมิงผู้ไม่เคยเปิดเผยตัวนานนับสิบปีก็โผล่ออกมาโดยไม่มีใครคาดคิด ตามด้วยอัจฉริยะสามคนจากสามตระกูลใหญ่ที่ออกมาแสดงท่าทีหลังจากนั้นไม่นาน…
ทุกฉากทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลั่งไหลเข้าสู่ความคิดของคนในที่นั้นอย่างหนักหน่วง เหมือนกระแสน้ำที่ซัดสาดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเหตุให้พวกเขาถึงกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนแทบเสียสติเลยก็ว่าได้
“จริงด้วย… พี่ใหญ่เฉินซี ข้ากับน้องไม่ถือโกรธคนพวกนั้นแล้ว อย่าให้ท่านต้องมาลำบากเพราะพวกเราเลย” มู่เหยาจับมือน้องชายและพากันก้าวขึ้นไปบนลานประลอง ยามนี้สีหน้าของนางบ่งชัดว่ารู้สำนึกในบุญคุณเจือความวิตกกังวล
ในใจของเฉินซีรู้สึกโล่งอก แต่ภายนอกที่เห็นเขายังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเคย
เขารู้อยู่แล้วล่ะ… ไม่ว่าจะเป็นพวกตู้ชิงซีหรือมู่เหยาและมู่เหวินเฟย ทุกคนต่างทำไปเพราะเห็นแก่เขาอย่างจริงใจทั้งสิ้น แต่เป็นตนเองต่างหากที่ทำใจยอมรับสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้!
ทำไมเมื่ออีกฝ่ายยอมอ่อนข้อให้แล้ว ข้าต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ?
เหตุใดเวลาที่มู่เหยากับมู่เหวินเฟยต้องการขอโทษ แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากทุกคน
ชายหนุ่มเข้าใจดีถึงความแตกต่างทางสถานภาพ ตัวตนและความแข็งแกร่งของพลัง ระหว่างมดตัวน้อยกับยักษ์ แต่กระนั้นเขายังรังเกียจกติกาบ้าบอที่ทำให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้
เป็นเพราะมีกฎกติกาเหล่านี้ คนชั่วช้าเลวทรามถึงยังมีชีวิตอยู่ไปได้อีกนับร้อยปี แต่คนที่ตั้งใจทำดีเพื่อผู้อื่นกลับต้องมาตายอย่างน่าอนาถกลางถนน ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีความดีและความชั่ว ทุกอย่างตัดสินได้ด้วยความแข็งแกร่ง!
ชีวิตหนึ่งทำเพื่ออีกชีวิตหนึ่งและชดใช้หนี้ชีวิตด้วยอย่างนั้นหรือ ผลกรรมกับการจองเวร เวียนว่ายตายเกิดอย่างนั้นหรือ ตราบใดที่คนคนหนึ่งแข็งแกร่งอย่างแท้จริง คนคนนั้นจะมัวเมาไปกับการเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด! ใครจะนึกยำเกรงและคอยห่วงใย
เดือดดาลหรือไม่ เฉินซีคงต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เหตุการณ์เช่นนี้มีให้เห็นทั่วไปทั้งในสวรรค์และโลกมนุษย์ ซึ่งรังแต่จะขยายออกไปตลอดเวลา และเขาไม่สามารถแก้ไขความเป็นไปของกฎกติกาที่ดำเนินมาหลายปีดีดักได้ด้วยตัวเอง
กระนั้นเขาก็ไม่ปรารถนาจะปล่อยเซี่ยจ้านไปเฉย ๆ เขาไม่ใช่วีรบุรุษผู้กล้าที่เอ่ยอ้างอำนาจสวรรค์มาตัดสินด้วยความยุติธรรม แต่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนข้างตัวของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้แผนการของเฉินซีไม่เป็นผลอย่างสิ้นเชิง
“เฉินซีอย่างนั้นหรือ… เฉินซีไหน” ดูเหมือนเซี่ยเหมิงจะฉุกคิดขึ้นได้ ดวงตาหรี่ลงขณะถามออกไปด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย
ผู้ชมต่างให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากได้ยินคำกล่าว บางคนที่มีหัวคิดฉับไวได้หวนนึกถึงเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันที่แล้ว …และทำให้ตื่นตะลึงไปทั้งเมืองทะเลสาบมังกร
“เฉินซี! เขานั่นแหละเฉินซี!”
“เขาคือชายที่ฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำหกคน และคนขอบเขตแกนทองคำหยินหยางอีกหนึ่งคนของตระกูลซู!”
“ไม่น่าแปลกใจ… ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเอาชนะในการประลองยกที่สองได้ ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง!”
…
ตอนนี้ทุกคนพลันตกอยู่ในความโกลาหล!
ทุกสายตาจ้องมองไปที่เฉินซีเป็นตาเดียว แน่ชัดว่าพวกเขาอยากจะเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้แกร่งกล้าน่ากลัวเพียงใด
“ที่แท้พี่ใหญ่เฉินซีก็เป็นคนที่น่าเกรงขาม!” มู่เหยากับมู่เหวินเฟยได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังอื้ออึงรอบตัวแล้ว สายตาชื่นชมของทั้งสองก็มองไปยังเฉินซี
“เป็นเจ้านี่เอง” เซี่ยเหมิงเขม้นมองเฉินซีอย่างเคร่งขรึม เมื่อคนยิ่งมีชื่อเสียงมาก เขาย่อมแผ่อำนาจบารมีเหนือผู้อื่น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมั่นใจในพลังแข็งแกร่งของตัวเองสักเพียงใด การเผชิญหน้ากับตัวตนที่สามารถฆ่าคนขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ก็ต้องชั่งน้ำหนักถึงผลที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงหากจะต้องต่อสู้กับชายหนุ่ม
“อะไรกัน ข้าเมื่อก่อนกับตอนนี้มีอะไรที่แตกต่างไปอย่างนั้นหรือ” ขณะที่ชายหนุ่มมองเซี่ยเหมิงที่เปลี่ยนความคิดไปอย่างกะทันหัน เฉินซีก็เอ่ยเยาะเย้ยอย่างไม่ปกปิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...