บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1280

บทที่ 1280 บรรพบุรุษของเผ่าวิหคอมตะ

บทที่ 1280 บรรพบุรุษของเผ่าวิหคอมตะ

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันกลับไปถามเสวี่ยเจิ้น “หากข้าเชิญผู้อาวุโสเซวียนหยวนพัวจวินมาที่นี่ ข้าจะสามารถดูข้อมูลนี้ได้หรือไม่?”

เสวี่ยเจิ้นส่ายหน้า “ผู้อาวุโสเซวียนหยวนเป็นเพียงหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายใน และอำนาจของเขาไม่อาจดูข้อมูลนี้ได้”

เฉินซีเลิกคิ้วขึ้น และยิ่งแน่ใจว่าข้อมูลชิ้นนี้มีความลับที่น่าตกใจอย่างแน่นอน เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ชายหนุ่มถามอีกครั้ง “แล้วผู้อาวุโสเสิ่นฮ่าวเทียนล่ะ? เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของฝ่ายสงวนโอสถ ดังนั้นเขาควรจะมีคุณสมบัติใช่หรือไม่?”

เสวี่ยเจิ้นตกตะลึง จากนั้นก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ข้อมูลชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของกองกำลังภายในภพเซียน ในฐานะปรมาจารย์เต๋าแห่งโอสถ คุณสมบัติของอาจารย์ใหญ่เสิ่นก็ขาดไปเล็กน้อยเช่นกัน”

เฉินซีขมวดคิ้วอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “แล้วข้าควรพาใครมาดี?”

เสวี่ยเจิ้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นรีบกล่าวว่า “ศิษย์พี่เฉินซี ถ้าท่านต้องการดูข้อมูลชิ้นนี้ ก็คงมีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้น และนอกจากท่านเจ้าสำนักแล้ว อาจารย์ใหญ่ฝ่ายใน ผู้อาวุโสฉือฉางเซิง ศิษย์ของเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสหัวเจี้ยนคง บรรพบุรุษของฝ่ายสงวนคัมภีร์แห่งภพมังกร ผู้อาวุโสอู่หมิง….”

“แล้วหญิงชราอย่างข้าล่ะ?” ก่อนที่เสวี่ยเจิ้นจะกล่าวจบ เสียงที่ชัดเจนและไพเราะก็ดังก้องขึ้นมาทันที เสียงนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่ง ทั้งยังดูคล้ายท่วงทำนองของธรรมชาติ ซึ่งดังก้องอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจและทำให้วิญญาณปลอดโปร่ง

เฉินซีจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า บรรยากาศที่คึกคักภายในหอความลับเซียน ได้ตกอยู่ในความเงียบงันมาสักพักแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ ทุกคนต่างหยุดมือและมองยังทิศทางเดียวกัน ใบหน้าของพวกเขาล้วนเผยให้เห็นความตกใจและความเคารพอยู่ในที

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเสียงหนึ่งเท่านั้น!

เมื่อเฉินซีฟื้นจากอาการตกใจและมองไปที่ประตูทางเข้า เปลือกตาพลันกระตุกทันที และมีท่าทางตกใจเช่นกัน

เนื่องจากเจ้าของเสียงนั่นเป็นหญิงสาวที่มีผมสีขาวราวกับหิมะ รูปร่างหน้าตาดูอ่อนเยาว์ แและเรียบเนียน ในขณะที่ดวงตาของนางลุ่มลึกและสงบดุจทะเลสาบ ทั้งยังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีทอง

นางสวมชุดชาววังสีทองปักดิ้นสีดำ ถือไม้เท้าวิหคเพลิงนภาสีทองยาวกว่าสิบสองฉื่อ ผมสีขาวถูกม้วนเป็นมวยอยู่ที่ด้านหลังศีรษะและตรึงไว้ด้วยปิ่นปักผมที่ทำจากไม้ เผยให้เห็นใบหน้างดงามไร้ที่ติปราศจากมลทิน ร่างกายก็เปล่งรัศมีสง่างามและสูงส่ง

เมื่อนางมาถึง กลิ่นอายภายในห้องทั้งหมดดูเหมือนจะสยบต่อนาง และตกอยู่ในความเงียบงัน

“จ้าวไท่ฉือ!”

ทันใดนั้น เฉินซีก็จำนางได้ เพราะในขณะนี้ จ้าวเมิ่งหลีนั่นเชื่อฟังเหมือนแกะตัวน้อย และก้มศีรษะลง ขณะเดินตามหญิงสาวผมขาวผู้นี้

ยิ่งกว่านั้น มีเพียง ‘วิหคอมตะเฒ่า’ ที่ปลีกวิเวกสันโดษอยู่ภายในเขตสงวนคัมภีร์มานานเท่านั้น ที่สามารถมีกลิ่นอายที่สง่างามและสูงส่งเช่นนี้ได้ ทั้งยังมีเพียงตัวตนระดับนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้กลิ่นอายภายในห้องโถงสยบแก่นางอย่างเงียบ ๆ ได้

“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสเซวียนหยวนพัวจวินผู้ไร้กังวลจะหวาดกลัวเมื่อกล่าวถึงนาง กลิ่นอายที่น่าเกรงขามแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะสามารถครอบครองได้…” เฉินซีอุทานด้วยความตกใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเห็นผู้อาวุโสของสำนักในตำนานปรากฏตัวที่นี่

แต่ที่น่าตกใจที่สุดสำหรับเฉินซี คือจ้าวไท่ฉือกำลังเดินตรงมาหาตน

ไม่ใช่แค่เฉินซี คนอื่น ๆ ในห้องโถงก็ประหลาดใจและงุนงงเช่นกัน เพราะพวกเขาสงสัยว่าเหตุใดผู้อาวุโสผู้ปลีกวิเวกสันโดษอยู่ในสำนักมาหลายปีจึงมาปรากฏตัวที่นี่ หลังจากนั้น ทุกสายตาก็จ้องมองไปที่เฉินซีทันที

“โอ้! เป็นเพราะเฉินซีเองหรือ?”

“ที่แท้เป็นเขาเอง? หรือการที่ผู้อาวุโสจ้าวไท่ฉือมาที่นี่ ก็เพื่อมาหาชายคนนี้เท่านั้น”

“นี่ไม่เป็นการทำเรื่องใหญ่โดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ? ถ้ากล่าวตามเหตุผลแล้ว หากนางต้องการพบเฉินซี แค่เรียกตัว เขาก็ต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่ทันทีเพื่อไปพบกับนางไม่ใช่หรือ?”

“เจ้าเด็กนี้จะมีเกียรติขนาดนั้นได้อย่างไร? ถึงทำให้วิหคอมตะเฒ่าตนนี้ซึ่งมีอำนาจเหนืออาจารย์ใหญ่ฉือฉางเซิงต้องมาหาด้วยตัวเอง”

หลายคนในบริเวณใกล้เคียงจำเฉินซีได้ ดังนั้นจึงรู้สึกประหลาดใจและงุนงงเล็กน้อย

“หึ กี่ปีแล้วที่ข้าไม่ได้ออกมาเดินเล่นข้างนอก? นึกไม่ถึงว่าสำนักจะก่อตั้งหอความลับเซียน ว่าแต่พ่อหนุ่ม ข้าพอจะมีคุณสมบัติในการดูข้อมูลชิ้นนี้หรือไม่?”

จ้าวไท่ฉือขยับเท้าวูบหนึ่ง นางพลันปรากฏตัวที่ข้างกายเฉินซีทันที ดวงตาที่อาบไปด้วยเปลวเพลิงสีทองกวาดดูข้อมูลสีแดงเข้มบนม่านแสง ก่อนจะกล่าวพร้อมกับยิ้มเบาบาง เสียงของนางทั้งชัดเจนและไพเราะ ราวกับขับขานท่วงทำนองแห่งเต๋า มันกระแทกหัวใจของผู้ฟังโดยตรงขณะที่มันดังก้องไปทั่วห้องโถง

เห็นได้ชัดว่านางมีรูปลักษณ์ที่งดงามไร้ที่เปรียบ แต่ก็แผ่กลิ่นอายทรงพลังที่ทำให้คนอื่นต้องสยบต่อหน้านาง แม้แต่เสื้อผ้าและผมสีขาวราวหิมะก็แผ่กลิ่นอายที่สง่างามอย่างไม่มีใครเทียบได้

“ได้ขอรับ ๆ” เสวี่ยเจิ้นไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากบรรพบุรุษในตำนานของเผ่าวิหคอมตะอย่างจ้าวไท่ฉือปรากฏตัว นางจะกล่าวกับตนจริง ๆ เขารู้สึกท่วมท้นด้วยความโปรดปรานที่คาดไม่ถึง จึงกล่าวอย่างตะกุกตะกัก

จ้าวไท่ฉือยื่นมือของนางออกไป และดึงแผ่นหยกสีแดงเข้มออกมาจากม่านแสง ทว่านางไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง แต่กลับส่งให้จ้าวเมิ่งหลีที่ยืนอยู่ข้างเคียงแทน

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าที่งดงามของจ้าวเมิ่งหลีก็แดงเรื่อด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้จะเป็นเพียงชั่วครู่ แต่จ้าวไท่ฉือก็ยังสังเกตเห็น และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ ทว่าจ้าวไท่ฉือไม่ได้กล่าวอะไร เพียงจ้องเฉินซีซึ่งยังคงท่าทีสงบเหมือนทะเลสาบ

เฉินซีรู้สึกได้ทันทีว่าแรงกดดันที่คล้ายกับขุนเขาได้แล่นไปทั่วกาย ทำให้รู้สึกอึดอัดจนไม่สบายตัว ราวกับถูกบรรพบุรุษของเผ่าวิหคอมตะผู้นี้มองทะลุผ่านอย่างปรุโปร่ง

ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เฉินซีเพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มจึงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยายามอย่างหนักที่จะนึกถึงภาพชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกของตน

ไม่นานหลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายและหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันจากก่อนหน้านี้อีกต่อไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]