บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1306

บทที่ 1306 เฆี่ยนตี

บทที่ 1306 เฆี่ยนตี

ผนึกเทวศสวรรค์!

พริบตานั้น คนส่วนมากก็จำขุมทรัพย์อมตะโบราณชิ้นนี้ได้ พากันตกตะลึงไปเล็กน้อย ส่วนสีหน้าของศิษย์และอาจารย์สำนักศึกษาระทมสันต์ซีดลงทันใด

ไอ้บัดซบนี่กล้าใช้สมบัติของสำนักศึกษาระทมสันต์จัดการศิษย์สำนักศึกษาระทมสันต์เชียวหรือ? รนหาที่ตายเสียแล้ว!

“ผนึกเทวศสวรรค์? ก็ไม่เป็นไร ข้าจะถือโอกาสนี้ชิงสมบัติคืนมาเสียเลย!” เหยียนอวิ๋นเองก็จำสมบัติชิ้นนี้ได้ ในใจเกิดจิตสังหารพวยพุ่ง ปราณกระบี่สีโลหิตพวยพุ่งขึ้นฟ้า ย้อมเบื้องบนให้กลายเป็นสีแดงเข้มแล้วซัดพลังลงมา

จังหวะนั้นเฉินซีก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ผมดำขลับสะบัดพลิ้ว สายตาคมดั่งสายฟ้าฟาด ชายหนุ่มกระทืบเท้าและส่งผนึกเทวศสวรรค์ออกไป

ตอนนี้ ร่างเฉินซีเต็มไปด้วยแสงสีทองส่องสว่าง ทำให้ดูเหมือนดวงตะวันสว่างจ้าบนฟากฟ้า ฟ้าดินดูมืดมัวไปในพลัน!

ทุกคนตกตะลึง ตอนนี้เฉินซีราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ปลดปล่อยกลิ่นอายสูงส่งเย่อหยิ่งออกมา

ท่าทางดุดันดูน่าเกรงขามยิ่ง ทำให้ผู้อื่นไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกัน!

ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนรอบข้าง ผนึกเทวศสวรรค์ก็ส่องแสงสว่างเรือง ตัวมันเปลี่ยนเป็นคลื่นสีเขียวเข้มรุนแรง ฝ่าแสงสีทองของปราณกระบี่เข้าไปชั้นแล้วชั้นเล่า ก่อนจะปะทะเข้ากับกระบี่สีโลหิตขนาดใหญ่ของเหยียนอวิ๋น

ตู้ม!

เสียงตูมดังลั่นสะท้านฟ้าดิน ลมดั่งพายุพัดผ่านสนามประลอง แสงสว่างจ้าส่องไปทั่วทุกทิศ ปรานกระบี่สีเลือดอันไร้ขอบเขตแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในขณะที่ร่างแข็งแกร่งของเหยียนอวิ๋นถูกแรงปะทะบีบให้ถอยหลังไปหลายก้าว

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ทุกย่างก้าวส่งผลให้เกิดรอยปรากฏขึ้นบนห้วงอากาศ สีหน้าซีดเซียวลงไปทุกขณะ เมื่อถอยไปครบสิบก้าว ในที่สุดก็ทรงตัวได้ ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ช่างเป็นพลังที่ร้ายกาจอะไรเช่นนี้!

การโจมตีครั้งเดียวบีบให้เหยียนอวิ๋นถอยไปถึงสิบก้าว!

เมื่อเห็นเช่นนี้ รอบข้างก็ได้ยินเสียงคนสูดปากขึ้นมา

ทว่าเหล่าศิษย์และอาจารย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ากลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เหมือนได้เห็นแสงแห่งความหวังที่ปลายอุโมงมืด ทั้งไม่อยากเชื่อและรู้สึกยินดีไปพร้อมกัน ความกังวลภายในใจสลายไปกว่าครึ่ง

เก่งกล้าสามารถนัก!

ไม่แน่ว่าเฉินซีอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์ในครั้งนี้ก็เป็นได้?

ตู้ม!

เฉินซียังไม่สนสิ่งอื่นใด หลังจากโจมตีเหยียนอวิ๋น เขาก็ไม่ยั้งมืออีก ส่งผนึกเทวศสวรรค์กระแทกลงไปทันที

พลังนี้ดั่งกระแทกหลายขุนเขาลงไป ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือท่าทางน่าเกรงขาม ล้วนเหนือกว่าเหยียนอวิ๋นหลายเท่า

อีกทั้งหลังจากได้ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติมา ความเร็วก็เพิ่มขึ้นสูง ทำให้มาปรากฏตัวอยู่ข้างเหยียนอวิ๋นได้ในพริบตา จากนั้นก็กระแทกผนึกเทวศสวรรค์ใส่อีกฝ่าย

เหยียนอวิ๋นหลบไม่ทัน ได้แต่ตั้งรับการโจมตี เห็นได้ชัดว่าตนประเมินฝีมือเฉินซีต่ำไป ความรู้สึกราวถูกศิลาใหญ่ร่วงใส่ แขนทั้งสองข้างเจ็บปวดขึ้นมา ส่วนกระบี่สีโลหิตก็แทบประเด็นหลุดมือ ทว่าไม่พอเท่านั้น ร่างของเขายังกระแทกพื้นสนามประลองต่อ ถึงกับกระอักเลือดออกมาแล้วร่างกระตุก

ทุกคนชะงักไป จากนั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทันใด

น่าเกรงขามยิ่ง!

ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่ได้ใช้วิชาสะท้านฟ้าหรือพลังสะเทือนดินแต่อย่างใด เพียงแต่โจมตีไปตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมก็เท่านั้น แต่กลับเผยให้เห็นความสามารถน่าเกรงขามที่ทำเอาทุกคนตกอกตกใจได้

การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น! เดิมทีทุกคนกลัวว่าเฉินซีจะถูกเหยียนอวิ๋นผู้ดุดันน่าเกรงขามกดขี่ข่มเหงเข้า เพราะคนผู้นั้นดุดันจนเหมือนสัตว์อสูรคลั่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเหยียนอวิ๋นต่างหากที่ถูกกดจนจมดิน!

ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของใครหลายคน ในใจจึงเกิดความไม่อยากเชื่อขึ้นมา

“เด็กคนนี้จะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?” ณ ที่นั่งสำนักศึกษาระทมสันต์ อาจารย์ที่นำกลุ่มมานามเหลิ่งอวิ๋นโส่วถึงกับตกตะลึง ลุกขึ้นมามองด้วยความไม่อยากเชื่อ

ด้านหลังของเขาคือศิษย์สำนักศึกษาระทมสันต์ที่ก็ดูตกตะลึงไม่แพ้กัน

“เด็กคนนี้ไม่เลวเลยนี่ เฉินซีไม่เลวเลยจริง ๆ!” หวังต้าวหลูพยักหน้าหลายครั้ง ถอนหายใจโล่งอกหนัก ๆ ออกมา รู้สึกผ่อนคลายลงมาก

“ข้ามีความรู้สึกว่าศิษย์น้องเฉินซีมีความสามารถมากกว่านี้…” เยี่ยถังยิ้มตาเป็นประกายลึกล้ำ

จ้าวเมิ่งหลีและเจิ่นลู่พยักหน้าเห็นด้วยในใจเช่นกัน เพราะพละกำลังที่เฉินซีเผยออกมาในตอนนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงไม่น้อย

บนสนามประลอง เหยียนอวิ๋นกัดฟันแน่น เขาหลบการโจมตีถัดมาของเฉินซีไปได้ จากนั้นแวบร่างออกห่างอีกฝ่าย ก่อนจะคำรามลั่นด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม “เจ้า…”

ยังไม่ทันสิ้นคำ ภาพตรงหน้าก็พลันดำมืด เห็นเพียงผนึกโบราณสีเขียวเข้ม จึงได้แต่ยกกระบี่สีโลหิตขึ้นต้านผนึกเทวศสวรรค์ไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]