บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1307

สรุปบท บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ

บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ

การถกวิถีเต๋าระหว่างเฉินซีและเหยียนอวิ๋นจบลงในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา แต่ผลกระทบที่ทุกคนได้รับนั้น ถือได้ว่าน่าตื่นเต้นที่สุดในการถกวิถีเต๋ารอบที่สอง

เหตุผลก็คือ พลังฝีมือที่เฉินซีได้เผยออกมานั้น มันช่างท้าทายสวรรค์และทรงพลังเกินไปจริง ๆ ซึ่งเป็นการบดขยี้เหยียนอวิ๋นในตลอดการต่อสู้ จนอีกฝ่ายแทบสิ้นใจ

รูปแบบการต่อสู้ที่เร้าใจและความสามารถในการครอบงำนี้ ทำให้เหล่าศิษย์และเหล่าอาจารย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ารู้สึกตื่นเต้นและยินดีอย่างยิ่ง

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พวกเขารู้สึกถูกกดขี่และทนทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานเหลือเกิน ในขณะนี้ ความรู้สึกสูญเสีย ความโกรธ ความรำคาญ ความกังวล และความวิตกกังวลในใจทั้งหมดได้ถูกระบายออกไปจนหมดสิ้น และมันก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ของสำนักศึกษาระทมสันต์ ล้วนแต่มีสีหน้าเศร้าหมอง และเผยให้เห็นความกรุ่นโกรธ เนื่องจากเฉินซีลงมืออย่างโหดเหี้ยมเกินไป และเกือบจะทำให้เหยียนอวิ๋นพิการ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าหนึ่งปี กว่าเหยียนอวิ๋นจะหายเป็นปกติ

ช่างเป็นไอ้สารเลวจริง ๆ!

นี่เป็นการตัดสินของอาจารย์และเหล่าศิษย์ของสำนักศึกษามหาเดียวดายและสำนักศึกษานภาไพศาลที่มีต่อเฉินซีในทำนองเดียวกัน

“ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าหลังจากที่เจ้าบรรลุขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงแล้ว พลังฝีมือจะพัฒนาไปมากขนาดนี้” หวังต้าวหลูเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ และชมเชยอย่างไม่ขาดปาก

ส่วนเยี่ยถัง จ้าวเมิ่งหลี และคนอื่น ๆ ต่างจ้องมองเฉินซีราวกับเป็นตัวประหลาด การแสดงฝีมือในสนามประลองก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่เหนือกว่าเท่านั้น แต่ยังโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี!

เฉินซีเพียงยิ้ม และกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว ว่าอย่าได้แปลกใจเกินไป”

พวกเขาต่างกล่าวสิ่งใดไม่ออก

ท่ามกลางบรรยากาศที่อึกทึกครึกโครมนี้ เสียงที่คมชัดและเศร้าหมองของเซียวเชียนซุ่ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฮึ่ม! อย่าชะล่าใจให้มากนัก! การถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนักยังไม่สิ้นสุด แต่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ากลับกำลังเฉลิมฉลองล่วงหน้าแล้วหรือ?!”

ทันทีที่สิ้นคำ มันก็ระงับเสียงเซ็งแซ่รอบข้างทันที โดยเฉพาะเมื่อตระหนักได้ว่ารอบที่สามกำลังจะเริ่มขึ้น ความตื่นเต้นบนใบหน้าของศิษย์หลายคนก็ลดลงอย่างมาก และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าหนักใจอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าคำกล่าวของเซียวเชียนซุ่ยจะเต็มไปด้วยคำถากถาง แต่ก็เป็นความจริง มันเป็นเพียงรอบที่สองของการถกวิถีเต๋า และยังมีรอบสุดท้ายหลังจากนี้!

ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มหนักอึ้งและกดดัน

เหตุผลนั้นง่ายมาก แม้ว่าเฉินซีจะได้รับชัยชนะ แต่สถานการณ์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็ยังเสียเปรียบอย่างยิ่ง เนื่องจากเหลือเฉินซีเพียงคนเดียวในรอบที่สาม ในขณะที่ สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล รวมเหลือศิษย์อยู่ถึงเจ็ดคน ซึ่งไม่นับว่านเจี้ยนเซิงที่สละสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้!

เมื่อรวมกับกฎของรอบที่สาม ซึ่งอนุญาตให้ศิษย์สามารถเลือกและท้าทายคู่ต่อสู้ได้อย่างอิสระ เฉินซีจึงเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด

ลองคิดดู ถ้าศิษย์ทั้งเจ็ดคนท้าทายเฉินซีพร้อมกัน จะอะไรเกิดขึ้น?

“พวกเขาคงไร้ยางอายขนาดนั้นกระมัง?” ศิษย์คนหนึ่งขมวดคิ้วและเป็นกังวลอย่างยิ่ง

“ไร้ยางอาย? เพื่อให้มาซึ่งตำแหน่งผู้ชนะเลิศ พวกมันย่อมคิดท้าทายศิษย์พี่เฉินซีอย่างแน่นอน ตราบใดที่พวกมันเอาชนะศิษย์พี่เฉินซีได้ ตำแหน่งผู้ชนะเลิศก็จะอยู่ในกำมือของพวกมัน” ศิษย์อีกคนถอนหายใจ และรู้สึกว่ามีโอกาสสูงที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นในรอบที่สามของการถกวิถีเต๋า

ในช่วงเวลาหนึ่ง ความกังวลเล็ก ๆ ก็เกิดขึ้นในใจของทุกคนอีกครั้ง แม้เฉินซีจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แต่…เขาจะต้านทานการท้าทายของศิษย์จากทั้งสามสำนักได้อย่างไร

โดยเฉพาะบุคคลที่น่าเกรงขามเช่นเซียวเชียนซุ่ยที่ไม่ด้อยไปกว่าว่านเจี้ยนเซิง ก็ปรากฏตัวอยู่ในหมู่ศิษย์ทั้งเจ็ดคนนั้น!

“เฉินซี” หวังต้าวหลูขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานาน และเขาก็รู้สึกลังเล ก่อนที่จะตัดใจถาม “เฉินซี… เจ้ามั่นใจเพียงใด?”

สิ้นคำ เยี่ยถังและคนอื่น ๆ ก็จ้องมองมาเช่นเดียวกัน พวกเขาทราบอย่างชัดเจนว่า เซียวเชียนซุ่ยเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือยากที่สุดในรอบที่สาม

แม้ว่าเฉินซีจะสามารถเอาชนะเซียวเชียนซุ่ยได้ แต่ก็ยังมีศิษย์อีกหกคนที่จ้องมองมาด้วยความเป็นศัตรู และไม่มีใครที่อ่อนแอในหมู่พวกเขา!

ที่สำคัญ ตามกฎของรอบที่สาม ไม่อนุญาตให้พักและฟื้นพลัง กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเฉินซีถูกท้าทาย เขาจะต้องต่อสู้ต่อไปโดยไม่อาจหยุดพัก

ด้วยวิธีนี้ สถานการณ์ที่เฉินซีเผชิญอยู่ก็จะเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น

เฉินซีเพียงไหวไหล่ จากนั้นเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย “เราจะรู้ผลได้ ก็หลังจากที่ข้าต่อสู้กับพวกเขาแล้วเท่านั้น ก็อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว คอยดูอย่างใจเย็น มีการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายกำลังจะเกิดขึ้น”

น้ำเสียงที่เฉยชา ทว่าแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน แต่กลับทำให้หัวใจของหวังต้าวหลูและคนอื่น ๆ มีความมั่นใจและสงบมากขึ้น พวกเขาจึงไม่กังวลเหมือนก่อนหน้านี้

ชื่อของศิษย์ที่เข้าร่วมในรอบสุดท้าย ได้ถูกเปิดเผยแล้ว

โดยเรียงตามลำดับ ได้แก่ เฉินซีจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เซียวเชียนซุ่ย เหอเลี่ยนฉี และหวังเซวี่ยชงจากสำนักศึกษาระทมสันต์ อู่ฟางจวินและเยว่อวี่จากสำนักศึกษามหาเดียวดาย อวี่ซิวสุ่ยและไฉ่ทาจากสำนักศึกษานภาไพศาล

ศิษย์ทั้งหมดแปดคน

ผู้ที่เป็นที่สนใจมากที่สุดในหมู่พวกเขา ย่อมเป็นเซียวเชียนซุ่ย เพราะตามข่าวลือ พลังฝีมือของคนผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าว่านเจี้ยนเซิงเลย นอกจากเซียวเชียนซุ่ยแล้ว อีกหกคนก็ยังน่าเกรงขามอย่างมากเช่นกัน และนี่เห็นได้ชัดจากความสามารถในการเข้าสู่รอบที่สามของการถกวิถีเต๋า

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเซียวเชียนซุ่ยหรืออีกหกคน พวกเขาก็ไม่เป็นที่รู้จักในภพเซียนแม้แต่น้อย กระทั่งข้อมูลที่ได้รับจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ทั้งเจ็ดคนนั้น ไม่ใช่ตัวตนอันดับต้น ๆ ในสำนักของตนด้วยซ้ำ

แต่กลับสามารถระเบิดพลังฝีมือที่เกินความคาดหมายของทุกคนในระหว่างการถกวิถีเต๋า และไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันเกี่ยวข้องกับนิกายอำนาจเทวะอย่างแน่นอน

เมื่อชิงเยี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้ ก็อดขบขันไม่ได้ ความกังวลที่ต่อเฉินซีก็สลายไปอย่างไร้ร่องรอย

แก๊ง!

เสียงระฆังที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง และม่านการถกวิถีเต๋ารอบสุดท้ายก็ถูกรูดออก

ศิษย์ที่จับได้หมายเลขหนึ่ง คืออวี่ซิวสุ่ยจากสำนักศึกษานภาไพศาล เขามีใบหน้าหล่อเหลาและคมคาย มีท่าทางสง่างาม และถือพัดหยกทองคำทมิฬไว้ในมือ

เมื่อระฆังดังขึ้น เขาก็แทบไม่ลังเลที่จะชี้พัดหยกในมือไปทางเฉินซี แล้วเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างภาคภูมิ “เฉินซี ข้าจะถกวิถีเต๋ากับเจ้าเอง!”

แม้พวกเขาจะตระหนักดีว่า ผลลัพธ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่ผู้ชมก็ยังอดไม่ได้ที่จะแตกตื่น และรู้สึกกังวล

เฉินซีเพียงส่ายศีรษะ “ในเมื่อเจ้ากังวลมากที่จะถูกกำจัด เช่นนั้นก็ตามที่เจ้าต้องการ”

ทันทีที่สิ้นคำ อวี่ซิวสุ่ยหัวเราะเสียงเย็น “ช่างฟังดูอวดดีอะไรเช่นนี้!”

เฉินซีไหวไหล่และไม่กล่าวอะไรอีก

คนอื่น ๆ ออกจากสนามประลองทันที เหลือเพียงเฉินซีและอวี่ซิวสุ่ยที่ยืนประจันหน้ากัน

ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศกลายเป็นการเผชิญหน้าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันทันที สายตาของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ จ้องมองไปที่สนามประลองเป็นตาเดียว บรรยากาศเงียบกริบจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ

“เริ่มเถอะ!” อวี่ซิวสุ่ยกล่าวอย่างภาคภูมิ ร่างกายเรืองรองไปด้วยแสงสีฟ้าอ่อน มันดูเลือนรางราวกับภาพฝัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ปล่อยคลื่นพลังผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ใจสั่นไหว

เฉินซีพลิกฝ่ามือ น้ำเต้าสีเหลืองโบราณออกมา พื้นผิวของมันถูกจารึกไว้ด้วยลวดลายของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว พืชพรรณ สรรพสัตว์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ทันทีที่มันปรากฏ ก็ปล่อยคลื่นพลังปราณฟ้าดินหนาแน่น

มันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติของสำนักศึกษานภาไพศาล น้ำเต้าฟ้าดิน!

ก่อนหน้านี้ เฉินซีได้ใช้ผนึกเทวศสวรรค์ของสำนักศึกษาระทมสันต์เพื่อทุบเหยียนอวิ๋นผู้เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาระทมสันต์ จนอีกฝ่ายอาบไปด้วยเลือดจวนสิ้นใจ ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับอวี่ซิวสุ่ยจากสำนักศึกษานภาไพศาล เฉินซีได้หยิบน้ำเต้าฟ้าดินของสำนักศึกษานภาไพศาลออกมา เพื่อต่อสู้กับอวี่ซิวสุ่ย!

ริมฝีปากของหลายคนกระตุกวูบเมื่อได้เห็นฉากนี้

เวลาเช่นนี้ แต่ศิษย์พี่เฉินซียังคงอหังการและห้าวหาญ มันทำให้พวกเราไม่สามารถห้ามตัวเองจากการหัวเราะได้

ความวิตกกังวลในใจของพวกเขาสลายไปอย่างมาก

ในทางกลับกัน ใบหน้าของพิสดารเฟิงของสำนักศึกษานภาไพศาลก็ดิ่งลงทันที…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]