บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 131

บทที่ 131 งานจัดอันดับมังกรซ่อนเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

บทที่ 131 งานจัดอันดับมังกรซ่อนเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

เฉินซีซื้อค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสจากหอขุมทรัพย์สวรรค์ แม้ว่ามันจะเป็นแผนภาพค่ายกลกระบี่ระดับลึกล้ำที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีราคาถึงสองแสนชั่งของวารีวิญญาณ ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูงยิ่งนัก

แต่อานุภาพของค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสนั้นคู่ควรกับราคาเช่นนี้จริง ๆ

แค่ขั้นแรกของมันก็สามารถทำลายล้างผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำได้

หลังจากบ่มเพาะจนถึงขั้นที่สองแล้ว การต่อสู้กับผู้บ่มเพาะ ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!

แต่ด้วยการบ่มเพาะของเฉินซีในปัจจุบัน เขาสามารถเรียกใช้ค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสในขั้นที่สองอย่างมากที่สุดก็ประมาณสามครั้ง หลังจากนั้น ปราณแท้ของเขาก็จะเหือดแห้ง และไม่อาจเกื้อหนุนเขาได้อีก

‘ถ้าข้าสามารถบรรลุขอบเขตเคหาทองคำได้ ข้าก็สามารถใช้ค่ายกลกระบี่ขั้นที่สองได้อย่างไม่ต้องกังวล’ เฉินซีวาดอักขระจ้าววิญญาณบนกระบี่บินขณะที่เขาครุ่นคิด

ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป สีหน้าของเฉินซีก็ซีดเผือดลง ร่างกายของเขาอ่อนล้าเป็นอย่างมาก

การใช้แก่นโลหิตเพื่อวาดอักขระจ้าววิญญาณเป็นการเผาผลาญทั้งปราณแท้และทรมานร่างกายอย่างมาก โชคดีที่เขาได้บรรลุการขัดเกลาร่างกายจนถึงขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสองดาราแล้ว จึงมีพละกำลังและพลังชีวิตเปี่ยมล้น

อันที่จริง นี่ไม่ใช่ข้อดีเพียงอย่างเดียวหลังจากที่ร่างกายของเขาบรรลุสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิล เมื่อใดที่เขาโคจรเคล็ดวิชาบ่มเพาะ ร่างกาย ผิวหนังของเขาจะกล้าแกร่งขึ้นและปราณจ้าววิญญาณจะไหลเวียนในร่างกายของเขาอย่างรุนแรง สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเขาสามารถต้านทานศัสตราวิเศษได้ แม้แต่กระบี่บินระดับมนุษย์ก็ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้

“จงตื่นขึ้น!”

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เสียงกระบี่ดังพ้องกันเหมือนกระแสน้ำที่ไหลบ่าภายในห้องที่เงียบสงบ ขณะนี้กระบี่บินทั้ง 64 เล่มลอยขึ้นภายใต้การควบคุมของเฉินซี ก่อนที่กระบี่บินทุก ๆ แปดเล่มจะก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่ขนาดเล็ก จากนั้นค่ายกลกระบี่ขนาดเล็กทั้งแปดจะประสานซึ่งกันและกันกลายเป็นค่ายกลกระบี่ขนาดใหญ่

เมื่อมองจากระยะไกล ค่ายกลกระบี่ขนาดใหญ่นี้เหมือนกับแผนภาพไทเก็กที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศอย่างไร้ที่สิ้นสุด ดูกว้างใหญ่และทรงพลังยิ่ง

“ลมลืมเลือนเป็นดั่งพื้นผิว ธารประทีปเป็นรากฐาน เสาทั้งแปดยังคงไม่เคลื่อน กลายเป็นหนึ่งเดียว!” เฉินซีตะโกนเสียงดัง และกระบี่บินทั้ง 64 เล่มที่อยู่กลางอากาศก็หมุนรอบตัวเขาขณะที่พวกมันปล่อยกลิ่นอายแหลมคมที่ไร้รูปร่างและสั่นไหว อีกทั้งพวกมันยังเปล่งประกายแสงกระบี่ที่ผันผวนอย่างไม่มีสิ้นสุด ทำให้เกิดเสียงฟู่ออกมาจากอากาศที่ถูกมันเฉือน พวกมันเหมือนกับกลุ่มศัสตราที่กำลังสะสมพลังในขณะที่รอการใช้งาน และปรารถนาที่จะดื่มเลือดสด ๆ เพื่อความพึงพอใจ

หลิงไป๋เอามือกอดอกขณะที่เขาเฝ้าดู และพยักหน้ากับตัวเอง นี่ไม่ใช่การควบคุมกระบี่บินแค่แปดเล่ม แต่เป็นกระบี่บินทั้ง 64 เล่ม

ด้วยคุณภาพของกระบี่บินทุกเล่มในระดับมนุษย์ขั้นสูงหรือสุดยอด เฉินซียังคงสามารถสร้างค่ายกลกระบี่ได้อย่างไหลลื่น นี่เป็นผลงานที่พิเศษและยอดเยี่ยม หากเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลคนอื่น ไม่ต้องกล่าวถึงการสร้างค่ายกลกระบี่ แม้แต่การควบคุมกระบี่เหล่านี้ให้บินพร้อม ๆ กันก็นับว่ายากเย็นยิ่งนัก

ในแง่ของความแข็งแกร่ง พลังของค่ายกลกระบี่ของเฉินซีตอนนี้สามารถทำให้ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางหวาดกลัวจนขนหัวลุก หลิงไป๋เป็นวิญญาณแห่งกระบี่ที่มีอายุนับหมื่นปี และตัวเขาเองก็ได้รับสืบทอดอภิมหากระบี่แดนนิพพาน ดังนั้นสายตาของเขาจึงเฉียบแหลมอย่างมาก และสามารถประเมินพลังของค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสขั้นที่สองได้ในทันที

ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป

เม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเฉินซี และจากนั้นเขาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ทำให้กระบี่บินทั้ง 64 เล่มหล่นลงมากระแทกกับพื้นโดยตรง

‘ด้วยการบ่มเพาะของข้าในปัจจุบัน การใช้ค่ายกลกระบี่ขั้นที่สองนั้นยากเย็นเกินไป เมื่อข้าออกแรงอย่างเต็มกำลัง จะสามารถใช้พวกมันได้สูงสุดประมาณสี่ครั้งเท่านั้น จากนั้นพละกำลังของข้าจะถดถอยและไม่อาจทำอะไรได้อีก…’

“เฉินซี ค่ายกลกระบี่ของเจ้าทำให้ข้านึกถึงค่ายกลกระบี่พันจันทราเลือนกระแสที่มีอยู่เมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว ค่ายกลกระบี่นั้นก่อตัวขึ้นจากกระบี่บินกว่าสี่พันเล่ม และทันทีที่มันถูกเปิดใช้งาน ปราณกระบี่จะกวาดไปทุกทิศทุกทางและพุ่งสู่ท้องฟ้า ประหนึ่งคล้ายดวงจันทร์ที่สว่างไสวนับพันดวง ในทุก ๆ จันทร์เพ็ญ มันจะสามารถกระตุ้นให้กระแสน้ำขึ้นและลงได้ และก็สามารถต่อกรกับศัสตราวิเศษระดับสวรรค์และกำจัดทุกสิ่ง” หลิงไป๋ครุ่นคิดขณะที่เขากล่าว “ข้าได้ยินที่เจ้ากล่าวว่าค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสนี้เป็นเพียงแผนภาพค่ายกลกระบี่ที่ยังไม่สมบูรณ์ บางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับค่ายกลที่ข้าเอ่ยถึง”

“เจ้ารู้วิธีการบ่มเพาะของค่ายกลนั้นหรือไม่” เฉินซีถามด้วยความประหลาดใจ เขาพึงพอใจกับพลังของค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสนี้เป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเขาคิดว่าแค่ขั้นที่สองก็สามารถต่อกรกับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางได้แล้ว ดังนั้นขั้นที่สามและขั้นที่สี่ล่ะ? พวกมันจะไม่ทรงพลังมากกว่านี้หรือ?

“ค่ายกลกระบี่นั้นคือมรดกลับของนิกายกระบี่ที่ยิ่งใหญ่เมื่อหมื่นปีก่อน เดิมทีอาจารย์ของข้าต้องการแลกเปลี่ยนมันกับค่ายกลกระบี่นิพพานทศทิศของเขา แต่น่าเสียดายที่ถูกปฏิเสธ” หลิงไป๋ส่ายศีรษะขณะที่เขากล่าว

เฉินซีส่ายศีรษะอย่างผิดหวังเล็กน้อย และไม่คิดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะรู้สึกพอใจแล้ว ท้ายที่สุด ด้วยพลังขั้นที่สองของค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสก็เพียงพอที่จะให้เขาใช้ไปได้อีกสักพัก

“เฉินซี ไม่ว่าพลังของค่ายกลกระบี่จะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ได้แยกออกจากเส้นทางที่แท้จริงของเต๋าแห่งกระบี่ เพราะท้ายที่สุด มีเพียงความตั้งใจมุ่งมั่นและแน่วแน่ในการบ่มเพาะกระบี่เท่านั้น จึงจะบรรลุเต๋าแห่งกระบี่อันยิ่งใหญ่ไปสู่ขั้นที่เหนือกว่า เมื่อนั้นก็จะสามารถทำลายเคล็ดวิชาทั้งหมดด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ทั้งสังหารเทพ ทำลายล้างมารด้วยพลังที่ทรงอานุภาพเป็นอย่างยิ่ง” หลิงไป๋เตือนเขาด้วยเจตนาดี

“ข้าเข้าใจ” เฉินซีพยักหน้า เขานึกถึงตอนที่เขาเห็นเฉินฮ่าวเมื่อคืนก่อน เขาจำได้ว่าบรรพจารย์ใหญ่เหวินเสวี่ยนกล่าวว่าการบ่มเพาะกระบี่นั้นต้องบ่มเพาะหัวใจเสียก่อน นั่นคือหลักการที่อยู่เบื้องหลังการรู้แจ้งหัวใจกระบี่ ตอนนี้เขารวมมันเข้ากับสิ่งที่หลิงไป๋กล่าวถึง มันทำให้เขาบรรลุเต๋าแห่งกระบี่ในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมทันที

ผู้บ่มเพาะกระบี่ต้องการเพียงกระบี่เล่มเดียวในการกวาดล้างทุกแดนดินโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? เนื่องจากผู้บ่มเพาะกระบี่มีความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ดังนั้นผู้บ่มเพาะกระบี่จึงทรงอานุภาพเป็นอย่างมาก!

ในช่วงครึ่งเดือนต่อมา เฉินซีเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน นอกจากการบ่มเพาะประจำวันและแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชากระบี่กับหลิงไป๋แล้ว เขายังคงอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน ในขณะที่เขาทำจิตใจให้กระจ่างเพื่อเข้าใจแก่นแท้และความลึกซึ้งของค่ายกลกระบี่ธารประทีปเลือนกระแสขั้นที่สอง

การใช้ค่ายกลกระบี่ไม่นับว่ายาก แต่วิธีใช้ค่ายกลกระบี่อย่างเต็มกำลังนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง และต้องใช้การไตร่ตรองอย่างรอบคอบเพื่อทำความเข้าใจ

การจัดอันดับมังกรซ่อนใกล้เข้ามาทุกที

วันนี้อากาศหนาวจัดและมีลมพัดผ่านท้องฟ้าตลอดทั้งคืน เกล็ดหิมะขนาดใหญ่โปรยปรายลงมาบนโลกมากมาย ทำให้เมืองทะเลสาบมังกรทั้งหมดถูกแต่งแต้มด้วยสีขาวจนกลายเป็นโลกแห่งน้ำแข็งและหิมะ

“หิมะตกหนักมาก!” เฉินซีเดินไปที่ลานบ้านด้วยเสื้อคลุมยาวบาง ๆ แต่เขาไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย หิมะบนพื้นหนาถึงสิบสองชุ่น จึงทำให้เกิดเสียงเมื่อเหยียบย่ำ อากาศเย็นยะเยือกยังคงจู่โจมเขา แต่การได้เห็นหิมะทำให้หัวใจและวิญญาณของเขารู้สึกสดชื่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]