บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1313

บทที่ 1313 เต๋าแห่งทัณฑ์อำนาจเทวะ

บทที่ 1313 เต๋าแห่งทัณฑ์อำนาจเทวะ

บนลานประลอง การต่อสู้ที่ดุเดือดสั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์

คนทั้งสองต่างก็งัดเอาเคล็ดวิชาระดับสูงมาใช่ต่อสู้ พวกเขาเคลื่อนที่ไปมาขณะโจมตีอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดนิ่ง

เต๋ารู้แจ้งแห่งกระบี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รัศมีอันศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายเรืองรอง

พลังที่พวกเขาสำแดงออกมาสร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาลให้แก่แผ่นดิน ทำเอาผู้คนที่อยู่โดยรอบอดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้

หากการต่อสู้นี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก มันก็มีพลานุภาพเพียงพอที่จะกวาดล้างพื้นที่ราว ๆ แสนลี้ให้ราบเป็นหน้ากลองได้ ซ้ำร้าย มันยังสามารถนำพาภัยพิบัติครั้งใหญ่มาเยือนสิ่งมีชีวิตมากมายบนโลก

โครม!

เฉินซีตวัดกระบี่เพื่อโต้กลับการโจมตีของเซียวเชียนซุ่ย ร่างสูงใหญ่เปล่งประกายประหนึ่งเทพเซียนผู้เร้นกายภายใต้แสงอันโชติช่วง กระบี่ตะขอดาราเปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานแสนพิสุทธิ์ บัดนี้ชายหนุ่มได้เผยรัศมีอันน่าเกรงขามที่เปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจและพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างยากจะหาใดเทียมทัน

หากเปรียบเทียบกันแล้ว เซียวเชียนซุ่ยก็หาได้ต่างจากเขานัก กระบี่เซียนสังหารเทพของเซียวเชียนซุ่ยเองก็เรืองรองไปด้วยรัศมีแห่งความวิบัติ มันเป็นเหมือนแม่น้ำแห่งความวิบัติที่กวาดเกลียวคลื่นไปโดยรอบ เรียกได้ว่าเขาและเฉินซีนั้นได้ต่อสู้กันได้อย่างสูสีเลยทีเดียว

สิ่งหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือ แม้ว่าเต๋าแห่งกระบี่ของเซียวเชียนซุ่ยจะไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเซียนกระบี่อย่างเฉินซี แต่เขาก็สามารถรับมือกับการโจมตีจากอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายเพียงแค่อาศัยพลังของรัศมีแห่งความวิบัติเท่านั้น ช่างเป็นคนที่พิเศษไม่น้อย

ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่เซียวเชียนซุ่ยยากจะยอมรับ!

ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ไม่กี่ปี ไหนเลยจะสามารถต่อกรกับข้าได้อย่างทัดเทียมเช่นนี้!

ทั้ง ๆ ที่กับเยี่ยถังและว่านเจี้ยนเซิง เขาไม่ได้จริงจังเสียด้วยซ้ำ เหตุใดเขาถึงจะต้องมาเอาจริงเอาจังกับเด็กอย่างเฉินซีด้วยเล่า?

ทว่าในตอนนี้ เฉินซีกลับสำแดงพลังของขอบเขตเซียนกระบี่และมหาเต๋าแห่งแสงสว่างเพื่อต่อสู้กับเขาอย่างสูสี แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธด้วยนึกอับอายได้อย่างไร?

ตู้ม!

ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของผู้ชมทั้งหลาย ฉับพลันนั้นรัศมีพลังอันสง่างามก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเซียวเชียนซุ่ยครั้งใหญ่ คราวนี้สีหน้าของเขาเหี้ยมเกรียม ปราศจากกระแสแห่งความปรานี ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีพลังชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวที่ล้นเอ่อจากทั่วทั้งสรรพางค์

ตอนนี้เอง ไม่ว่าใครก็ล้วนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นพลังทำลายล้างจำนวนมหาศาลที่เร้นลอดจากร่างกายของเซียวเชียนซุ่ย มันเป็นพลังที่เยือกเย็นและคลุมเครือไปด้วยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่รุนแรงพอจะพลิกแผ่นดินให้พินาศลงได้

สิ่งนี้คือรัศมีแห่งความวิบัติ มันเป็นเหมือนกับแรงพิโรธจากสวรรค์ที่นำหายนะมาสู่โลก!

เคร้ง!

เสียงจากคมกระบี่เสียดแทงโสตประสาท กระบี่เซียนสังหารเทพปะทุลำแสงสีดำสนิทปกคลุมไปทั้งท้องฟ้า คล้ายความวิบัติครั้งใหญ่กำลังรวมตัวอยู่ภายในฝ่ามือของเซียวเชียนซุ่ย

เขาซัดกระบี่ออกไป!

แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!

ทุกที่ที่เจตจำนงกระบี่พาดผ่าน พื้นที่มิติพลันแตกสลาย แม้แต่พื้นของสนามประลองก็เกิดรอยแยกขนาดใหญ่ นับเป็นภาพที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

โชคดีที่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ข้อจำกัดรอบ ๆ สนามประลองได้ถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ มันสามารถต้านทานผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพลังโจมตีดังกล่าวได้อย่างไร้ที่ติ ไม่เช่นนั้นแล้ว สนามประลองนี้ก็คงจะพังพินาศอย่างแน่นอน

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของเซียวเชียนซุ่ยน่ากลัวเพียงใด!

มันสร้างความสนใจให้เกิดขึ้นแก่บรรดาผู้อาวุโสที่อยู่โดยรอบอย่างยิ่ง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ ในขณะที่บรรดาศิษย์ทั้งหลายนั้น พวกเขาหวาดหวั่นเสียจนหัวใจสั่นสะท้าน ตื่นเต้นกระทั่งแทบลืมหายใจ

ชิ้ง!

ครั้นเฉินซีสัมผัสได้ถึงพลังจากการโจมตีครั้งนี้ สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ชายหนุ่มหมุนควงกระบี่เซียนในมือขวา ปล่อยให้พลังแห่งแสงสว่างค่อย ๆ เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ มันเริ่มเปล่งพลังที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและเหี้ยมเกรียมอย่างไม่มีใครเทียบได้ ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและเข้าปะทะกับการโจมตีของเซียวเชียนซุ่ยในทันที

การโจมตีด้วยกระบี่นี้ไม่เพียงแต่หลุดพ้นจากข้อจำกัดของมิติเท่านั้น หากยังสามารถกระจายมิติให้แยกออกไป แสงกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยมหาเต๋าแห่งแสงสว่างกลายเป็นเปลวไฟแห่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชนและพลุ่งพล่าน พวกมันเรืองประกายซึ่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ชะล้างโลกให้พ้นมลทินมัวหมอง

ตู้ม!

เมื่อพลังแห่งความวิบัติและแสงสว่างปะทะกัน ฉับพลันนั้น พื้นที่มิติก็บังเกิดเสียงก้องกัมปนาท พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดจากแรงปะทะกวาดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ก่อนจะสร้างคลื่นแห่งการทำลายล้างที่กระเพื่อมดั่งพื้นน้ำออกมากลืนกินพื้นที่โดยรอบ

เมื่อมองจากระยะไกล ทั่วทั้งสนามประลองในยามนี้พร่ามัวไปด้วยละอองฝุ่นและเศษธุลี แสงสว่างที่ซุกซ่อนในใจกลางพายุนั้นส่องกราดไปทั่วทั้งผืนฟ้า ชวนให้รู้สึกคล้ายดั่งจุดจบของโลกกำลังมาถึง

จริงอยู่ที่ศิษย์ทั้งหลายรู้ดีว่าสนามนี้มีข้อจำกัดคอยป้องกันอยู่ ทว่าพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวด้วยนึกตกใจเสียจนอกสั่นขวัญแขวน

ไม่มีใครไม่ตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ การต่อสู้ระหว่างเยี่ยถังและว่านเจี้ยนเซิงนับว่าเป็นการปะทะกันระหว่างดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่สองดวง ทว่าหากเปรียบเทียบในแง่ของพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว มันก็ยังเทียบไปไม่ได้กับการต่อสู้กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

ฟึ่บ!

บนสนามประลอง ร่างของเฉินซีและเซียวเชียนซุ่ยผละออกจากกัน คนนั้นสองยืนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล

ท่าทางของเฉินซียังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแแปลง

ผิดกับเซียวเชียนซุ่ยที่เริ่มบังเกิดความกดดันหนึ่งขึ้นภายในใจ

“น่าเสียดาย แม้ว่าเจ้าจะเข้าใจในพลังแห่งแสงสว่างแล้ว แต่ก็ยังบรรลุแต่เพียงในฐานะของกฎเท่านั้น เจ้ายังไม่อาจขัดเกลาให้มันกลายเป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ได้ การโจมตีเมื่อครู่ข้าเพียงหยั่งเชิงเท่านั้น ต่อไปข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าไร้เทียมทานนั้นเป็นเช่นไร!” เซียวเชียนซุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าที่มืดมนของเขาเผยร่องรอยอันเหี้ยมเกรี้ยมและน่าสยดสยอง

แค่หยั่งเชิงอย่างนั้นหรือ? เฉินซีเหยียดยิ้มที่มุมปากก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อเจ้าว่าเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องออมมืออีกต่อไป”

การปะทะกันเมื่อครู่เป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้นหรือ?

ผู้คนที่ได้ฟังดังนั้นต่างก็ตกตะลึง พวกเขาถึงกับพูดไม่ออกในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]