บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1322

บทที่ 1322 ผู้เฒ่าเกออวิ๋น

บทที่ 1322 ผู้เฒ่าเกออวิ๋น

ที่นี่สมกับเป็นเมืองคนบาปจริง ๆ

ในระหว่างที่เฉินซีนั่งอยู่ลำพังบนชั้นหนึ่งของภัตตาคารวิญญาณมังกร ก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นถึงสามครั้ง ทว่าก่อนที่การต่อสู้จะเกิดขึ้น พวกเขาก็ถูกผู้จัดการโยนออกไปทีละคน

ลูกค้าในภัตตาคารต่างก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานแล้ว จึงไม่มีท่าทีแปลกใจใด ๆ

“สหาย เจ้ารังเกียจที่จะดื่มกับข้าหรือไม่?”

ทันใดนั้น ชายหนุ่มในชุดปักก็เดินเข้ามาเฉินซี แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขามีผิวขาว ดวงตาสุกใส ดูเหมือนนายน้อยที่หล่อเหลาและเจ้าสำราญ

“ใช่” เฉินซีกล่าวด้วยท่าทีเย็นชาและไม่แยแส “ข้ากำลังรอคนอยู่ ไปดื่มกับคนอื่นเถิด”

ชายหนุ่มกะพริบตา แต่ดูเหมือนไม่จะไม่เข้าใจในคำปฏิเสธ เขาค่อย ๆ นั่งลงตรงข้ามกับเฉินซี แล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีคนชั่วมากมายอยู่ที่นี่ หรือเจ้าอยากให้ข้าไปดื่มกับคนเหล่านั้น?”

ทันทีที่สิ้นคำ มุมปากของเขาก็โค้งงอขึ้น และมีท่าทางน่าสมเพช

อย่างไรก็ตาม เฉินซีรู้สึกถึงความรังเกียจในใจ ชายคนนี้ไม่ดูเหมือนอิสตรีเกินไปหรือ? ไยต้องทำท่าทางเช่นนี้ในเมื่อเป็นบุรุษ? คนชั่วเยอะแล้วอย่างไร? หรือเขาไม่รู้ว่านี่คือเมืองคนบาป?

แต่หลังจากนั้น เฉินซีก็ตกตะลึง เพราะเมื่อเขาใช้เนตรเทวะแห่งความจริงกับคนตรงหน้า เขากลับไม่พบเศษเสี้ยวกลิ่นอายแห่งบาปบนคนผู้นี้เลย

“ที่แท้เจ้ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อื่นสินะ” เฉินซีเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด

ชายหนุ่มตกตะลึง แล้วจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ข้าก็รอคนอยู่เหมือนกัน”

“โอ้? นั่นเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ” คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น

“มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ” ชายหนุ่มยิ้มแย้ม พลางรินสุราให้ตนเองหนึ่งจอก จากนั้นก็วางมือบนแก้มของเขา ก่อนที่จะจ้องมองเฉินซีแล้วถอนหายใจเบา ๆ “แต่น่าเสียดาย คนที่ข้าเฝ้ารออยู่ กลับจำข้าไม่ได้ มันน่าเศร้าใจจริง ๆ”

ดวงตาของเฉินซีเบิกกว้าง ในขณะที่เขาสำลักสุรา ไอออกมาชุดใหญ่จนหายใจไม่ทัน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ลมหายใจก็กลับมาเป็นปกติ และมองชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาดพิกล ราวกับตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

“ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วกระมัง?” ชายหนุ่มเจ้าสำราญกะพริบตาให้

“ใช่” เฉินซีพยักหน้า “สรุปว่าเจ้าเป็นผู้ชาย”

คราวนี้สุราพุ่งออกมาจากปากของอีกฝ่าย แล้วจ้องมองเฉินซีด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ผู้ชาย?”

หลังจากนั้น ชายหนุ่มเจ้าสำราญรู้สึกขบขันจนหัวเราะเสียงดังลั่น ในขณะที่รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนแก้ม ดวงตาก็กลายเป็นจันทร์เสี้ยวสองวง ยิ่งไปกว่านั้น ริมฝีปากสีแดงและชุ่มชื้นก็โค้งงอเป็นรอยยิ้ม ซึ่งเผยให้เห็นความงามไร้ผู้ใดเปรียบ

หลังจากนั้น ในที่สุดเฉินซีก็รู้ว่าตนเข้าใจผิด จึงอดรู้สึกละอายเล็กน้อยไม่ได้

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวลึกลับที่เรียกตัวเองว่าเตียนเตี้ยน ทว่ามันไม่ใช่ความผิดของเฉินซีที่จำนางไม่ได้ เพราะนางใช้เคล็ดวิชาลับบางอย่างเพื่อปกปิดกลิ่นอายของตนได้อย่างสมบูรณ์และเปลี่ยนแปลงมันไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้คนอื่นไม่สามารถแยกแยะตัวตนที่แท้จริงของนางได้

“ทำไมเจ้าถึงเลือกที่นี่เป็นสถานที่นัดพบ” เมื่อเห็นนางหยุดหัวเราะ เฉินซีก็เปลี่ยนหัวข้อทันที ซึ่งหากกล่าวตามตรงแล้ว เขาไม่เคยคาดหวังว่านางจะมาที่นี่เร็วขนาดนี้ และมันเท่ากับเสียศิลาอมตะหนึ่งหมื่นก้อนไปกับห้องพักโดยเปล่าประโยชน์

“มีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้น ที่นำไปสู่ซากโบราณสถานแรกกำเนิด” เตียนเตี้ยนกลั้นรอยยิ้มของตน และหยิบขวดสุราขึ้นมาหมุนเล่นบนฝ่ามือ นิ้วของนางเรียวและเรียบเนียน ละเอียดอ่อนและขาวราวกับหยกเนื้องาม ทั้งยังสวยงามไร้ที่ติ

ซากโบราณสถานแรกกำเนิด!

ดวงตาของเฉินซีจดจ่อ และเป็นไปตามที่เขาคาดไว้จริง ๆ ตามข้อมูลที่ได้รับจากหลิงไป๋ ซากโบราณสถานแรกกำเนิดในปัจจุบัน เป็นสถานที่ที่กลียุคของทั้งสามภพเริ่มต้นขึ้น มันเต็มไปด้วยการทำลายล้างและหายนะ ดังนั้นการมุ่งหน้าไปที่นั่นในยามนี้ จึงไม่ต่างจากการเอาชีวิตไปทิ้ง

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมหรือ?”

เตียนเตี้ยนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้ากำลังแสวงหาวาสนา ซากโบราณสถานแรกกำเนิดเป็นหนึ่งในดินแดนที่เก่าแก่ที่สุดในสามภพ และพลังงานของกฎโลกในยุคก่อนประวัติศาสตร์ยังคงอยู่ที่นั่น ไม่เพียงเท่านั้น นิกายในยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็ล่มสลายลงที่นั่น ซึ่ง ณ ปัจจุบัน พร้อมกับการมาถึงของกลียุคทั้งสามภพ สถานที่แห่งโชคลาภบางแห่งก็กำลังจะปรากฏขึ้นที่นั่น”

นางหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาที่สุกใสของนางก็จ้องมองที่เฉินซี แล้วจึงกล่าวว่า “นี่เป็นวาสนาที่หาได้ยาก ถ้าเราพลาดมันไป ซากโบราณสถานแรกกำเนิดจะสูญหายไปตลอดกาล”

เฉินซีขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ข้าแค่กังวลว่าความแข็งแกร่งของข้าไม่เพียงพอ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีเหตุไม่คาดฝัน? ผลที่ตามมาคงยากเกินกว่าจะจินตนาการได้”

“อย่าได้กังวล เจ้ามีข้าอยู่ทั้งคน” ริมฝีปากสีแดงของเตียนเตี้ยนเผยอออก และกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนหวาน ท่าทางทั้งสงบและมั่นใจ

“ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ ข้ายังไม่เข้าใจว่าข้าสามารถช่วยอะไรเจ้าได้?” เฉินซีเอ่ยตามจริง

“ข้าจะบอกเจ้าอย่างละเอียด หลังจากที่เราไปถึงซากโบราณสถานแรกกำเนิด สรุปแล้ว เมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจะเป็นของเจ้า เพราะถึงอย่างไร มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อข้ามากนัก”

ทันทีที่สิ้นคำ สีหน้าของนางก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที “เราจะมุ่งหน้าไปยังซากโบราณสถานแรกกำเนิดโดยเดินทางผ่านทะเลอนันตราในเช้าวันพรุ่งนี้ ในเวลานั้น ศิษย์สองคนจากตำหนักเต๋าหนี่หวาจะเข้าร่วมกับเรา เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเขา เพียงตามข้ามาก็พอ”

ตำหนักเต๋าหนี่หวา!

เฉินซีตกใจอย่างมาก เพราะโดยไม่คาดคิด การเดินทางไปยังซากโบราณสถานแรกกำเนิดครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับตำหนักเต๋าหนี่หวาเช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า โชคลาภที่นางวางแผนในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ คงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน!

“ในเมื่อศิษย์ของตำหนักเต๋าหนี่หวาปรากฏตัว แล้วนิกายอื่น ๆ ล่ะ?” เฉินซีถามด้วยท่าทางสงสัย

แม้ไม่ได้เอ่ยถึงเขาเทพพยากรณ์และนิกายอำนาจเทวะ แต่เขาเชื่อว่าเตียนเตี้ยนจะเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำกล่าวนี้ได้อย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]